เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 480 ชิงหลง ไป๋หม่า จู่เชว่
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 480 ชิงหลง ไป๋หม่า จู่เชว่
ตอนที่ 480 ชิงหลง ไป๋หม่า จู่เชว่!
เย่เฉินครุ่นคิดแล้วพบว่าภรรยาที่อยู่ที่นั่นจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ เลยเอ่ยถาม
“มู่ชิง คุณไปเจอเรื่องอะไรที่ร้านหรือเปล่าครับ? คุณสารภาพมาเถอะ ไม่เป็นไรนะครับ ผมเองก็ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเหมือนกัน ผมมีสิทธิ์รู้ครับ”
ซูมู่ชิงเองก็รู้สึกว่าถ้า Gilbey’s Bar เป็นธุรกิจของตระกูลเย่จริงๆ งั้นหล่อนก็จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้ให้สามีได้รู้
ซูมู่ชิงจึงกล่าว “ฉันบอกว่าฉันเป็นใครกับคนที่นี่ แล้วก็บอกด้วยว่าฉันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเก๋อหลินกรุ๊ปแต่ว่าพวกเขากลับบอกว่าไม่รู้จักฉันค่ะ แล้วก็ไม่ร็จักบริษัทเราด้วย”
เย่เฉินได้ยินก็เกิดความสงสัยทันที “อะไรนะ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดแบบนี้ขึ้น? คุณรอเดี๋ยวนะครับ”
เย่เฉินดึงโทรศัพท์ออกมาจากปาก แล้วใช้มือปิดบริเวณไมค์จากนั้นก็หันไปถามพ่อบ้านฟางที่กำลังนั่งขับรถอยู่ “พ่อบ้านฟางครับ Gilbey’s Bar เป็นธุรกิจของตระกูลเย่เราใช่ไหมครับ?”
พ่อบ้านฟางพยักหน้ารับ “แน่นอนครับ คุณชาย”
เย่เฉินถือโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วกล่าวกับซูมู่ชิง “คุณยกเรื่องนี้ให้ผมจัดการเองครับ คุณรอผมที่นั่น เดี๋ยวผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นเย่เฉินกดวางสายแล้วเห็นสีหน้าไม่สู้ดี ซูหมิงเจ๋อถามอย่างห่วงใยทันที “ทำไมล่ะ เย่เฉิน มู่ชิงมีเรื่องที่ร้านเหล้าเหรอ?”
เย่เฉินระบายยิ้ม รู้ว่าซูหมิงเจ๋อเป็นห่วงลูกสาวของตนเอง อย่างไรเสียเป็นเด็กผู้หญิงพอไปถึงสถานที่อโคจรอย่างร้านเหล้าย่อมกลัวว่าจะอันตราย
เย่เฉินกล่าว “ไม่มีอะไรครับ คุณพ่อ พนักงานที่นั่นไม่รู้จักซูมู่ชิง เดี๋ยวผมไปเอง โชเฟอร์ครับ จอดรถที เดี่ยวผมจะลงที่นี่เลย”
พ่อบ้านฟางถาม “คุณชายครับจะให้ผมไปช่วยคุณชายไหมครับ?”
เย่เฉินกล่าว “ไม่ต้องหรอกครับ คุณไปส่งพ่อตาผมกับลูกสาวผมไปพบคุณปู่ผมที เดี๋ยวผมจะไปหาชิงหลง”
พอได้ยินชื่อ “ชิงหลง” พ่อบ้านฟางก็ระบายยิ้มออกมา “จริงสิครับ คุณชายกลับมาแล้ว เรียกใช้ชิงหลงก็ได้ครับ”
ชิงหลงเป็นมือขวาคนสำคัญที่ตระกูลเย่ส่งไปให้ดูแลเย่เฉิน!
เขาเองเป็นคนที่เรียกได้ว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ!
เย่ฉงไห่ส่งตัวมือขวาให้หลานทั้งสามคนอย่างเย่เทียน เย่เซวียนและเย่เฉินเพื่อจะได้สืบทอดกิจการของตระกูลเย่!
ได้แก่ชิงหลง ไป๋หู่และจูเชว่!
