เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 500 เย่เทียนกับจางเชี่ยนจือ…
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 500 เย่เทียนกับจางเชี่ยนจือ…
ตอนที่ 500 เย่เทียนกับจางเชี่ยนจือ…
ซูหมิงเจ๋อแอบชอบอาสาวของเย่เฉินมานาน สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ไม่เคยได้ครอบครองนางฟ้าที่เคยหลงใหลตอนวัยหนุ่ม ถือเป็นความเสียดายอย่างใหญ่หลวงของชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ดีและยังประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างซูหมิงเจ๋อด้วยแล้ว
ในประเทศมีผู้หญิงคนไหนที่เขาจะไม่อาจไขว่คว้ามาครองบ้าง?
ตอนนี้อาสาวของเย่เฉินอยู่ในช่วงทำใจหลังจากที่เพิ่งหย่าพอดี ดังนั้นซูหมิงเจ๋อถึงได้มีหวัง
จางเชี่ยนจือเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็โวยวายทันที เพราะตนเองเพิ่งผ่านเหตุการณ์ความเป็นตาย โดนโจรจับมา
แต่ผู้ชายของตัวเองกลับมาพลอดรักกับผู้หญิงอื่น!
หล่อนไม่สามารถจะตบหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ นั่นเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนตระกูลเย่ เป็นลูกสาวของเย่ฉงไห่
ที่นี่หล่อนเป็นแค่แขกที่เพิ่งมาถึง อาสาวของเย่เฉินต่างหากถึงจะเป็นเจ้าบ้าน
ดังนั้นจางเชี่ยนจือจึงทำได้แค่ด่าซูหมิงเจ๋อ “ซูหมิงเจ๋อ! ฉันเพิ่งจะโดนจับตัวมาเมื่อกี้ ตอนใกล้จะตายยังอุตส่าห์คิดถึงคุณ! แต่คิดไม่ถึงว่าคุณมานัดพบกับผู้หญิงคนนี้! ชีวิตนี้ของฉันพลาดจริงๆ ที่ไปรักคุณ!”
พูดจบจางเชี่ยนจือก็วิ่งหนีไปด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา
“แม่คะ!”
ซูมู่ชิงเห็นมารดาตนเองเป็นแบบนี้ก็อยากจะวิ่งตามไป เพราะกลัวแม่จะคิดมาก
แต่เย่เทียนกลับขวางหล่อนเอาไว้แล้วกล่าว “พี่รู้จักทางในบ้านมากกว่า เดี่ยวพี่ไปปลอบแม่เธอเอง เธอคุยกับพ่อเธอก่อน เขาจะได้รู้เรื่อง”
ซูมู่ชิงเห็นจางเชี่ยนจือวิ่งไปไกลก็พยักหน้ารับ
จางเชี่ยนจือวิ่งหนีไปด้วยใบหน้าอาบน้ำตา ปราสาทหลังนี้มีขนาดใหญ่มากแถมยังซับซ้อน ถ้าหากมาที่นี่ครั้งแรกล่ะก็จะต้องหลงทางแน่
เย่เทียนพบว่าจางเชี่ยนจือเดินมาซ่อนตัวในห้องที่ไม่มีคน เจ้าหล่อนกำลังนั่งร้องไห้บนเตียง
เย่เทียนเดินเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตู แล้วหยิบทิชชูออกมาส่างให้จางเชี่ยนจือ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ อีกฝ่าย
“คุณน้าครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่คุณต้องมาเห็นภาพแบบนี้ทั้งที่มาบ้านเราครั้งแรก ผมต้องขอโทษคุณน้าแทนอาของผมด้วย”
