เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 67 ขอโทษเย่เฉิน!
ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่หวังจื้อเฉียงเจอเย่เฉินจะต้องพูดจาถากถางอีกฝ่ายอยู่เสมอ คำด่าต่างๆ รวมกันแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
บวกกับช่วงก่อนหวังจื้อเฉียงส่งคนไปซ้อมเย่เฉินเพราะเรื่องของหวังซ่าวเจี๋ย
วันนี้เย่เฉินเลือกจะประกาศสถานะของตนเองในงานแต่งของหวังเจียเหยาบ่งบอกว่าต้องการจะล้างแค้นเขาชัดๆ
หวังจื้อเฉียงไม่ได้สนิทกับหวังเจียเหยานัก ถึงไม่อยู่ต่อเพื่อโดนอีกฝ่ายทรมานดังนั้นถึงได้เลือกที่จะปลีกตัวออกจากงานแต่งงาน
หวังจื้อเฉียงอุ้มคุณนายหวังไปยังที่นั่งด้านหลังของออดี้ Q7 แล้วรีบร้อนบอกคนขับรถ “เร็ว รีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
เพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณนายหวัง
“กรี๊ด!!!”
เสียงร้องของคุณนายหวังทำเอาหวังจื้อเฉียงสะดุ้ง
“คุณแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? ผมตกใจหมดเลย ผมล่ะก็คิดว่าแม่ตกใจจนเป็นลมเพราะเด็กเย่เฉิน”
หวังจื้อเฉียงสบายใจลงไปไม่น้อย
คุณนายหวังตีขาตนเองไม่หยุดด้วยความเสียใจ
“ฉันทำผิดต่อพ่อที่เสียไปของพวกแก! ฉันนี่มันเลอะเลือนจริง ฉันเพิ่งจะเข้าใจได้เดี๋ยวนี้เองว่าทำไมพ่อแกถึงต้องให้เย่เฉินแต่งเข้ามาในบ้านของเราแต่เป็นฉันเองที่ไล่เขาออกจากบ้านไป! ทำไมฉันถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้กันนะ!”
จนถึงวินาทีนี้ คุณนายหวังถึงได้เข้าใจว่าคนที่ฉลาดเฉลียวมาตลอดอย่างสามีของตนเอง ทำไมถึงได้เลือกคนอย่างเย่เฉินมาเป็นหลานเขย
ที่แท้เย่เฉินไม่ใช่นักเลงหัวไม้อะไรที่ไหน แต่เป็นประธานบริษัท! เป็นคนมีเงินคนหนึ่ง!
ที่เมื่อครู่คุณนายหวังเป็นลมก็แกล้งทำทั้งนั้น ไม่ใช่อย่างนั้นหล่อนไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าเย่เฉินต่อไปอย่างไร
ที่ผ่านมาคนตระกูลหวังทำเรื่องแย่ๆ ใส่เย่เฉินตั้งมากมายขนาดนั้น คุณนายหวังไม่มีหน้าจะไปพบเขา!
คุณนายหวังกล่าว “ดูไปแล้วซ่าวเจี๋ยน่าจะรู้สถานะของเย่เฉินนานแล้ว เดียรัจฉานตัวนี้นี่ ทำไมไม่บอกพวกเราก่อน!”
ใบหน้าหวังจื้อเฉียงเก้อเขิน “ที่จริงช่วงนี้ซ่าวเจี๋ยก็เอาแต่บอกผมว่าเย่เฉินเก่งมากอย่าไปหาเรื่องเขา แต่ผมไม่เชื่อเอง…”
“เฮ้อ!” คุณนายหวังถอนหายใจ “พลาดไปแล้ว! ตระกูลหวังของฉันพลาดโอกาสทองไปแล้ว! เจียเหยาอยู่กินกับเย่เฉินมาสามปีแต่ลูกสักคนก็ไม่มี! สงสารก็แต่หยวนหยวน คุณเย่ที่ฝันถึงกลับเป็นเย่เฉินไปเสียได้! แผนการที่ตั้งใจจะพึ่งลูกเขยเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลหวังฉันล่มไม่เป็นท่า!”
……
บริเวณนอกประตูโรงแรม
หวังหยวนหยวนได้รู้ว่าคุณเย่ที่ตัวเองฝันถึงมานานคือเย่เฉินก็ร้อนรน
หล่อนเดินไปหาเขาแล้วถาม “เย่เฉินนายก็คือคุณเย่? ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเหรอ?”
