เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 53 ขอแต่งงาน!
อะไรนะ?
ทั้งฟางเชาและหวังเจียเหยาก็ตะลึงค้างไป
ฉินหงเหยียนและโจวหรงหรงที่อยู่ด้านหลังเย่เฉินต่างก็ยิ้มออกมา
ฟางเชาเองก็หัวเราะเช่นกัน ฮ่าๆ แกเนี่ยนะจะเป็นเถ้าแก่ของร้านอวิ๋นจงอวิ๋น! โกหกให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ! ฉันหาข้อมูลมาแล้วว่าเจิ้งหงไม่ได้ขายร้านแค่ร้านเดียวแต่ร้านอาหารทุกร้านที่เขามีในอวิ๋นโจวถูกซื้อโดยคนเพียงคนเดียว! ว่ากันว่าเป็นมูลค่าหกสิบล้านเชียว! ขี้ครอกอย่างแกมีเงินหกสิบล้านหรือไง?
หวังเจียเหยาเองก็ไม่เชื่อว่าเย่เฉินจะมีเงินหกสิบล้าน
ถึงแม้หล่อนจะรู้ว่าเย่เฉินมีเหตุผลในการซื้อร้านอาหารแน่ๆ อยู่แล้ว นั่นเพราะเขาต้องการเอาชนะจงเหว่ย!
ฮ่าๆ ไม่เชื่ออีกแล้วเหรอ?
เย่เฉินโดนพวกลูกเศรษฐีพวกนี้ดูถูกมามากพอแล้วจึงเรียกหญิงวัยกลางคนที่กำลังกวาดพื้นอยู่มาหา คุณน้าครับ มานี่หน่อยสิครับ
หญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวเดินมา หล่อนเคยเจอเย่เฉินมาแล้วเมื่อตอนเช้าจึงรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของร้าน จึงค้อมตัวลงทำความเคารพอย่างนบนอบ เถ้าแก่
เย่เฉินชี้ฟางเชาแล้วกล่าวกับหญิงวัยกลางคน เอาไม้กวาดตบหน้าเขาแล้วผมจะเพิ่มเงินเดือนให้คุณน้าสิบเท่า
สิบเท่าเหรอคะ?
หญิงวัยกลางคนดีอกดีใจแล้วใช้ไม้กวาดในมือตบหน้าฟางเชา
โว้ย! ถุย!
ฟางเชาเหลือเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าเชื่อว่าเขาที่เป็นถึงคุณชายของตระกูลฟางจะโดนพนักงานตบเข้าให้
ฟางเชาหลบไปพลางถ่มขยะที่ติดมากับปลายไม้กวาดที่เข้าไปในปากตนเองออกมาแล้วโวยวาย
ไม้กวาดขยะ นี่อยากตายใช่ไหม! ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร?
หญิงวัยกลางคนพูดด้วยสำเนียงท้องถิ่น ข่อยไม่รู้ ข่อยมาปัดกวาดทำความสะอาดที่นี่ เถ้าแก่ให้เงินข่อย เขาให้ข่อยทำอะไรข่อยก็ทำตามนั้นเด้อ
หญิงวัยกลางคนยังคงใช้ไม้กวาดตีฟางเชาจนเย่เฉินบอกให้หยุด
เชื่อหรือยังล่ะ? ถ้ายังไม่เชื่อผมจะเรียกพนักงานคนอื่นมาตีคุณอีก เย่เฉินมองฟางเชา
ฟางเชาชี้เย่เฉินแล้วกล่าวด้วยโทสะ ดีนี่ เย่เฉินฉันว่าแล้วที่ฉันมาขอแต่งงานที่นี่แล้วใครมาพังงานของฉันกัน ที่แท้ก็นายนี่เอง! ทำไมเห็นฉันขอเจียเหยาแต่งงาน? อิจฉาเหรอ? เสียใจล่ะสิ?
หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินยังรักตนเองอยู่ เขาต้องไม่อยากเห็นคนอื่นขอตนแต่งงาน
แต่เย่เฉินกลับพูดว่า ผมกับเจียเหยาหย่ากันแล้ว คุณขอเธอแต่งงานไม่ได้เดี่ยวอะไรกับผมเลย แต่ที่นี่คือร้านของผม คุณจะต้องเคารพในกฎที่ผมตั้ง ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผม คุณทำแบบนี้ไม่ได้!
แก…
ฟางเชาโกรธหนัก แต่ตอนนี้เย่เฉินเป็นเจ้าบ้าน ส่วนเขาเป็นแค่แขกไม่มีอภิสิทธิ์ของการเป็นเจ้าของสถานที่จะเอาชนะเขาไม่ได้อยู่แล้ว
ฟางเชากล่าว เย่เฉินแกไม่มีทางมีเงินมาซื้อร้านนี้แล้วเชิญนักร้องที่กำลังดังมาได้แน่ ขอฉันเดานะ คุณฉินเป็นเจ้าของร้านตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังล่ะสิ?
ฉินหงเหยียนไม่ปฏิเสธ ฉันมีหุ้นจริงๆ
ตอนที่ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินจะรับช่วงยึดแวดวงร้านอาหารให้อวิ๋นโจวก็รีบลงเงินสิบล้าน เพราะหล่อนรู้ว่าด้วยความสามารถของเย่เฉินแล้ว ถ้าต้องการจะครองตลาดอาหารและเครื่องดื่มของอวิ๋นโจวก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เงินลงทุนก้อนนี้จะมีแต่เพิ่มไม่มีลด
ฟางเชาแค่นเสียงเย็น เกรงว่าคุณฉินคงมีหุ้นใหญ่ที่สุด ส่วนเย่เฉินคงเป็นแค่เศษเสี้ยวล่ะสิ? เย่เฉินแกคงลงเงินไปไม่กี่แสน แล้วถือหุ้นหนึ่งในร้อยล่ะสิยังจะมาปั้นหน้าอะไรอีก?
ฟางเชาพูดพลางหยิบเอากล่องทิฟฟานี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบแหวนเพชรเม็ดหนึ่งออกมา
วินาทีที่หวังเจียเหยาเห็นแหวนเพชรก็ตกตะลึง สีสัน ความระยิบระยับและคุณภาพของแหวนวงนี้มากเพียงพอที่จะทำให้ผู้หญิงทุกคนต้องเป็นบ้า!
ฟางเชากล่าวอย่าลำพองใจ แหวนเพชรวงนี้สามกะรัต มีราคาตั้งสี่สิบกว่าล้าน! ต่อให้แกเป็นบอดี้การ์ดทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญญาซื้อให้เจียเหยาหรอก!
วันนี้ฉันจะใช้แหวนวงนี้แย่งผู้หญิงที่แกรักอย่างลึกซึ้งมาเป็นเวลาสามปีต่อหน้าแก!
พูดจบฟางเชาก็คุกเข่าลงตรงหน้าหวังเจียเหยา
เจียเหยา แต่งงานกับผมนะครับ!