เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 15.3
เหยียลี่ว์ฉีพลันเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตากะพริบวูบไหว เขารู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านคล้ายเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
จิ่งเหิงปัวกำลังมุ่งมั่นเขวี้ยงสัตว์ ตั้งใจจะจัดการเจ้าพวกที่กล้ารังแกสัตว์เลี้ยงที่นางโปรดปรานฝูงนี้ เมื่อมองเห็นสัตว์น้อยฝูงนั้นถูกเฟยเฟยไล่ฆ่าจนวิ่งหนีทั่วทิศ เปล่งเสียงขู่ฟ่อแหลมคมออกมาอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ ถูกบีบบังคับให้เข้าสู่ส่วนลึกของบึงโคลน ก็รู้สึกว่าควรพอได้แล้ว ขณะกำลังคิดจะหยุดมือ เรียกให้เฟยเฟยกลับมานั้น ก็มองเห็นเฟยเฟยหยุดชะงักลงกะทันหัน จากนั้นทั่วทั้งเรือนร่างถูกลากไปข้างหลัง ขนปุกปุยบนหางใหญ่พองฟูฟ่องออกมา
นางไม่เคยเห็นเฟยเฟยเป็นแบบนี้เลย จึงอดที่จะชะงักไม่ได้
จากนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าฝ่าเท้าสั่นสะเทือนเพียงครั้ง
“ตู้ม!” เสียงหนึ่งดังแตกร้าว
“ถอยออกไป!” เหยียลี่ว์ฉีที่อยู่ข้างกายพลันตวาดเสียงหนึ่ง กอดนางไว้ก้มลงข้างล่างโดยพลัน นางรู้สึกแค่ว่าฟ้าดินเอนเอียงพังทลายกะทันหัน ทิวทัศน์เหินว่อนเกลือกกลิ้งมั่วซั่วระลอกหนึ่ง พอลืมตาขึ้นอีกครั้งพบว่าตนเองถูกเหยียลี่ว์ฉีกอดไว้แนบแน่น ออกจากบนบานประตูแล้ว ข้างใต้ร่างกายคือโคลนเลนลื่นไถล ส่วนตำแหน่งของบานประตูที่อยู่ข้างหน้า มองไม่เห็นบานประตูแล้ว บนบึงโคลนมีเศษเสี้ยวผืนใหญ่ผืนหนึ่ง ทุกแผ่นขนาดใหญ่เล็กแค่ฝ่ามือ
นางจ้องมองเศษเสี้ยวเหล่านั้น ไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นบานประตูนั่น เพียงพริบตาเดียว บานประตูก็แหลกสลายกลายเป็นแบบนี้แล้วหรือ? ตัวอะไรเป็นคนทำ? แล้วทำได้อย่างไร? เมื่อครู่ถ้านางยังอยู่บนบานประตูนั่น แบบนั้นตอนนี้สิ่งที่กลายเป็นเศษเสี้ยวคงจะเป็นนางใช่หรือไม่?
นางกำลังคิดจะกล่าววาจา แต่รู้สึกได้ว่าทั่วร่างของเหยียลี่ว์ฉีที่กอดนางไว้เกร็งแน่น นางตกใจขึ้นมาทันที รู้ว่าช่วงอันตรายยังไม่ผ่านพ้นไป
นางอยากลุกขึ้นมา ต้องลุกขึ้นถึงจะหายตัวได้ แต่ตอนนี้นางไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อน สองคนกอดกันหมอบอยู่บนโคลนเลน เพิ่มพื้นผิวสัมผัสมากขึ้นถึงจะไม่จมลงไป พอลุกขึ้นแล้ว ถ้าควบคุมท่วงท่าไม่ดีจะจมลงไปได้ง่ายดายอย่างยิ่ง จมลงไปในเวลาปกติคงไม่เป็นไร แต่ในขณะนี้ข้างล่างโคลนเลนอาจจะมีสัตว์ร้ายอันตรายถึงชีวิต ถ้าเท้าจมลงไป ข้างล่างเคี้ยวดังกร๊อบ พอลากออกมาอีกครั้ง นางคงเหลือครึ่งท่อนแล้ว
แต่ถ้าไม่ขยับเขยื้อนแบบนี้ จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายใต้โคลนเลนตัวนั้นได้เช่นเดียวกัน นางรีบกล่าวขึ้นว่า “ข้าส่งเจ้าออกไป จากนั้นเจ้า…”
ไม่ทันได้กล่าวเสร็จสิ้น เหยียลี่ว์ฉีก็พลันสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ชูนางขึ้นด้วยมือข้างเดียวแล้วยกมือเหวี่ยงเพียงครั้ง เขวี้ยงนางออกไปประหนึ่งยิงธนู!