ชิงหลงติดตามเย่เฉิน ไป๋หู่ติดตามเย่เทียน ส่วนเจ้านายของจูเชว่ก็คือเย่เซวียน
ตระกูลเย่ไม่ได้ส่งแค่เย่เทียน เย่เซวียนและเย่เฉินไปฝ่าฟันลำบากเท่านั้น แต่ยังฝึกซ้อมชิงหลง ไป๋หู่และจูเชว่ตั้งแต่เด็ก!
ชิงหลง ไป่หู่และจูเชว่ ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร แต่เย่ฉงไห่คัดเลือก ฝึกปรือคนเก่งสามคนจากคนนับร้อยเพื่ออยู่เคียงข้างนายน้อยของตระกูล
หลังจากโดนจับฝึกหนักมาหลายสิบปี จนสุดท้ายก็ได้ตัวชิงหลง ไป๋หู่และจูเชว่มา
พวกเย่เฉินโดนไปทดสอบต่างๆ นานาก็แล้ว แต่พวกชิงหลงโดนฝึกหนักกว่ามาก!
พวกเย่เฉินต้องทดสอบด่านธุรกิจ พวกชิงหลงเองก็ต้องไปล้มลุกคลุกคลานในโลกธุรกิจทั่วโลกเป็นเวลาหลายปี!
ที่จริงแล้วเพียงแค่กำลังคนๆ เดียวหรือเส้นสาย พวกเย่เฉินยังไม่เก่งเท่าพวกเขาสามคนด้วยซ้ำ !
แต่ว่าต่อให้ทั้งสามคนเก่งกาจเท่าไหร่ก็เป็นแค่คนใช้ของเย่เฉิน
เมื่อนึกถึงชิงหลง รอยยิ้มก็ผุดบนใบหน้าของเย่เฉิน หมอนี่สุดยอดจริงๆ เขาถือเป็นคนที่เก่งที่สุดในสามมือขวา เก่งเสียยิ่งกว่าไป๋หู่และจูเชว่มาก!
“ถ้าหากว่าคุณปู่อนุญาตให้เราเรียกใช้ชิงหลงได้ล่ะก็นะ เราคงไม่ต้องทนรับอะไรมากมายแบบนี้!”
เย่ฉงไห่ตั้งกฎเอาไว้ว่าระหว่างที่เย่เฉินกำลังทดสอบอยู่ ห้ามเรียกใช้ชิงหลง หรือขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
เพราะชิงหลงเก่งมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของตัวเขาเองหรือว่าอิทธิพลที่มี
ปกติแล้วถ้าเย่เฉินเจอเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็น่าจะจัดการได้เอง!
ตอนนี้เย่เฉินมาที่ประเทศอังกฤษจึงสามารถติดต่อชิงหลงได้
เย่เฉินกดโทรหาชิงหลง
“ชิงหลง นายสบายดีไหม?”
เย่เฉินทักทายเพื่อนเก่าคนนี้อย่างดีใจ ที่จริงชิงหลงเองก็ไม่ได้แก่ไปกว่าเขาเท่าไร อายุแค่ 32 ปีเท่านั้น
“คุณชาย!”
เสียงปลายสายเป็นเสียงผู้ชายห้าวๆ ทุ้มๆ ก็คือชิงหลง!
เย่เฉินกล่าว “เรียกพี่สิ!”
ชิงหลงกล่าว “คุณชาย!”
เย่เฉิน “โอ้ย แล้วนายก็ไม่ยอมเรียกฉันว่าพี่เสียที!”
เย่เฉินอยากให้ชิงหลงเรียกเขาว่าพี่มาหลายปี เสียดายที่ทำไม่ได้ตามที่ต้องการ
ชิงหลงจึงกล่าว “คุณชาย คุณชายกลับมาแล้วเหรอครับ?”
เย่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ใช่สิ ถ้าไม่กลับมาแล้วจะติดต่อนายได้ยังไง”
อีกฝ่ายจึงถาม “คุณชายมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
เย่เฉินกล่าว “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นายช่วยหาตัวคนที่ดูแล Gilbey’s Ba r มาหน่อย แล้วให้เขารีบไปพบฉันที่ Gilbey’s Bar”
ชิงหลง “ครับ! คุณชายมีอะไรจะสั่งอีกไหมครับ?”
เย่เฉิน “ตอนนี้ยังไม่มี คอยรอรับคำสั่งฉันแล้วกัน!”
