เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 68 ของขวัญไม่ได้ให้คุณ!
ฟางเชาเป็นคนที่รักหน้าตัวเองอย่างมาก ในวงสังคมของลูกเศรษฐี เขาชอบโอ้อวดเป็นที่สุดแล้ว
วันนี้ได้แต่งงานกับหญิงงามลำดับหนึ่งของเมืองอวิ๋นโจว ข้อเสียเดียวที่คนเอาไปพูดต่อกันก็คือหวังเจียเหยาเคยแต่งงานมาก่อน
ดังนั้นฟางเชาถึงได้บอกเพื่อนๆ ล่วงหน้าว่าในงานแต่งงานวันนี้เขาจะดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินต่อหน้าธารกำนัล
แต่ใครจะรู้ว่าฟางเชาไม่ได้เป็นคนดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉิน แต่กลับโดนเย่เฉินดูหมิ่นเหยียดหยามแทน?
แถมยังต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าลงรินเหล้าให้เย่เฉินอีก?
ฟางเชาทำไม่ลง!
“เขาจะหลอกฉันหรือเปล่านะ?”
ความคิดนี้เด้งขึ้นมาในหัว เพราะในสายตาเขาเย่เฉินไม่มีทางเป็นประธานบริษัทแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นลูกเศรษฐีได้
ตระกูลเศรษฐีที่ไหนจะยอมปล่อยให้ลูกชายตัวเองแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงแบบนี้?
“คุณเย่เก็บตัวลึกลับไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเย่เฉินจึงได้เตี๊ยมกับฉินหงเหยียน ให้ฉินหงเหยียนช่วยเขาปลอมตัวเป็นคุณเย่แล้วมาทำเก่งในงานแต่งงานของฉัน! ส่วนแพศยาฉินหงเหยียนน่าจะถูกใจเย่เฉินนานแล้ว ตอนนี้สองคนนี้น่าจะมีอะไรในกอไผ่กัน ฉินหงเหยียนไม่ช่วยเขาก็บ้าแล้ว! ข้อมูลใน THE EYE อาจจะเป็นฝีมือฉินหงเหยียนที่ประสานให้เขาหรืออาจจะใช้แฮกเกอร์ก็ได้ ท่าทางคุณหม่าตอนนี้เหมือนจะแปลกๆ ส่วนสูงก็ไม่ใช่อาจจะเป็นตัวปลอม พวกหม่าเสินกับจงเหว่ยตอนนี้ธุรกิจเจ๊งคงกลายเป็นยาจกไปนานแล้ว เย่เฉินเองก็มีฝีมือไม่เบา เป็นไปไปได้ว่าที่พวกเขาแสดงละครเพราะโดนเย่เฉินบังคับและล่อลวงมา!”
พอวิเคราะห์แยกแยะ ‘ข้อมูลเรื่องหลักฐานของคุณเย่’ ที่มีทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฟางเชาก็หัวร้อนแล้วเหยียดยิ้ม
“ฮ่าๆ เย่เฉินตอนนี้นายกำลังหลอกลวงพวกเราอยู่ใช่ไหม? นายไม่ใช่ประธานบริษัทอะไรสักหน่อย นายเป็นแค่บอดี้การ์ด! แต่ยังตั้งใจมาแสดงละครกับฉินหงเหยียนแบบนี้ ทำไมอยากให้หวังเจียเหยาเสียใจทีหลังหรือไง?”
พอฟางเชาพูดแบบนี้คนทั้งงานก็ตกตะลึง
หลิ่วหรูซือโกรธอย่างมาก “ฟางเชา! แกพูดจาเหลวไหลอะไร! ท่าทีที่คุณหม่าปฏิบัติต่อคุณเย่เมื่อครู่ แกไม่เห็นเหรอ?!”
“ผมไม่ได้เหลวไหล!” ฟางเชาเริ่มอธิบาย “พ่อแม่ไม่รู้สึกว่าส่วนสูงกับหน้าตาของคุณหม่าไม่เหมือนในข่าวเหรอครับ?”
ทุกคนไม่เคยเจอตัวจริงคุณหม่า พอฟางเชากล่าวเช่นนี้ก็เริ่มสงสัยกัน
“เลิกพูดได้แล้ว เมื่อครู่ฉันไม่ได้สังเกตท่าทางของคุณหม่า แค่รู้สึกว่าคลับคล้ายคลับคลาก็เลยคิดว่าใช่”
“ฉันตั้งใจดูอยู่นะ! เคางของเขาไม่ค่อยเหมือน คางของคุณหม่าไม่ได้แหลมขนาดนั้น”
“ส่วนสูงก็ไม่น่าจะใช่เหมือนคุณหม่าจะไม่ได้สูงขนาดนั้นนะ? เขาสูงแค่ร้อยห้าสิบกว่าซม.เองไม่ใช่เหรอ? แต่คนเมื่อกี้น่าจะสูงสักร้อยเจ็ดสิบซม.ได้!”