เพียงท่วงท่าหนึ่งนี้ เรือนร่างของเขาก็จมลงไปครึ่งหนึ่งโดยพลัน
ในแววตาของเขากลับผุดเผยรอยยิ้มขึ้นมา เป่าปากโล่งอกเล็กน้อย ทว่าโล่งอกได้เพียงครึ่งเดียว เขาก็พลันตกตะลึง
เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวหยุดค้างกลางอากาศกะทันหัน
คล้ายถูกสิ่งของอะไรคว้าเอาไว้
จิ่งเหิงปัวร้อง “อ๊ะ” ออกมาอย่างแผ่วเบา
เรือนร่างเพิ่งจะเหินขึ้น นางก็พลันรู้สึกว่าบนข้อเท้าเจ็บปวดคล้ายถูกสิ่งของอะไรรั้งเอาไว้ ในใจนางตื่นตระหนกขึ้นมา…เหยียลี่ว์ฉีโยนนางสุดกำลัง ถ้าเท้านางถูกคว้าไว้อย่างแน่นหนา แรงดึงของทั้งสองฝ่ายนี้จะฉีกขาสองข้างของนางออกจากกันทั้งอย่างนั้นได้!
ร่างกายอยู่กลางอากาศ เรื่องราวเกิดขึ้นกะทันหัน นางไม่ทันได้ครุ่นคิดและไม่ทันได้ช่วยเหลือตนเอง
เรือนร่างก็หยุดชะงัก นางแอบโล่งใจเช่นกัน พอก้มหน้าลงมองก็เห็นเฟยเฟยทั้งกลิ้งทั้งคลานอยู่บนบึงโคลน อุ้งเท้าหน้าเชิดขึ้น กดสิ่งใดสักอย่างไว้โดยพลัน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เหยียลี่ว์ฉีก็รู้สึกตัวขึ้นมาด้วย เขาชักกระบี่ออกมาในทันใด แสงกระบี่กะพริบวูบ สอดกระชากผ่านบนโคลนเลน
แสงกระบี่เปล่งประกาย คราวนี้นางถึงมองเห็นว่าสิ่งที่ถูกกระชากขึ้นมานั้นคือสิ่งของที่เป็นเส้นสีดำยาวสายหนึ่ง แสงกระบี่เฉียดผ่าน ด้วยความคมจากกระบี่ของเหยียลี่ว์ฉีก็เพียงพอที่จะทลายทองคำสะบั้นเหล็กได้ เส้นสีดำนั่นเพียงสะเทือนเล็กน้อย ไม่ได้ขาดออกจากกัน
เพียงพริบตาเดียว จากนั้นนางก็ถูกลากกลับไปดังพลั่ก ร่วงหล่นลงบนโคลนเลน
เส้นสีดำนั้นกำลังสั่นไหว ซ้ำยังลากนางให้ลื่นไถลไปข้างหน้า เฟยเฟยกดไว้ไม่อยู่ เหยียลี่ว์ฉีลงมือโดยพลัน คว้าไว้เส้นสีดำนั้นไว้ในครั้งเดียว ลากไว้ในมือ ขัดขวางแรงฉุดลากของเส้นสีดำ เรือนร่างพลันทรุดลงไปอีกไม่น้อย
“ภรรยาข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!” เงาคนกะพริบวูบอย่างต่อเนื่อง เจ็ดสังหารมาถึงแล้ว บางคนหามบานประตู บางคนหามกระด้ง บางคนหามอ่างอาบน้ำ ซ้ำยังมีบางคนที่ถือตะกร้าด้ายเข็มมาด้วย ทยอยวางพวกบานประตูและอ่างอาบน้ำกันตั้งแต่ไกล พอจิ่งเหิงปัวหันหน้ากลับมา ก็มองเห็นยอดฝีมือเจ็ดแปดคนเหยียบย่ำบานประตู อ่างอาบน้ำ กระดานซักผ้าและตะกร้าด้ายเข็ม แขนเสื้อพัดพลิ้วเดินเข้ามา ภายในสมองเกิดความคิดว่า “แปดเฮฮาข้ามทะเล แสดงอภินิหารคนละด้าน” กะพริบวูบดังฟิ้ว…
