เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 499 ซูหมิงเจ๋อซุกกิ๊ก
ตอนที่ 499 ซูหมิงเจ๋อซุกกิ๊ก!
คืนนี้จางเชี่ยนจือเผชิญเรื่องราวมามากทั้งดีใจที่สุดจนหวาดกลัวที่สุด ดังนั้นจึงมีความกดดันมาก
ตอนนี้มีคนมาช่วยย่อมดีใจจนร้องไห้ออกมา
เมื่อไป๋หู่จัดการพวกโจรเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินไปหยุดตรงหน้าจางเชี่ยนจือแล้วถาม “คุณคือแม่ยายของคุณชายสามใช่ไหมครับ?”
จางเชี่ยนจือโดนจับมัดมือแล้วเท้า เช็ดน้ำตาตัวเองไม่ได้ หล่อนเอาแต่พยักหน้า “ใช่ค่ะ คุณ ฉันคือจางเชี่ยนจือแม่ยายของเย่เฉิน ขอบคุณนะคะที่มาช่วยฉัน”
ไป๋หู่ยิ้ม แล้วควักมีดออกมาตัดเชือกที่มัดจางเชี่ยนจือ ก่อนจะส่งกระดาษทิชชู่ให้หล่อนเพื่อให้ใช้เช็ดน้ำตา
แล้วหลังจากนั้นก็จัดการแก้มัดให้เหล่าป้าๆ ที่เหลือ
พวกหล่อนต่างกล่าวขอบคุณไป๋หู่ไม่ขาดปาก
ป้าๆ พวกนี้ไม่ค่อยเจอผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่อย่างไป๋หู่ หนำซ้ำยังชื่นชมในความสามารถของเขาเมื่อครู่อย่างมาก
จางเชี่ยนจือถามไป๋หู่ “คุณคะ ยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
ไป๋หู่ตอบอย่างเคารพ “ผมชื่อไป๋หู่ครับ เป็นลูกน้องของคุณชายเย่เทียน คุณชายสั่งให้ผมมาช่วยทุกคนโดยเฉพาะครับ”
“เย่เทียนเหรอ?”
จางเชี่ยนจือชะงักไป ทำไมเป็นเย่เทียนพี่ชายคนโตของเย่เฉินไปได้?
ทำไมไม่ใช่ลูกน้องของเย่เฉินที่มาช่วยตนเอง?
“เย่เฉินไอ้บ้า คิดไม่ถึงว่าจะไม่ส่งคนช่วยฉัน ฉันล่ะก็คิดว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนของเย่เฉินเสียอีก!”
เมื่อครู่จางเชี่ยนจือยังซาบซึ้งในบุญคุณของลูกเขยอยู่เลย แต่ความรู้สึกซาบซึ้งที่มีเพียงน้อยนิดในตอนนี้นั้นสูญสลายกลายเป็นควันอย่างรวดเร็ว
“ให้ผมพาทุกท่านออกจากที่นี่นะครับ” ไป๋หู่กล่าว
ไป๋ห่พาเหล่าป้าๆ ขับรถออกไปที่นี่กลับเข้าไปในเขตเมืองลอนดอน
เหล่าป้าๆ พวกนี้อกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ รีบซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วตรงไปสนามบินทันที
แต่จางเชี่ยนจือกลับโดนไป๋หู่พาตัวมาที่ปราสาทอ้ายเย่
ตอนนี้เย่เฉิน ซูมู่ชิงและเย่เทียนต่างก็กำลังรอหล่อนอยู่ที่ห้องรับแขก
ตอน 6 โมงเช้า จางเชี่ยนจือก็มาถึงปราสาทอ้ายเย่
“คุณชายครับ ผมทำภารกิจเรียบร้อยแล้วครับ!”
เมื่อไป๋หู่เดินมาก็รายงานเย่เทียนทันที
“แม่คะ!”
ซูมู่ชิงเห็นจางเชี่ยนจือเดินตามหลังอีกฝ่ายก็รีบวิ่งไปหามารดาทันที
สองคนแม่ลูกซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล เห็นได้ชัดว่าพวกหล่อนคงตกใจไม่น้อย
เย่เฉินเองก็เดินไปหาแล้วถามอย่างห่วงใย “แม่ครับ แม่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
เมื่อจางเชี่ยนจือเห็นเย่เฉินก็กลอกตาใส่เขา!