จางเชี่ยนจือรับทิชชูมาแล้วซับน้ำตาด้วยท่าทางสง่างามพลางกล่าว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอาของคุณหรอกค่ะ เป็นเพราะซูหมิงเจ๋อต่างหาก เขามันหมาวัดอยากเด็ดดอกฟ้า เขาเอาแต่คิดถึงหล่อนไม่เลิก! ตั้งแต่ตอนที่เขาแต่งงานกับฉัน ฉันเองก็รู้ดีว่าาเขารักผู้หญิงคนอื่นอยู่ แต่ว่าฉันคิดไม่ถึงว่า 20 ปีแล้วฉันมีลูกให้เขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่! 20 ปีมานี้ฉันรักคนผิดจริงๆ! ฉันรักหมามากกว่ารักเขาเสียอีก! ฮือๆ”
จางเชี่ยนจือพูดพลางสะอึกสะอื้น
ไม่ว่าจะเป็นสังคมไฮโซ หรือชนชั้นกลาง ก็ต้องเคยเสียใจเพราะความรัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล จึงยิ่งคาดหวังกับความรักมากกว่า
และในเวลานี้เองจู่ๆ เย่เทียนก็โพล่งออกมา “คุณน้า ถ้าคุณน้าอยากร้องไห้ แล้วอยากจะซบไหล่ใครสักคน ผมยินดีเสนอไหล่ผมให้คุณน้านะครับ”
จางเชี่ยนจือชะงักไป จู่ๆ น้ำตาก็หยุดไหล
คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะเสนอไหล่ให้หล่อนพักพิง…
ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นคนพูดประโยคนี้ คงไม่ได้แปลกอะไร
เพราะอย่างไรเสียเย่เฉินก็เป็นลูกเขยของจางเชี่ยนจือ ลูกเขยก็เป็นเหมือนกึ่งๆ ลูกชาย ให้ซบไหล่ หรือกอดสักหน่อยก็ไม่มีอะไรแปลก
แต่ว่าเย่เทียนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้นสำหรับจางเชี่ยนจือ
“คุณเย่…”
แววตาที่หันมองเย่เทียนของหล่อนเปลี่ยนแปลงไปน้อยๆ
หล่อนประทับใจในตัวเย่เทียนมาก เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่าเย่เทียนดูมีอำนาจอย่างมาก แถมยังเก่งกว่าเย่เฉินด้วย
ครั้งนี้ที่โดนจับ เย่เทียนก็ส่งคนมาช่วยหล่อน
หล่อนจึงเห็นเย่เทียนเป็นเหมือนผู้มีพระคุณ
เย่เทียนกล่าวพลางระบายยิ้ม “ทำไมล่ะครับ คุณน้า ไหล่ของผมกว้างไม่พอเหรอครับ?”
แววตาจางเชี่ยนจือวูบไหว “จะได้ยังไง คุณเย่… ไม่รู้ว่าไหล่ของคุณมีผู้หญิงอยากซบเท่าไหร่ ส่วน…ฉันเป็นแค่ผู้หญิงแก่ๆ จะมีสิทธิ์ไปซบได้ยังไง…”
ทั้งสองคนไม่ใช่เด็กๆ ในห้องนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายราคะ ผู้ใหญ่สองคนอยู่ด้วยกันในห้องจะไม่รู้สึกได้ยังไง
เย่เทียนกล่าวเสียงหวาน “ที่จริงแล้วอายุของเราสองคนไม่ต่างกันเท่าไร ผมโตกว่าเย่เฉินตั้งเยอะ คุณเองก็เป็นคุณแม่ยังสาว ไม่ใช่เหรอครับ?”
เย่เทียนกล่าวไปพลางลูบเรือนผมของจางเชี่ยนจือ
กริยาที่หว่านเสน่ห์แบบนี้ทำให้จางเชี่ยนจือห้ามใจไม่ไหว อารมณ์น้อยใจที่เพิ่งโดนสามีทรยศก็ทะลักออกมา
หล่อนและเย่เทียนจุมพิตกัน!