เย่เฉินมองใบหน้าตกตะลึงของหวังหยวนหยวนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงแท้แน่นอน”
ใบหน้าหวังหยวนหยวนฉายแววลึกซึ้ง “คิดไม่ถึงว่าคนที่ฉันเฝ้าฝันหาที่สุดจะอยู่ข้างกายฉันมานานแล้ว แถมยังแอบคอยปกป้องฉันมาถึงสามปี…”
เย่เฉิน “…”
หวังหยวนหยวนถ่ายคลิปสั้นไม่ใช่เหรอ? ไปหัดแต่งกลอนตั้งแต่เมื่อไหร่?
เย่เฉินกล่าวอย่างตะขิดตะขวงใจ “ถึงจะเป็นเมื่อก่อนแต่ผมก็เป็นพี่เขยคุณ ผมไปเป็นคนที่คุณเฝ้าฝันหาตั้งแต่ตอนไหนกัน?”
หวังหยวนหยวนรีบปฏิเสธทันควัน “ไม่ใช่พี่เขยสักหน่อย! คุณไม่ได้ยินที่พ่อฉันบอกเหรอคะ? ตอนแรกคุณปู่ให้ฉันกับคุณแต่งงานกัน! สวรรค์ คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะกลั่นแกล้งเราสองคนแบบนี้ ให้พวกเราคลาดกันไปถึงสามปี สามปีมานี้ถึงพวกเราเจอหน้ากันทุกวัน แต่กลับไม่รู้เลย…”
“ช่างเถอะ เลิกพูดที เรื่องของเราเดี๋ยวค่อยว่ากันเถอะนะ”
ตอนที่หวังยวนหยวนกำลังพร่ำเพ้อพรรณนา แขนนวลเนียนราวหยกสองข้างก็คว้าตนเองเอาไว้
เย่เฉินไม่อยากจะไปเกี่ยวพันอะไรกับอีกฝ่าย ที่สำคัญตัวเอกของวันนี้ไม่ใช่หล่อน
ที่ผ่านมาถึงแม้หวังหยวนหยวนมักจะเหน็บแนมตนเองบ่อยๆ แต่สิ่งที่หล่อนทำนั้นพอเปรียบกับอดีตภรรยาแล้วคนละชั้นกันไปเลย
ในตอนที่หวังหยวนหยวนกำลังขอความรักจากเย่เฉินอยู่นั่นเอง ฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือก็ได้รู้ต้นสายปลายเหตุจากฟางเชา
“ซวยแล้ว เย่เฉินก็คือผัวเก่าของหวังเจียเหยา คุณว่าเขาจะมาล่มงานแต่งหรือเปล่า?”
ฟางเสียนจู่กระซิบกับภรรยา
หลิ่วหรูซือนั้นกังวลกว่าสามีมาก ถ้าหากว่าแค่ล่มงานแต่งก็ดี อย่างมากก็แค่เสียหน้า
กลัวก็แต่ว่าเย่เฉินจะล้างแค้นฟางเชา ไม่ว่าอย่างไรความแค้นในการแย่งภรรยานั้นในสายตาคนจำนวนมากก็ควรค่าให้ฆ่าแกงกันได้แล้ว!
หลิ่วหรูซือก้าวมาด้านหน้า แววตาฉายแววเคารพอีกฝ่าย “คุณเย่ไม่ทราบว่าที่คุณมาร่วมงานแต่งงานเพราะหวังเจียเหยาหรือเปล่าคะ?”
หากเย่เฉินตอบว่าใช่ ถ้าอย่างนั้นหลิ่วหรูซือก็จะให้ฟางเชาส่งตัวหวังเจียเหยาไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่ใช่บุคคลที่คนตัวเล็กๆ อย่างฟางเชาจะล่วงเกินได้
หวังเจียเหยาเองก็ชะงักไป มือสองข้างถูกันไม่หยุด ในใจตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“เขามาแล้ว เขามาที่งานแต่งงานของฉันอย่างสง่างามโดดเด่น! ฮีโร่ของฉัน สามีที่ฉันรักที่สุดมาแย่งตัวฉันแล้ว!”
หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินรักใคร่ตนเองอย่างลึกซึ้ง หล่อนจึงคิดไปเองว่าเย่เฉินมาเพื่อแย่งตัวตนเอง!