“ชิ!”
จางเชี่ยนจือชักสีหน้าใส่เย่เฉิน แล้วทำเป็นมองไม่เห็นเขาแต่เดินตรงดิ่งไปหาเย่เทียน
จางเชี่ยนจือกลับส่งยิ้มให้เย่เทียนแล้วกล่าว “คุณเย่เทียนคะ สวัสดีค่ะ เราเจอกันอีกแล้วนะคะ คุณยังพอจำฉันได้ไหมคะ?”
เย่เทียนยิ้ม “แน่นอนสิครับ คุณน้าเป็นแม่ยายของน้องสาม ถือเป็นญาติของเราแล้ว คราวก่อนเราเจอกันที่งานแต่งงานอย่างไรล่ะครับ คุณสวยขนาดนี้ ผมจะลืมได้ยังไงล่ะครับ?”
จางเชี่ยนจือยิ้มกว้าง “เย่เทียน ไป๋หู่คือลูกน้องของคุณใช่ไหมคะ? ต้องขอบคุณคุณมากๆ เลยนะคะที่ยอมส่งมือขวาไปที่อันตรายแบบนั้นเพื่อช่วยพวกเรา ตอนที่เห็นคุณไป๋หู่บุกเดี่ยวมาช่วยพวกเรา ฉันยังกลัวแทนเขาเลย”
เย่เทียนหัวเราะลั่น “คุณน้าคิดมากไปแล้วครับ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอกครับ สำหรับไป๋หู่แล้วง่ายเหมือนปอกกล้วยเลยล่ะครับ ตอนผมสั่งให้เขาไปช่วยคุณน้ายังกำชับเขาด้วยว่าห้ามให้คุณน้าได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม ไม่ทราบว่าเขาทำได้ไหมครับ? คุณน้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ?”
จางเชี่ยนจือโบกมือ “ไม่เลยค่ะๆ! โจรพวกนั้นยังไม่ทันได้ทำอะไรพวกเราเลย คุณไป๋หู่ก็จัดการพวกเขาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ! เก่งมากๆ เลยค่ะ! ต้องขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตฉันเอาไว้ มู่ชิงมานี่เร็วๆ รีบๆ มาขอบคุณพี่ใหญ่ของลูกสิ!”
คนที่ช่วยจางเชี่ยนจือคือเย่เทียน คนที่ได้รับความดีความชอบย่อมต้องเป็นเขา
นี่ทำให้เย่เฉินที่เป็นเขยเหมือนไม่มีตัวตน
ถ้าเย่เฉินส่งชิงหลงไปก็ช่วยแม่ยายของเขาออกมาได้อย่างเรียบร้อยแบบนี้เหมือนกัน!
ซูมู่ชิงเดินไปหาแล้วค้อมตัวลงขอบคุณเย่เทียน “ขอบคุณนะคะพี่ใหญ่ ขอบคุณค่ะพี่ไป๋หู่”
เย่เทียนรีบกล่าว “คุณน้า น้องสะใภ้ ทุกคนเกรงใจกันเกินไปแล้ว ผมกับเย่เฉินเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน คนในครอบครัวของเขาก็คือคนในครอบครัวของผม ผมที่เป็นพี่ใหญ่ย่อมต้องทำแบบนี้อยู่แล้วครับ จริงสิ คุณน้าครับเมื่อครู่คุณน้าคงตกใจมาก ผมสั่งให้พวกคนใช้เตรียมน้ำโรยกลีบกุหลาบให้คุณน้าแช่แล้วนะครับจะได้ผ่อนคลายหน่อย”
จางเชี่ยนจือยิ้มร่า “แหม ดูสิ พี่ใหญ่นี่ละเอียดจริงๆ เตรียมน้ำให้ฉันแช่ด้วย ขอบคุณมากเลยนะคะ แต่ว่าฉันอยากจะขอเจอพ่อของมู่ชิงก่อน เขามาด้วยไม่ใช่เหรอคะ? เขาอยู่ไหนคะเนี่ย”
เย่เทียนกล่าว “อ้อ เขาอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้นะครับ เราไม่อยากให้เขากังวลไปด้วยเลยไม่ได้ปลุกเขา แล้วบอกเรื่องที่คุณน้าโดนจับไปครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณน้าไปหาเขานะครับ”
“รบกวนด้วยนะคะ”
จางเชี่ยนจือเดินตามหลังเย่เทียนไปที่ห้องของซูหมิงเจ๋อ
แต่ว่าเคาะอยู่หลายทีก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“หรือว่าคุณพ่อไม่ได้อยู่ในห้องคะ?” ซูมู่ชิงสงสัย
เย่เทียนเรียกคนใช้ของทั้งชั้นมาแล้วถาม “คุณเย่อยู่ในห้องไหม?”
