เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 38.3
แม้เขาเบนสายตาออกไปโดยพลัน แต่จิ่งเหิงปัวยังคงเหงื่อเย็นออกทั่วร่าง รู้สึกว่าตัวเองยังระมัดระวังไม่พอ องครักษ์คนนี้ไม่ใช่จอมล้างผลาญตระกูลเซวียนหยวนคนนั้นสักหน่อย ได้เป็นถึงองครักษ์ก็ไม่น่าจะอ่อนแอเกินไป เขาเพิ่งจะถูกหักแขน ความเกลียดชังกับความคิดสังหารท่วมท้นแน่นอน จะคล้อยตามขนาดนี้ได้อย่างไร
มองนางมีสีหน้าเข้าใจ ผีดิบมีแววตาวูบไหว คล้ายมีสีหน้าพอใจ
คราวนี้จิ่งเหิงปัวหิ้วองครักษ์นั้นไว้ กล่าวว่า “เจ้าเดินนำหน้า”
เจ้าคนนั้นได้แต่ล้มลุกคลุกคลานเดินนำหน้า เดินตามระเบียงทางเดินจากข้างนอกเข้าห้องข้างในไม่ได้จริงด้วย เส้นทางอยู่ในห้องดินฝั่งหนึ่งที่คล้ายยังขุดไม่เสร็จ หลังจากเจ้าคนนี้เปิดประตูแล้ว จิ่งเหิงปัวใช้เท้าถีบเขาจนหมดสติ ผีดิบเดินเข้าไป เดินเหยียบร่างองครักษ์เข้าไปอย่างเยือกเย็น
จิ่งเหิงปัวก้มหน้ามองรอยเท้าแบนราบบนร่างเจ้าคนนั้น จากนั้นมองผีดิบ…เจ้าคนนี้ไปล่วงเกินผีดิบตั้งแต่เมื่อไร?
ทางผ่านเป็นเส้นทางคับแคบ มองเห็นแสงไฟที่ทะลุถึงห้องลับได้รำไร จิ่งเหิงปัวเตรียมเดินนำหน้าสำรวจเส้นทางอย่างรู้ตัว แต่ผีดิบเดินนำหน้าเข้าไปก่อนก้าวหนึ่ง
จิ่งเหิงปัวมองเงาด้านหลังของเขา เขาสวมชุดผ้าป่านขาวทั่วร่าง สูงมาก ผอมมาก ความสูงเหนือกว่าทุกคนที่นางเคยเจอ เรือนร่างคล้ายกระบอกไม้ไผ่ ผมยาวเงินยวงทั้งศีรษะสยายจรดช่วงเอว มองจากไกลๆ ยังคล้ายกระดาษขาวเบาบางแผ่นหนึ่ง เวลาเดินไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังชะงักเล็กน้อยอย่างมหัศจรรย์ สรุปแล้วไม่เหมือนคนทั่วไปเลย บอกว่าเขาไม่ใช่ผีคงไม่มีคนเชื่อ
แสงข้างหน้าค่อยๆ สว่างไสว เป็นทางเข้าอีกทางของห้องลับจริงด้วย ทางเข้าแห่งนี้เป็นเส้นทางใช้เฉพาะคนใน ฉะนั้นจึงไร้การป้องกัน สองคนเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
ห้องลับที่มีแสงไฟสว่างไสว ตรงปากประตูยังมีหลายคนตั้งใจจ้องข้างหน้า มองการต่อสู้ระหว่างคนของตนกับเผยซู พลันรู้สึกว่าข้างหลังผิดปกติ พอหันหน้ากลับมาก็เห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง คนหนึ่งงดงามคนหนึ่งอัปลักษณ์ ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ใด กำลังยืนอยู่ข้างหลังตน โฉมงามนางนั้นยังยิ้มแย้มทักทายว่า “ไฮ สวัสดียามค่ำคืน”
ลูกน้องของสิบสามองครักษ์ในห้องลับตื่นตระหนกหน้าเปลี่ยนสี…ฐานใต้ดินนี้ก็มีทางเข้าเพียงทางเดียว ขอเพียงมีคนเข้ามาข้างในต้องรู้ตัวแน่แท้ สองคนนี้เข้ามาจากที่ใดกัน?
เรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นคือด้วยเพราะเผยซูบุกเข้ามา ยอดฝีมือในห้องลับต่างใช้แท่นยิงเคลื่อนย้ายข้ามบึงโคลนพิษไปต่อสู้ตรงระเบียงแล้ว ยามนี้คนที่เหลือต่างเป็นคนที่มีวรยุทธ์ไม่สูง ส่วนเส้นทางเข้าห้องเพียงหนึ่งเดียว ยามนี้กำลังถูกชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั้นขวางไว้
จิ่งเหิงปัวไม่รอให้พวกเขาร้องอุทาน มือสะบัดเพียงครั้ง ปิดประตูที่หันหาระเบียงทางเดินแล้ว ขณะเดียวกันผีดิบกำลังเอ่ยว่า “ปิดประตู”
พอวาจานี้ออกจากปากสองคนชะงักเล็กน้อย เพื่อความรู้ใจที่หาได้ยากส่วนหนึ่งนี้
คนเหล่านั้นในห้องเห็นสองคนนี้เก่งกาจล้ำเลิศ ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกเริ่มวิ่งหนี ทว่าไม่มีผู้เก่งกล้าอยู่ด้วยเลย วรยุทธ์ของคนเหล่านี้เป็นคู่ต่อสู้ของผีดิบได้ที่ใด เขาวนเวียนอย่างแผ่วเบารอบหนึ่ง คนเหล่านั้นจึงล้มลงบนพื้น
ขณะเขาลงมือนั้น จิ่งเหิงปัวก็ปิดทางเข้าที่ตัวเองเข้ามาก่อน จากนั้นไปพิจารณาแท่นยิงเคลื่อนย้ายนั้น เปลี่ยนทิศทางของแท่นยิงเคลื่อนย้าย วางกลับด้านตรงปากประตูห้องลับ แบบนี้ถ้าใครจะพุ่งเข้ามา พอเท้าเหยียบบนกระดานกระโดดก็จะถูกส่งกลับไปบนระเบียง
จากนั้นนางจึงปิดประตู ก็ได้ยินข้างนอกมีเสียงเหยียบย่ำพลั่กๆ กับเสียงกระเด้งกลับฟิ้วๆ ไม่หยุดหย่อน คลุกเคล้าเสียงกรีดร้องหลากหลายกับเสียงหัวเราะลั่นของเผยซูว่า “วะฮ่าๆๆ วิ่งสิ บอกให้พวกเจ้าวิ่งสิ ยังพากันกลับสู่อ้อมแขนข้าอีกครั้งจนได้…เฮ้ ปัวปัว ต้าปัว ข้างในเป็นเจ้าใช่หรือไม่? รีบออกมาขานรับหน่อย มิฉะนั้นข้าจะโมโหแล้วนะ!”
จิ่งเหิงปัวคิดว่าเจ้าพวกนี้ถูกใช้เป็นโล่กำบังก็ยังค่อนข้างน่าสงสาร กำลังจะชะโงกหน้าออกไปขานรับ แต่มือข้างหนึ่งที่อยู่ข้างหลังพลันสะบั้นคว้านางกลับมา นางหันหน้ากลับไป ผีดิบมีสีหน้าไร้อารมณ์ ชี้ไปยังห้องลับ หมายความว่าเร็วหน่อย
จิ่งเหิงปัวได้แต่ทำตามนั้น หันหน้ากลับไปมองเห็นตรงหน้าคือห้องโถง ขวดมากมายวางเรียงกัน พอเห็นแล้วคล้ายห้องทดลองสมัยใหม่จริงแท้ แต่ขวดไม่ใช่คริสทัลกระจกแก้ว ลักษณะท่าทางแข็งแกร่งอย่างยิ่ง กึ่งโปร่งแสงมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้ ขวดมีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ ของเหลวที่อยู่ข้างในหลากหลายสีสัน คุณสมบัติเหนียวหนับคล้ายบึงโคลนเล็กน้อย ข้างในของเหลวคล้ายบึงโคลนเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิต มองเห็นเกล็ดกระดองกับกรงเล็บหลากหลายได้รำไร
เฟยเฟยย่องเข้ามา กระโดดไปมาระหว่างขวดหลากหลายนั้นคล้ายตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก ซ้ำยังหวาดกลัวเล็กน้อย รักษาระยะห่างจากขวดเหล่านั้นเสมอ
นางรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย แต่ยังเดินเข้าไปดู สิบสามองครักษ์สร้างฐานใต้ดินที่นี่โดยเฉพาะ สิ่งของที่วิจัยต้องสำคัญมากแน่นอน
นางเพิ่งจะเข้าใกล้ขวดที่ใหญ่เท่าศีรษะมนุษย์ นั่นเป็นโคลนเลนสีดำอ่อนก้อนหนึ่ง สิ่งที่อยู่ข้างในคล้ายกำลังค่อยๆ เลื้อยขยุกขยิก นางอยากแนบหน้ามองให้ชัดหน่อย ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ผีดิบที่อยู่ข้างหลังพลันเอ่ยว่า “ระวัง!” ก่อนจะคว้าข้อมือนางไว้จูงไปข้างหลัง
ขณะเดียวกันเสียง เปรี๊ยะ พลันดังก้อง กรงเล็บสีดำข้างหนึ่งในขวดพลันยื่นออกมา กระแทกบนผนังขวดอย่างรุนแรง คล้ายมีหยาดโคลนกระเซ็นทั่วทิศ บนผนังขวดพลันมีรอยร้าวแพร่ขยายรอบด้าน
จิ่งเหิงปัวตกอกตกใจ…แรงโคตรเยอะ!
