เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 494 แม่ยายมาถึง
ตอนที่ 494 แม่ยายมาถึง!
“ให้หวังเจียเหยาอยู่กับเย่เฉินเหรอ?”
เย่ฉงไห่ขมวดคิ้ว “หวังเจียเหยาเหมาะสมจะฝึกฝนสภาวะจิตใจของเสี่ยวเฉินที่สุดก็จริง เพราะเขาเองก็ไม่ได้ถือว่าประสบควาทสำเร็จจนเกินไปนักกับการทดสอบครั้งนี้ แต่ว่าแม่นี่ทำร้ายจิตใจเสี่ยวเฉินมากเกินไป ถ้าให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน ออกจะทรมานใจเขาไปหน่อยหรือเปล่า?”
เย่เทียนกล่าวว่า “คุณปู่ครับ มีแค่การฝึกฝนที่คนธรรมดารับไม่ได้เท่านั้นครับถึงจะสามารถสร้างจิตใจที่แข็งแกร่งเกินคนธรรมดาได้ ตั้งแต่เล็กจนโตคุณปู่สั่งสอนพวกเรามาตลอดให้มีความกล้าจะเผชิญหน้ากัยเรื่องที่คนธรรมดาไม่กล้าต่อสู้ ผม น้องรองและน้องสามได้เรียนรู้ อบรมต่างๆ นานาตั้งแต่เด็ก พอโตก็ได้ไปทดสอบเรื่องต่างๆ ทั่วโลก เลยไม่ได้สนิทสนมกับพ่อแม่ เดิมทีผมอิจฉาเด็กธรรมดาที่ได้อยู่กับพ่อแม่ตัวเองทุกวัน ต่อมาหลังจากที่ผมรู้ความลับของตระกูลผมถึงได้เข้าใจในความลำบากของคุณปู่ คุณปู่ครับ เราจะต้องทำใจแข็งนะครับเพื่อให้น้องสามได้กลายเป็นคนสืบทอดที่โดดเด่นและมีวุฒิภาวะ เพื่อที่เขาจะได้รับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต!”
เย่ฉงไห่ถอนหายใจเหมือนว่าเขาเองก็ไม่มีเหตุผลจะเถียงหลานชาย
“เรื่องนี้เราพักไว้ก่อน ขอปู่คิดดีๆ”
“ครับคุณปู่”
……
ในตอนนั้นเย่เฉินกับซูมู่ชิงกำลังจับมือกันกลับมาที่บริเวณสวนเพื่อชมผลไม้นานาพรรณอีกครั้ง
ในระหว่างที่เย่เฉินกำลังชมวิวผลไม้ต่างๆ อยู่นั้นก็กล่าวขึ้นว่า “ที่รัก หวังเจียเหยาตอนนี้เองก็อยู่ในปราสาทเหมือนกัน คุณจะกังวลไหม?”
ซูมู่ชิงส่ายหน้า “ไม่นะคะ ฉันรู้ว่าคุณไม่รักหล่อนแล้ว ไม่กังวลหรอกค่ะว่าคุณจะแอบไปนัดพบกัน คิกคิก”
เย่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผมไม่ยอมทำเรื่องประเภทนั้นกับหล่อนหรอก ที่รักครับ ต่อไปคุณมีเสื้อผ้าที่สกปรก หรือว่ามีอะไรก็สั่งหล่อนทำเลยนะครับ หล่อนอยากจะเอาชนะคุณ ด้วยความเข้าใจที่ผมมีในตัวหล่อนเนี่ย ถ้าคุณพยายามยั่วโมโหหล่อนเดี๋ยวก็โมโหแล้วยอมแพ้ไปเอง”
ซูมู่ชิงสางผม แล้วก้มหน้าเพื่อลอดกิ่งไม้ที่ห้อยลงมาแล้วกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะคะอีกอย่างฉันก็คิดว่าหล่อนออกจะรักคุณ เดิมทีหล่อนยังเกาะซูมู่หลินอยู่เลย แม่ฉันเองก็ชอบหล่อนมาก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานหล่อนน่าจะได้รับการยอมรับจากที่บ้านของฉัน ได้เป็นภรรยาของซูมู่หลิน พูดตามจริงนะคะสำหรับคนแบบหล่อนแล้วทั้งฐานะทางบ้านและหน้าตาทางสังคมของพวกเราเนี่ยก็มีอยู่ไม่น้อย ถ้าหล่อนเป็นพวกหลงใหลไปกับของนอกกายแล้วเนี่ย หล่อนไม่จำเป็นต้องถ่อมาหาคุณ แล้วเสี่ยงจะเสียซูมู่หลินไป ต้องยอมรับว่าหล่อนก็น่าจะชอบคุณมากทีเดียว”