“ใช่แล้วคนแบบคุณหม่ายุ่งจะตาย จะมาร่วมงานแต่งงานลำพังได้ยังไง อีกอย่างเขาโผล่มาแค่เดี๋ยวเดียวแล้วรีบร้อนจากไป แถมรอบตัวเขาก็ไม่มีใครที่เรารู้จักสักคน”
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของฟางเชาอย่างมาก
ฉินหงเหยียนทนดูต่อไปไม่ไหว “ฟางเชา นายโง่หรือเปล่า? นายคิดว่าข้อมูลใน THE EYE ปลอมแปลงได้อย่างนั้นเหรอ?”
ฟางเชาหัวเราะ “การตบตาที่คุณฉินลงเล่นด้วยจะต้องสมบูรณ์ไร้รอยโหว่ ก็แค่แอพพลิเคชั่นเท่านั้น จะแก้ไขข้อมูลด้านในสักสองสามนาทีจะไปยากอะไร?”
ในเวลานี้คนที่ยังคุกเข่าอยู่ข้างตัวเย่เฉินอย่างหม่าเสินและจงเหว่ยก็ออกตัวแทนเขา
หม่าเสินกล่าว “ฟางเชานายนี่มันโง่! ยังจะกล้าสงสัยคุณเย่อีก! ตอนนั้นฉันไม่เชื่อว่าเย่เฉินคือคุณเย่ถึงได้ล่มจมจนมีสภาพนี้! ถ้านายยังไร้สติแบบนี้อีก พอถึงเวลาตายขึ้นมาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอะไรตาย!”
จงเหว่ย “ฟางเชาผมว่าคุณก็ไม่เหมือนคนโง่นะ เกรงว่าคุณเองก็คงจะรู้สึกว่าเหตุผลต่างๆ นานาที่คุณคิดออกจะดันทุรังมากไปหน่อยใช่ไหม? คุณตีท้ายครัวเขาแล้วยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นถึงได้เหยียดหยามเขาต่อใช่ไหม?!”
คำพูดของจงเหว่ยทำให้ฟางเชาเหงื่อแตก ต้องโทษที่ปกติแล้วพวกเขาสองคนสนิทสนิมกัน คิดไม่ถึงว่าคนโง่อย่างจงเหว่ยจะอ่านฟางเชาออกในปราดเดียว!
“รปภ. ลากลูกหมาสองตัวที่คุกเข่าบนพื้นนี่ออกไปที! พวกแกสองคนอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เย่เฉินให้เงินพวกแกมากี่บาทกัน!”
ฟางเชาตะโกนกร้าว ทันใดนั้นเองก็มีชายร่างใหญ่สองคนลากหม่าเสินและจงเหว่ยออกไปทันที
ในเวลานี้เองหวังเจียเหยาเองก็ร้อนใจจนแทบร้องไห้ออกมา หล่อนเองก็คิดว่าเย่เฉินไม่เหมือนประธานบริษัทนัก เพราะสามปีมานี้เย่เฉินดีกับหล่อนเหลือเกิน
ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นประธานบริษัท พื้นฐานครอบครัวร่ำรวย ไหนเลยจะดีกับหล่อนเหมือนสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
หวังเจียเหยากล่าว “เย่เฉินนายแกล้งทำใช่ไหม? ฉันขอร้องนายล่ะ นายอย่าพูดไปเรื่อย งานแบบในวันนี้จะมาล้อเล่นไม่ได้นะ!”
หวังเจียเหยาอยากให้เย่เฉินตอบใจจะขาด
ทว่าเย่เฉินไม่ยอมอธิบายให้อะไรให้เปลืองแรง เขากล่าวเสียงเรียบ
“คุณไม่มีทางปลุกคนที่แกล้งหลับได้หรอก ถ้าการที่ผมไม่ได้เป็นประธานบริษัทจะทำให้พวกคุณรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยล่ะก็…ก็ได้! ผมโกหก”
เย่เฉินบอกว่าตนเองเป็นประธานบริษัทมาสองครั้งแล้ว ในเมื่อไม่เชื่อกันงั้นก็บอกว่าตัวเขาเองไม่ใช่ก็ได้
ทำไมจะต้องเสียเวลาเปลืองแรงมาอธิบายให้พวกคนโง่ฟัง
เย่เฉินเพิ่งจะ ‘ยอมรับ’ ว่าตนเองโกหก อดีตแม่ยายอย่างซูหลานก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินมา
“แกไอ่เด็กเลว แกทำฉันตกใจเกือบตาย! ฉันรึก็คิดว่าแกจะเป็นคนรวยจริงๆ โวยวายอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็แกล้งทำเหรอเนี่ย! แก…”
ซูหลานยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหวังจื้อหย่วนออกแรงลากไปที่ไกล ๆ แล้วคาดโทษหล่อนเสียงแผ่ว
“ยังหาเหาใส่หัวอีก! อยากตายหรือไง!”