เห็นได้ชัดว่าของสิ่งนี้ยังอยู่ในวัยเยาว์ก็มีแรงเยอะขนาดนี้แล้ว ถ้าตัวโตเต็มวัยแล้วจะเป็นอย่างไร?
ข้างล่างขวดมีฉลาก นางก้มหน้าอ่านออกเสียง “ลูกสัตว์เคิงหลง กรงเล็บสี่ข้างหางยาว เนื้อหนังแข็งกว่าเพชร ลิ้นยาวสามจั้งจับคนได้”
แล้วหันขวดอีกใบ คราวนี้นางไม่กล้าเข้าใกล้ เอื้อมแขนยาวไปแกะฉลากออกมาอ่านว่า “โหยวเสอ ทั่วร่างเป็นพิษร้าย กัดกร่อนทองกับเหล็กได้ เลียนเสียงภูตพรายได้ ตัดให้ขาดแล้วงอกใหม่ได้”
จากนั้นแกะฉลากอีกใบหนึ่งเขียนว่า “หรานอี๋ ตัวเป็นปลาหัวเป็นงู เท้าทั้งหกมีเกล็ด ปล่อยหมอกพิษ ปล่อยมลพิษลงน้ำ”
จิ่งเหิงปัวขมวดคิ้ว พึมพำว่า “…สัตว์ประหลาดบึงโคลนเฮยสุ่ย?”
นางต้องไปเป็นราชินีที่เฮยสุ่ย ก็ย่อมรู้จักบึงโคลนเฮยสุ่ยที่โด่งดังทั่วต้าฮวงบ้าง เล่ากันว่าสัตว์ประหลาดเฮยสุ่ยมีเกือบร้อยชนิด สัตว์ที่ผู้คนเคยเห็นจริงๆ แล้วไม่ถึงหนึ่งในสิบ แค่สัตว์ประหลาดที่บังเอิญโผล่หัวหนึ่งในสิบนี้ก็กลืนกินชีวิตคนนับไม่ถ้วนแล้ว
ห้องโถงตรงหน้าแห่งนี้มีขวดประมาณห้าสิบถึงหกสิบใบ ขวดใบหนึ่งมีสัตว์ชนิดหนึ่ง หรือก็คือบรรจุลูกสัตว์ประหลาดลุ่มน้ำต้าฮวงห้าสิบถึงหกสิบชนิด
สัตว์ประหลาดทุกชนิดในลุ่มน้ำต้าฮวงต่างเป็นสัตว์ร้าย ฆ่าได้ยากจับได้ยากยิ่งกว่า โดยเฉพาะลูกสัตว์ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ จนตอนนี้คนที่อาศัยอยู่บริเวณบึงโคลนเฮยสุ่ยเคยเห็นสัตว์ประหลาดแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น จินตนาการได้ว่าการจับกุมลูกสัตว์ประหลาดทุกชนิด เกรงว่าคงต้องแลกด้วยชีวิตคนเป็นร้อยเป็นพัน ยิ่งกว่านั้นที่นี่มีมากกว่าห้าสิบถึงหกสิบชนิด จินตนาการได้ยากว่าสิบสามองครักษ์สิ้นเปลืองกำลังทรัพย์กำลังคนมากเท่าไรเพื่อลูกสัตว์ประหลาดห้าสิบถึงหกสิบชนิดนี้
มิน่าล่ะต้องสร้างไว้ใต้ดินห่างไกลขนาดนี้ พอข่าวรั่วไหลออกไป ความพยายามพังทลายหมดสิ้น จะก่อให้เกิดการแย่งชิงจากกลุ่มอำนาจนับไม่ถ้วนของบึงโคลนเฮยสุ่ยทันที
ส่วนเหตุใดสิบสามองครักษ์ถึงใช้ขวดเลี้ยงสัตว์ประหลาดดุร้ายไว้ที่นี่ หรือว่าคิดฝึกสัตว์ หรือว่าคิดเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์สัตว์ประหลาด สัตว์ร้ายบึงโคลนเฮยสุ่ยต้องอยู่ในบึงโคลนเฮยสุ่ยเท่านั้น พอขึ้นฝั่งพลังการต่อสู้ลดลงมาก ถ้าสัตว์ร้ายบึงโคลนเฮยสุ่ยอยู่บนฝั่งได้ จะก่อเกิดพลังทำลายล้างยิ่งใหญ่ได้แน่นอน