เย่เฉินนึกถึงตอนที่งานคอนเสิร์ตในครั้งนั้น ที่หวังเจียเหยาเดินตามออกมาคุยกับตนเอง
เย่เฉินกล่าวว่า “หล่อนรักในเงินทองจริงๆ แต่ก็ชอบผมมากจริงๆ เหมือนกัน ที่หล่อนรีบร่อนมาที่อังกฤษโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเป็นเพราะคุณได้ครอบครองในสิ่งที่หล่อนคิดว่าเดิมเป็นสิ่งที่หล่อนควรจะมี หล่อนไม่อยากยอมแพ้”
ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ แล้วจู่ๆ ในตอนนี้เองโทรศัพท์ของหล่อนก็ดังขึ้น
ทันทีที่หยิบโทรศัพท์มาดูก็พบว่าคนโทรมาคือมารดาของหล่อนจางเชี่ยนจือ
“ฮัลโหล ค่ะแม่”
จางเชี่ยนจือ “ลูกรัก ลูกอยู่ที่ไหน? อยู่กับเย่เฉินหรือเปล่า?”
ซูมู่ชิงกล่าว “ค่ะ หนูกับเย่เฉินกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนที่บ้านเขาค่ะ”
จางเชี่ยนจือกล่าว “อ้อ จ้ะๆ เอ่อ ลูกช่วยบอกเย่เฉินเขาทีว่าให้เขาช่วยส่งรถม้าทองคำอะไรนั่นมารับแม่กับน้าๆ ของลูกที”
ซูมู่ชิงชะงัก “แม่คะ แม่มาอังกฤษเหรอคะ? เย่เฉินไม่ให้แม่มาไม่ใช่เหรอคะ? แล้วทำไมจู่ๆ…”
จางเชี่ยนจือกล่าวอย่างไม่พอใจ “สารเลว! ลูกสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนขี้ที่ถูกโยนออกนอกบ้านจริงๆ ด้วย! แกแต่งงานกับเย่เฉินแล้วแกไม่ใช่ลูกสาวของฉันแล้วหรือไง! ทำไมถึงได้ออกตัวแทนเขาล่ะ? เขาไม่ให้ฉันมา ฉันจะมาไม่ได้เลยหรือไง? ฉันเป็นแม่ของแกมาเจอหน้าญาติลูกเขยแล้วมันผิดตรงไหน!”
เย่เฉินหันมองซูมู่ชิงแล้วถาม “แม่คุณเหรอ?”
ซูมู่ชิงเองก็พยักหน้ารับอย่างลำบากใจ “ขอโทษด้วยนะคะ แม่มาอังกฤษแล้วล่ะค่ะ”
เย่เฉินกล่าว “ไม่เป็นไรครับ อย่างไรเสียท่านก็เป็นแม่คุณ เป็นแม่ยายของผม ก่อนนี้ที่ผมไม่ให้แม่คุณมาเป็นเพราะแม่คุณจะหาสามีใหม่ให้คุณ ในเมื่อมาก็ให้ท่านมาเถอะ ส่งโทรศัพท์ามได้เลยครับ”
เย่เฉินเป็นคนที่ค่อนข้างมีมารยาท ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ชอบแม่ยายนัก แต่ก็ไม่ตัดรอนน้ำใจกันจนเกินไป
เย่เฉินรับโทรศัพท์มา “แม่ครับ”
จางเชื่ยนตืออุทานออกมาอย่างตกใจ “อ้อ เสี่ยวเฉิน แม่มาเยี่ยมเธอที่อังกฤษแน่ะ ตอนนี้อยู่สนามบิน พอจะส่งคนมารับได้ไหมจ๊ะ?”
เย่เฉินกล่าว “ได้ครับ ผมจะไปรับคุณแม่ที่สนามบินด้วยตัวเองเลยครับ”
จางเชี่ยนจือกล่าว “เอ่อ เสี่ยวเฉิน แม่อยากนั่งรถม้าของตระกูลเย่ พอจะได้ไหม?”