คนใช้ตอบ “เขาไปที่ห้องคุณหนูเย่ค่ะ”
“คุณหนูเย่เหรอ?” ทุกคนชะงัก
พวกน้องสาวของเย่เฉินไม่อยู่บ้าน แล้วคุณหนูเย่ที่ว่าคืออะไร?
“คงจะเป็นห้องคุณอาแน่เลย”
เย่เฉินพอจะเดาได้ เขามองออกนานแล้วว่าซูหมิงเจ๋อหลงรักอาสาวของเย่เฉิน
ถึงขนาดที่ว่าที่เขามาที่นี่ครั้งนี้ก็น่าจะเพื่อมาพบคุณอาของเขา!
เย่เทียนเองก็สงสัยอย่างมาก “หรือว่าไปห้องคุณอาเหรอ?”
จางเชี่ยนจือโวยวายทันที หล่อนหันไปคว้าแขนเย่เทียนแล้วกล่าว“เย่เทียน คุณพาฉันไปห้องอาคุณหน่อยสิ ไอ้สารเลวซูหมิงเจ๋อจะต้องอยู่ที่นั้นแน่! ฉันก็ว่าทำไมเขาถึงดึงดันจะมาที่นี่ให้ได้ ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องผู้หญิงนี่เอง! เขายังไม่ยอมตัดใจจากคุณหนูเย่นี่เอง!”
จางเชี่ยนจือรู้เรื่องระหว่างอาสาวของเย่เฉินและซูหมิงเจ๋อที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อนเป็นอย่างดี
หล่อนรู้ว่าผู้หญิงที่ซูหมิงเจ๋อชอบที่สุดในตอนนั้นไม่ใช่หล่อนแต่เป็นอาสาวของเย่เฉิน
“เอ่อ…”
เย่เทียนมีสีหน้าลำบากใจ
จางเชี่ยนจือคว้าแขนเย่เทียนเอาไว้ โวยวายโดยไม่รักษามารยาทแต่อย่างใด “ได้โปรดเถอะ พาฉันไปหน่อยนะคะ ฉันรับรองว่าจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย ฉันแต่อยากจะเห็นคนสารเลวนั้นว่าเขามีหน้าทำเรื่องแบบนี้จริงไหม!”
ซูมู่ชิงรีบแก้ตัวให้บิดาตนเอง “แม่คะ ไม่หรอกค่ะ พ่ออาจจะมีธุระคุยกับคุณอาก็ได้นะคะ”
“เอาล่ะ งั้นเราไปดูกัน”
เย่เทียนเดินนำทุกคนไปยังชั้นหนึ่งอันเป็นอาณาเขตที่พักของอาสาว แค่เดินขึ้นมาก็พบว่าอาสาวของเย่เฉินเดินออกจากห้องพร้อมกับซูหมิงเจ๋อ
ทั้งสองคนจับมือกันเหมือนคู่รัก แถมยังมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าอีกด้วย
จางเชี่ยนจือเห็นสามีตนเองจูงมือผู้หญิงคนอื่นคาตา ก็โวยวายทันที!
ซูหมิงเจ๋อเห็นจางเชี่ยนจือเข้า ก็รีบร้อนปล่อยมืออีกฝ่ายอย่างตกใจ “เชี่ยนจือ…คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”