……
ในห้องรับแขก ณ ชั้นหนึ่งของปราสาท
พวกซูมู่ชิงนั่งรออยู่ในห้องรับแขก
ซูมู่ชิงร้อนใจ “ทำไมแม่ยังไม่กลับมาอีกคะ? พี่ใหญ่หาคุณแม่ไม่เจอหรือเปล่า? แม่จะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
เย่เฉินตบบ่าภรรยาแล้วปลอบหล่อน “ไม่มีทาง พี่ใหญ่อยู่ในปราสาทแห่งนี้มานาน รู้จักทุกจุดในปราสาทเป็นอย่างดีเขาต้องหาแม่คุณเจอแน่ๆ”
แต่ซูมู่ชิงยังคงเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ ตั้งแต่รู้เรื่องที่แม่โดนจับตัวไป หล่อนก็พะวงเรื่องตลอด
“แต่มันตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะคะ ถ้าพี่ใหญ่เจอแล้วแม่แล้วก็น่าจะปลอบแม่แล้วนะคะ” ซูมู่ชิงกล่าว
เย่เฉินมองนาฬิกาแล้วก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเช่นกันเขาจึงลุกขึ้น “ไปกัน เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนคุณ”
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป ก็เห็นเย่เทียนกับจางเชี่ยนจือเดินลงมาจากด้านบน
เย่เทียนเดินลงมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย
ส่วนสีหน้าของจางเชี่ยนจือกลับดูแปลกไปจากปกติ
คนที่เพิ่งโดนสามีทรยศ หล่อนในตอนนี้กลับไม่มีท่าทีเสียใจหรือคับแค้น ทว่ากลับเหมือนเกิดใหม่เสียอย่างนั้น
หนำซ้ำหล่อนยังเอาแต่สางผมไม่หยุด ดูใส่ใจภาพลักษณ์ตนเองกว่าตอนที่เพิ่งมาเสียอีก
คนที่กำลังสติแตกจะสนใจว่าตนเองสวยหรือไม่ได้อย่างไร?
“แม่คะ!”
ซูมู่ชิงรีบร้อนวิ่งไปหาหล่อนแล้วถาม “แม่คะ แม่ไปไหนมา เมื่อกี้ทำหนูตกใจแทบตาย แม่ไม่ได้อะไรโง่ๆ ใช่ไหมคะ?”
จางเชี่ยนจือหยักหน้าอย่างนิ่งเฉย “เด็กโง่ แม่รู้ว่าพ่อแกเป็นคนยังไง ไม่ทำเรื่องโง่ๆ เพราะคนอย่างนั้นหรอก!”
และในตอนนี้เองซูหมิงเจ๋อและอาสาวของเย่เฉินก็เดินมา
ซูหมิงเจ๋อกล่าว “เชี่ยนจือคุณเข้าใจผมผิดนะ ผมไปตอนเช้าตรู่ เพราะอยากจะถามคุณหนูเย่เรื่องปลูกดอกไม้ ไม่ได้มีอะไร”
อาสาวของเย่เฉินก็หันไปขอโทษจางเชี่ยนจือด้วย “ขอโทษนะคะ คุณนายซู ฉันควรจะระวังมากกว่านี้”
จางเชี่ยนจือยังดูเหมือนว่าจะโกรธอยู่ หล่อนแค่นเสียงแต่ก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไรพวกเขา
เย่เทียนกล่าว “เอาล่ะๆ เป็นคนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น อย่าโกรธกันเลยครับ วันนี้แม่ของมู่ชิงมาที่บ้านตระกูลเย่ของเรา เราเองควรจะต้องต้อนรับให้ดี เดี๋ยวผมจะไปปลุกคุณปู่ ทุกคนมาร่วมกินข้าวเช้าด้วยกันเถอะ”
ทันใดนั้นเองจางเชี่ยนจือก็คว้าเย่เทียน แต่ก็รีบปล่อยมืออีกฝ่ายเหมือนกลัวคำครหา “เอ่อ… คุณเย่ ฉันอยากอาบน้ำก่อน อีกสักครึ่งชั่วโมงคุณค่อยเรียกคุณปู่ของคุณได้ไหมคะ?”