เย่เฉินมีท่าทีลำบากใจ “ไอ่ได้มันก็ได้นะครับ แต่ว่ารถม้ามันช้า ที่นี่อยู่ค่อนข้างไกลจากสนามบิน ต้องรอนานนะครับ”
จางเชื่ยนจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร พวกเราเล่นไพ่รออยู่ที่นี่ก็ได้ จะรอชั่วโมงสองชั่วโมงก็ไม่เป็นไรหรอก ฮ่าๆ”
“พวกเราเหรอ?” เย่เฉินสับสน หรือว่าแม่ยายของเขาไม่ได้มาคนเดียว?
หรือซูมู่หลินตามมาด้วย
อีกฝ่ายรีบตอบ “อ้อ ก็น้าๆ ทั้งนั้น ตัวพวกหล่อนค่อนข้างอ้วนนะ รถม้านั่งได้กี่คนเหรอ? แม่ว่าคันเดียวไม่พอนะ ไม่งั้นเธอลองไปถามขอยืมรถท้าของควีนมาสิ เรานั่งรถม้าทองคำกันจะต้องสุดยอดไปเลย!”
เย่เฉินก็เริ่มชักจะโกรธเหมือนกัน “แม่ครับ รถม้าของควีนท่านนอกจากเชื้อพระวงศ์แล้ว มีแต่คนใหญ่คนโตของแต่ละประเทศนะครับจะมีสิทธิ์ได้นั่ง ส่วนรถม้าของตระกูลเย่เราผมก็พอจะฝืนๆ นับแม่เป็นคนในครอบครัวเลยได้ยิมให้แม่นั่ง แต่ขาไพ่เนี่ย พวกนั้นไม่มีสิทธิ์นั่งรถม้าของตระกูลเราหรอกนะครับ!”
รถม้าสองคันล้วนแต่ถูกสร้างที่ออสเตรเลีย ไม่ว่าจะความสง่างามหรือธรรมเนียมปฎิบัติจึงเหมือนกัน
ล้วนแต่ต้องเป็นคนยิ่งใหญ่ถึงจะมีสิทธิ์ได้นั่ง
จางเชี่ยนจือไม่เข้าใจรู้สึกในเมื่อของตระกูลเย่ก็น่าจะให้ใครนั่งก็ได้ไพล่คิดไปว่าอีกฝ่ายใจแคบ
“เย่เฉินก็แค่รถม้าคันเดียวของตระกูลไม่ใช่หรือไง? น้าๆ พวกนั้นหล่อนมีอำนาจมีอิทธิพลในประเทศเรามากนะ ทำไมพวกหล่อนถึงนั่งไม่ได้!”
เย่เฉินกล่าว “แม่ครับ แม่ไม่ได้เข้าใจความหมายของรถม้าคันนี้เลย แม่รู้ไหมครับว่าถ้ารถม้าถูกขับออกไปแล้วจะต้องมีนายทหารหรือตำรวจออกไปอารักขากี่คนครับ? ขาไพ่แม่เป็นแค่คนธรรมดา แล้วจะให้ที่นี่วุ่นวายเพราะพวกหล่อนหรอกครับ แล้วจะให้ผมแจ้งทางราชวงศ์ยังไง? สรุปเลยคือรถม้าคงจะไม่ได้แต่ถ้าแม่ยอม ผมจะขับเบนท์ลี่ย์ไปรับ”
จางเชี่ยนจือแหวใส่ “ใครอยากจะนั่งเบนท์ลี่ย์ของแกกัน! ตระกูลเราก็มีเยอะแยะ! ไอ้เขยขยะนี่ ตอนอยู่เมืองหลวงก็กินก็ใช้ของที่บ้านจะกินจะนอนจะไปไหนมาไหนก็เกาะลูกสาวฉัน ฉันยังไม่ว่าอะไรเลย พอมาถึงบ้านแกขอให้รถม้าหน่อยก็ไม่ได้? แกจะให้ฉันบอกพวกน้าๆเขาว่ายังไง! ไอ้เด็กบ้า ฉันไม่ไปบ้านแกแล้ว แกไม่ต้องมารับฉันเลยนะ!”