ขอโทษด้วยที่นางอยากหัวเราะออกมาขณะเผชิญอันตราย แต่ชั่วพริบตาเดียวนางก็หัวเราะไม่ออกแล้ว
ใต้ร่างกายสั่นสะท้าน ไม่ใช่สิ คล้ายส่วนลึกของทั้งบึงโคลนสั่นสะท้าน จากนั้นเสียงตู้มๆ ตู้มๆ ก็ดังต่อเนื่องขึ้นระลอกหนึ่ง นางเบิกตาโพลงมองเห็นบานประตู กระด้ง อ่างอาบน้ำ กระดานซักผ้าและตะกร้าด้ายเข็มที่ระเกะระกะเหล่านั้น…ทุกสิ่งแหลกละเอียดในพริบตา
เหล่ายอดฝีมือไม่มีที่วางเท้าโดยพลัน เกลือกกลิ้งในโคลนเลนกระแทกกันเป็นกองเดียว โชคดีที่ชาวต้าฮวงคุ้นเคยกับบึงโคลนตั้งแต่ไหนแต่ไรมา จมลงไปแล้วไม่ตื่นตระหนก เหล่ายอดฝีมือนอนอยู่บนบึงโคลน โค้งกายยึกยักประชิดใกล้นางประหนึ่งหนอนแมลงวันต่อไป
บึงโคลนแห่งนี้มีความหนาแน่นน้อยยิ่งนัก วรยุทธ์เฉกเช่นพวกเจ็ดสังหารสามารถยืนบนบึงโคลนธรรมดาได้โดยตรง ทว่ายืนบนบึงโคลนแห่งนี้ไม่ได้ ด้วยเพราะเหตุนี้ เรือนร่างของหลายคนทรุดลงเล็กน้อยแล้ว
“ระวัง!” จิ่งเหิงปัวตวาดขึ้นมาทันที
‘เส้นสีดำ’ หลายสายพลันทะลุผ่านข้างกายนาง พุ่งสู่เหล่ายอดฝีมือปานสายฟ้าแลบ!
ในเวลาเดียวกัน เจ็ดสังหารทยอยก่นด่าว่า “แม่งเอ๊ย!” “โคตรแม่งเอ๊ย!” “บ้าบอ!” จำเป็นต้องเหินขึ้นตามกัน ถูกเส้นสีดำนั้นบีบบังคับให้กะพริบวูบถอยหลัง
‘เส้นสีดำ’ กะพริบวูบจากข้างกายนาง นางมองเห็นได้ชัดเจน สิ่งนี้ไม่ใช่เส้นด้าย ดูท่าทางคล้ายสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่าง เปล่งประกายแสงสลัวเขียวเรือง กลิ่นเหม็นคาวสะกดผู้คน
นางรู้สึกทันทีว่าเรือนร่างเอนเอียง ‘เส้นสีดำง ที่รัดข้อเท้าของนางไว้ถูกกระชากฉับพลัน นางถูกลากลื่นไถลเข้าสู่ความมืดมิด
ลื่นไถลสองก้าวแล้วหยุดลงอีกครั้ง นางได้ยินเสียงทึบดังขึ้น พอหันหน้ามองก็เห็นเหยียลี่ว์ฉีลาก ‘เส้นสีดำ’ นั่นไว้พอดี ‘เส้นสีดำง รัดข้อมือของเขาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว เห็นได้ชัดเจนมากว่าทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กัน อีกฝ่ายคล้ายมีพละกำลังมากมายอย่างยิ่ง แม้เหยียลี่ว์ฉีลากนางไว้แล้ว แต่ด้วยเพราะออกแรงต้านทานกำลังของอีกฝ่าย เรือนร่างกำลังจมลงอย่างต่อเนื่อง
ไม่ไหว! เป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาจะค้ำยันไว้ไม่ได้!