ซูหลานเองก็พูดเสียงแผ่ว “เขาโกหกไม่ใช่เหรอ?”
หวังจื้อหย่วนส่ายหน้าอย่างโมโห “คุณนี่มันโง่เง่า! ตัวเองก่อเรื่องเองก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่อย่าทำให้ตระกูลหวังเราต้องลำบากไปด้วย! อย่าหาเรื่องเย่เฉินอีกไม่งั้นผมจะขอหย่ากับคุณ คุณไปอยู่กับดาราของคุณไป!”
ทันใดนั้นเองซูหลานก็หน้าแดงก่ำ
หวังจื้อหย่วนพอจะมองออกว่าเย่เฉินจะต้องเป็นประธานบริษัทตัวจริงแน่
สาเหตุที่เขาแน่ใจนั่นเป็นเพราะท่าทีที่หวังซ่าวเจี๋ยปฏิบัติต่อเย่เฉิน
ฟางเสียนจู่ลำบากใจอย่างยิ่ง เขาเองก็ไม่มีหลักฐานจะพิสูจน์ว่าเย่เฉินเป็นตัวปลอม
ฟางเสียนจู่กล่าว “ถ้างั้นทุกคนนั่งลงกันก่อนเถอะ ดื่มชาสักหน่อย งานแต่งงานกำลังจะเริ่มแล้ว”
หลิ่วหรูซือเองก็กล่าวว่า “คุณเย่เป็นเพื่อนกับลูกชายพวกเรา พวกเขาล้อกันเล่นเท่านั้น ทุกท่านนั่งลงก่อนเถอะ”
หลังจากได้ยินคำพูดเจ้าภาพแล้ว ทุกคนก็ทยอยเดินกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
แต่ทุกสายตายังคงจับจ้องไปที่เย่เฉิน
เย่เฉินกับฉินหงเหยียนนั่งโต๊ะเดียวกัน ฉินหงเหยียนดื่มชาแล้วกล่าว “พวกคนโง่คิดไม่ถึงว่าจะยังสงสัยสถานะของคุณอยู่อีก”
เย่เฉินดื่มชาแล้วกล่าว “ผมว่านอกจากหวังเจียเหยากับซูหลานแล้ว คนตระกูลฟางและคนตระกูลหวังน่าจะเชื่อว่าผมเป็นประธานบริษัทหมดแล้ว”
“แต่คนอื่น…”
ในขณะที่พูดก็มีแขกคนสำคัญอีกคนเดินเข้ามาภายในงาน
พอฟางเสียนจู่เห็นก็เดินไปหาอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ
“นี่มันคุณหวง ประธานบริษัทจวี้ตัวตัวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังหรือเนี่ย?”
ตอนนี้อีคอมเมิร์ซกำลังโด่งดัง 11.11 เมื่อปีก่อน พี่ใหญ่อย่าง T-MALL มียอดขายทั้งหมดเกินกว่าสองแสนล้าน
ถึงจวี้ตัวตัวจะไม่ได้มียอดขายเยอะเท่าร้านค้าที่กล่าวถึงก่อนหน้า แต่ก็พอจะยึดครองส่วนแบ่งตลาดของวงการอีคอมเมิร์ซในประเทศได้
หวงเฉิงหมิงหรือคุณหวงก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน!
หวงเฉิงหมิงถือของขวัญไว้ในมือ เข้าเดินมาจับมือกับฟางเสียนจู่แล้วกล่าวว่า “ผมกับคุณฟางเคยเจอกันในเมืองหลวงครั้งหนึ่ง คุณฟางยังจำผมได้ แหมคุณฟางนี่เพียงเห็นครั้งเดียวก็จำกันได้เก่งจริง ๆ ”
“มิได้ครับ คุณหวงมาร่วมงานแต่งงานของลูกชายในวันนี้ได้แถมยังเอาของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วย ผมรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกิน!” ฟางเสียนจู่หัวเราะร่วน
หวงเฉิงหมิงกล่าว “ขอโทษด้วยนะครับ ของขวัญนี้ไม่ได้เอาให้ลูกชายคุณครับ”