ทว่า…
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “คุณหนูหวังเจียเหยาเป็นอดีตภรรยาของผมก็จริง แต่ผมกับหล่อนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่แต่เพราะคุณชายฟางเชาพยายามจะส่งการ์ดแต่งงานดึงดันให้ผมมาร่วมงานให้ได้ บอกว่าให้ผมได้เห็นว่าอะไรคืองานแต่งงานยิ่งใหญ่ระดับปีแถมยังบอกว่าถ้าผมไม่มาถือว่าผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย ดังนั้นผมถึงมาเป็นเพื่อนหงเหยียน”
คำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้หวังเจียเหยาใจหายวาบ
เขาไม่ได้มาเพื่อแย่งตัวเจ้าสาวอย่างตนเอง!
ในเวลานี้เอง หลิ่วหรูซือก็พุ่งไปตบหน้าบุตรชายอย่างรุนแรง
เพี้ยะ !
แค่ฟังเสียงก็สัมผัสได้ว่าแรงเอาการ ฝ่ามือของคนเป็นแม่ไร้ซึ่งความปราณีโดยสิ้นเชิง
“เชิญคนมาร่วมงานแต่งงานตัวเอง พูดจาแบบแกได้ด้วยเหรอ? ยังไม่ยอมขอโทษคุณเย่อีก!”
หลิ่วหรูซือตะคอกบุตรชาย
ฟางเชาเองโดนมารดาตบจนมึน เขาเพิ่งรู้ตัวนี่เองว่าทำไมช่วงนี้บริษัทที่ตนเองลงทุนถึงได้ล่มจมไปทุกที่ ไม่ว่าเขาจะลงทุนที่ไหน
ที่แท้เขาโดนเย่เฉินเล่นงานเข้าแล้ว!
“ขอ…ขอโทษด้วยครับ”
ฟางเชาเองก็ไม่กลัาขัดคำสั่งมารดา
เย่เฉินหัวเราะหึหึ ไม่ได้พูดอะไร
ฟางเสียนจู่เห็นว่าเย่เฉินไม่ได้ตั้งใจจะมาแย่งตัวเจ้าสาวก็ละลั่กละล่ำ “คุณเย่เชิญในงานเถอะครับ พอคุณนั่งแล้วเดี๋ยวผมจะให้ลูกชายผมขอโทษคุณต่อหน้าทุกคน”
เย่เฉินเอามือล้วงกระเป๋า ในเมื่อมาแล้วเขาก็ต้องอยู่ร่วมงาน
พอฟางเสียนจู่จัดแจงที่นั่งให้เย่เฉินแล้ว เขาก็รีบเรียกคนมารินเหล้าขาวสามจอก
ฟางเสียนจู่ถือจอกเหล้าแล้วกล่าว “ได้ยินมาว่าก่อนนี้ลูกเชาล่วงเกินคุณเย่ คนเป็นพ่ออย่างผมสั่งสอนลูกไม่ดีเอง ผมขอดื่มให้คุณเย่สามแก้วเพื่อแสดงความขอโทษจากใจผม!”
ฟางเสียนจู่ดื่มเหล้าไปสามจอก ในฐานะเจ้าภาพของงานครั้งนี้ถือว่าเขาก้มหัวให้อีกฝ่ายก็เป็นการให้เกียรติเย่เฉินอย่างมากแล้ว
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ เป็นนักธุรกิจ โดยเฉพาะคนทำธุรกิจขนาดใหญ่ต้องรู้จักอะลุ่มอล่วย อีกทั้งต้องเป็นคนรู้จักสถานการณ์ไม่เหมือนพวกตลาดล่างที่หัวแข็งที่ต่อให้ใกล้จะโดนซ้อมจนตายก็ยังดึงดันไม่ยอมแพ้
เย่เฉินเดาได้นานแล้วว่าทันทีที่ตนเองเปิดเผยตนเอง คนตระกูลฟางจะต้องยอมโอนอ่อนแน่นอน
ดังนั้นจึงแผนล้างแค้นตระกูลฟางจึงถูกวางแผนเอาไว้นานแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฟางเสียนจู่ยอมรับผิด ดื่มเหล้าเพื่อขอโทษเขาแล้วจะจบเรื่องได้!
ฟางเสียนจู่เป็นผู้อาวุโสยืนดื่มติดต่อกันสามแก้ว ส่วนเย่เฉินกลับนั่งนิ่ง
ในเวลานี้เองฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับฟางเชาว่า “ยังไม่รีบดื่มเหล้าขอโทษคุณเย่อีก?”
สีหน้าฟางเชาไม่สู้ดี เขายืนตัวแข็งทื่อกำหมัดแน่น รู้สึกตึงเครียดไม่สบายใจ รู้สึกเหมือนกับว่าบรรดาแขกเหรื่อกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่!