จิ่งเหิงปัวมือสะบัดเพียงครั้ง กระบอกเชื้อไฟที่ร่วงหล่นตอนนางกับเหยียลี่ว์ฉีเกลือกกลิ้งเมื่อครู่นี้ลอยขึ้นร่วงลงในมือนาง นางจุดไฟดังฟึ่บ ยื่นไปเผาไหม้ ‘เส้นสีดำ’ บนข้อเท้า
‘เส้นสีดำง ที่มีดตัดไม่ขาดเส้นนั้นหดกลับดังฟิ้วโดยพลันอย่างที่คิดไว้
กลัวไฟ!
จิ่งเหิงปัวเขวี้ยงกระบอกเชื้อไฟตามทิศทางที่เส้นสีดำหดกลับไปทันที กระบอกเชื้อไฟม้วนกลิ้งท่ามกลางความมืดมิด สาดส่องกลางความมืดมิดให้สว่างไสวเลือนราง เห็นแสงเขียวเรืองสองจุด ข้างหลังแสงเขียวเรือง เผยให้เห็นเค้าโครงหนึ่งรำไร
จิ่งเหิงปัวยังรอคอยมองให้ชัดเจน แสงเขียวสองจุดนั้นกะพริบวูบ กระบอกเชื้อไฟหายไปฉับพลัน
หายไปกะทันหันขณะอยู่กลางอากาศ
เหยียลี่ว์ฉีพลันเอ่ยว่า “ส่วนลึกของบึงโคลนมีสัตว์ยักษ์! กระบอกเชื้อไฟถูกกลืนไปแล้ว! เส้นนั้นเมื่อครู่นี้คือเล็บของสัตว์ยักษ์ ระวัง…”
เสียงวาจาของเขายังไม่ทันสิ้น บนโคลนเลนก็มี ‘เส้นสีดำ’ เจ็ดแปดสายดีดขึ้นมาดังฟิ้ว ส่งเสียงหวีดหวิวออกมา พันมาทางลำคอของจิ่งเหิงปัว
ในมือของจิ่งเหิงปัวจุดกระบอกเชื้อไฟอีกกระบอกหนึ่งไว้ก่อนแล้ว ยื่นไปยังต้นคอของตนเองทันที เปลวไฟไหม้ผมของนางเองหลุดร่วงลงมาหย่อมหนึ่งจนเกิดเสียงดังฟึ่บ เส้นสีดำแปลกประหลาดดุจอสรพิษเจ็ดแปดสายนั้นหดกลับไปดังฟิ้ว
ทุกคนมองดูอยู่บนฝั่งต่างตกใจจนเอ่ยไม่ออก เทียนชี่หาสิ่งของเข้าบึงโคลนอีกครั้งพลางส่ายหน้า เอ่ยว่า “สตรีนางนี้เ**้ยมโหดมากขึ้นทุกวัน แม้แต่ใบหน้าของตนเองยังกล้าเผา!”
อีชีตะโกนว่า “ภรรยาอดทนหน่อย ประเดี๋ยวเจ้าชีชีจะไปช่วยเจ้า อย่าได้เผาใบหน้างามสะคราญปานบุปผาของเจ้าจนเสียโฉม!”