ชิงหลง “ครับ!”
เย่เฉินวางสาย แล้วเรียกรถแท็กซี่มาคันหนึ่งตรงดิ่งไปที่ Gilbey’s Bar
เมื่อมาถึงบาร์เหล้าแล้วก็เห็นพวกสาวๆ ทันที พวกหล่อนกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่บาร์เหล้า
ทันทีที่เห็นเย่เฉินเดินมา ฟางชิงก็ฉีกยิ้มเสแสร้งจอมปลอมทันที “อ้าวนี่ สามีของที่รักของเรามาแล้ว รีบนั่งลงเถอะ พี่เย่สุดหล่อ คุณมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ เราซื้อเหล้าราคาแพงมาตั้งสี่ขวดเชียวนะ เสียดายแย่”
ฟางชิงเจอเย่เฉินอีกครั้งแล้วยังทำท่าทีเป็นมิตรเหมือนเป็นเจ้าบ้านรับรองแขกเหมือนเดิม
ส่วนจางเหมิงและหลินเป้ยเป้ยมองเย่เฉินอีกครั้งแต่ไม่สนใจเขา มีท่าทีดูถูก พวกหล่อนไม่แม้แต่จะเหลือบแลมาที่เย่เฉินแม้แต่น้อย
หลังจากที่เรียกให้เย่เฉินนั่งลงแล้วก็เป็นฝ่ายรินเหล้าให้เย่เฉินก่อน พลางสูบบุหรี่แล้วหัวเราะน้อยๆ
“แหม คุณเย่ บาร์เหล้าของคุณกับมู่ชิงนี่บรรยากาศดีจริงๆ เลย วันนี้ดีนะที่ได้คุณ เราเลยได้ดื่มเหล้าฟรี มาสิ ฉันขอดื่มให้คุณสักแก้วนะคะ”
จางเหมิงและหลินเป้ยเป้ยหัวเราะเสียงเย็น แต่ไม่ได้มีท่าทีจะชนแก้วกับอีกฝ่าย
เย่เฉินเคยเรียนโหงวเฮ้ง ทำให้เขาพอจะมองออกแล้ว ท่าทีที่เป็นมิตรของฟางชิง แต่ที่จริงแล้วคนๆ นี้เสแสร้งแกล้งทำ
หล่อนปากหวานก้นเปรี้ยว ชอบเยาะเย้ยคนอื่น แถมยังพูดจากลับกลอก
หล่อนทำเหมือนว่ากำลังชมเย่เฉิน แต่ที่จริงแล้วเหยียดหยามเขา
เพราะเหล้าพวกนี้ เย่เฉินไม่ได้เลี้ยง แต่เป็นฟางชิง
แต่ฟางชิงกลับไม่แฉอะไรเขา แต่พออยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ก็ทำท่าทีใจกว้าง บอกให้ซูมู่ชิงไม่ต้องพูดอะไร
แต่ว่าในใจของซูมู่ชิงกลับอึดอัดอย่างมาก
เย่เฉินไม่ใช่คนโง่ ย่อมไม่ดื่มเหล้าแก้วนี้
เย่เฉินขึงขัง “คุณหนูฟาง คุณไม่ต้องพูดจาแบบนี้ ผมรู้เรื่องที่ซูมู่ชิงเจอเรื่องวุ่นวายที่นี่แล้ว พนักงานที่นี่ไม่ใช่รู้จักมู่ชิง”
ฟางชิงเห็นเขาไม่ยอมดื่มเหล้ากับหล่อนก็เลยดื่มแล้วแล้วพึมพำในลำคอ “อยากให้คนรู้จักคุณ ตัวเองก็ต้องมีความสามารถด้วยสื”
เย่เฉินเองก็รู้สึกว่าฟางชิงคนนี้เจ้าเล่ห์อย่างมาก ทุกคำพูดล้วนเต็มไปด้วยการทิ่มแทง
และเป็นไปได้มากทีเดียวที่ซูมู่ชิงร้องไห้ก็เป็นเพราะคำพูดของคนผู้นี้!
“นังผู้หญิงน่ารังเกียจ คิดไม่ถึงว่าจะทำเมียฉันร้องไห้!”
ตอนนี้เย่เฉินไม่พอใจในตัวฟางชิงอย่างมาก!