“สิ้นชีพแล้ว รักษาใบหน้าไว้จะทำอะไรได้!” จิ่งเหิงปัวตอบอย่างห้าวหาญ
เล็บสีดำยาวจนน่าประหลาดของสัตว์ยักษ์นั้นหดกลับไป พวกเจ็ดสังหารกับเทียนชี่พลันประชิดใกล้อีกครั้งหนึ่ง เทียนชี่สะบัดเชือกยาวออกไปมัดเอวของเหยียลี่ว์ฉีไว้แล้วดึงเขาขึ้นมา ร่างของเจ็ดสังหารอยู่กลางอากาศ กระแทกฝ่ามือโดยพร้อมเพรียง พลังฝ่ามือเจ็ดสายชุมนุมกันดุจพายุหมุน เฉียดผ่านแก้มของจิ่งเหิงปัวดังฟิ้ว
นางรู้สึกแค่ว่าคล้ายมีลมคลั่งปะทะใบหน้า หนาวสะท้านจนทำให้คนหยุดหายใจ สายรัดผมถูกพัดหลุดลอยไปดัง ฟิ้ว! จมหายไปในระลอกคลื่นสายลม จากนั้นเสียง พลั่ก! ก็ดังขึ้นเพียงครั้ง สายลมจากฝ่ามือดุจเสา กระแทกส่วนลึกของความมืดมิดอย่างรุนแรง สถานที่ซึ่งแสงเขียวแรงสองจุดปรากฏขึ้นเมื่อครู่
เสียงดังทึบดุจเสียงกลอง สะท้านจนหูของจิ่งเหิงปัวดังหวึ่งๆ จากนั้นเสียงน้ำโคลนไหลเชี่ยวจ๋อมแจ๋มดังขึ้นไม่หยุดหย่อน สถานที่สักแห่งท่ามกลางความมืดมิดคล้ายมีโคลนไหลเชี่ยวคดเคี้ยวตลอดทาง เจ้าตัวนั้นที่อยู่กลางความมืดมิดคล้ายถูกยั่วให้โมโห กำลังดิ้นรนออกมาจากกลางบึงโคลน อยู่ใกล้ขนาดนี้ยังคงมองรูปร่างลักษณะของเขาได้ไม่ชัดเจน มองเห็นเพียงร่างกายใหญ่โตที่ห่อหุ้มเต็มไปด้วยโคลน เจ้าตัวนั้นคำรามเสียงทุ้มเสียงหนึ่ง ปลายกรงเล็บยืดยาวที่แต่เดิมกลัวไฟซ่อนอยู่บนผิวโคลน ดีดขึ้นดังเคร้งอีกครั้ง…
เทียนชี่เฉียดเข้ามาลากจิ่งเหิงปัวขึ้นในครั้งเดียว ขณะที่กำลังจะร่นถอย โคลนเบื้องหน้าพลันผุดขึ้นจากพื้นดังครืน ตั้งตรงดุจกำแพง สะบัดกรงเล็บสีดำท่อนหนึ่งออกมาจากกำแพงโคลนปานสายฟ้าแลบ พุ่งมาคว้าดวงตาสองข้างของจิ่งเหิงปัว
เทียนชี่ชักกระบี่ เจ็ดสังหารเฉียดเข้ามาในเวลาเดียวกัน ใกล้จะกลายเป็นวงล้อม
ส่วนลึกมากยิ่งขึ้นในความมืดมิดพลันมีเสียงเป่าปาก
เสียงแหลมคมแจ่มชัด ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน เสียงนี้ไม่ใช่เสียงสัตว์ป่าคำราม แต่เป็นเสียงเป่าปากที่คนถึงจะเปล่งออกมาได้โดยแท้ ทำให้อดจะชะงักไม่ได้
พอชะงักเพียงครั้ง กรงเล็บแหลมคมที่ใกล้จะคว้าถึงใบหน้าของจิ่งเหิงปัวนั้นก็พลันหดกลับไป จากนั้นเรือนร่างของสัตว์ประหลาดที่ห่อหุ้มด้วยโคลนนั้นก็ถอยหลังโดยพลัน