สิบสามองครักษ์ดูคล้ายเป็นแขกรับเชิญท่ามกลางกลุ่มอำนาจของบึงโคลนเฮยสุ่ย แท้จริงแล้วความทะเยอทะยานก็ไม่น้อยเลย ดูท่าทางไม่พอใจกับการจัดอันดับตอนนี้ ตั้งใจแย่งชิงบัลลังก์บึงโคลนเฮยสุ่ยแล้ว
จิ่งเหิงปัวเริ่มเกิดความสนใจในสิบสามองครักษ์ สิ่งที่อยู่ในขวดห้าสิบถึงหกสิบใบนี้เป็นผลงานชั้นเลิศอย่างแน่นอน เล่ากันว่าแม้องครักษ์ใหญ่เป็นผู้นำสิบสามองครักษ์ แต่สมองกับกระดูกสันหลังที่แท้จริงคือองครักษ์รอง คนนี้เองที่ทำให้กลุ่มสิบสามองครักษ์เจริญรุ่งเรือง เริ่มจากพี่ชายน้องชายโดดเดี่ยวสิบสามคน ก้าวสู่บึงโคลนเฮยสุ่ยที่เหล่าวีรบุรุษช่วงชิง หลังจากครอบครองตำแหน่งที่ควรได้รับแล้วยังทะเยอทะยานไม่หยุดหย่อน ตอนนี้คล้ายมองหาฟ้าดินที่กว้างไกลยิ่งกว่าเดิมแล้ว
เล่ากันว่าเดิมทีเขาเป็นองครักษ์ใหญ่ได้ แต่ปฏิเสธแน่วแน่ ปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์กุนซือขององครักษ์ใหญ่ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ตำแหน่งสูงสุด ได้รับความเคารพสูงสุดในหมู่สิบสามองครักษ์ ฐานแห่งนี้อาจเป็นฝีมือของเขา
เพียงแต่จิ่งเหิงปัวรู้สึกเสมอว่าแม้ฐานแห่งนี้เป็นความลับ แต่คล้ายป้องกันยังไม่พอ ฐานสำคัญขนาดนี้อาศัยแค่จุดตรวจหนึ่งหรือสองแห่งป้องกัน คล้ายสะเพร่าเกินไปหน่อย
จิ่งเหิงปัวผิดหวังอยู่บ้าง นางนึกไม่ถึงว่าในห้องลับนี้เป็นของพวกนี้ แม้ได้รู้ความลับของสิบสามองครักษ์ แต่ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเอง การเพาะเลี้ยงลูกสัตว์พวกนี้ สิบสามองครักษ์ต้องมีวิธีเฉพาะตัวของตนเองแน่นอน นางเอาไปก็ไม่มีประโยชน์
นางเบนสายตาไปทางกำแพงฝั่งหนึ่ง ห้องลับห้องนี้ใหญ่มาก ขนาดประมาณห้องใหญ่สามห้องในบ้านทั่วไป กำแพงฝั่งตรงข้ามเป็นประตูเล็กหลายบาน ข้างในยังมีห้องลับ บนห้องลับทุกห้องต่างมีสัญลักษณ์ บางห้องเป็นกล้องสูบฝิ่น บางห้องเป็นมีดใหญ่โชกเลือด บางห้องเป็นเปลวไฟร้อนแรง บางห้องเป็นสายผ้าหลากสีที่ปลิวว่อน
สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของสามสำนักสี่พรรคเจ็ดกลุ่มใหญ่แห่งบึงโคลนเฮยสุ่ยเผ่าไต้เม่า จิ่งเหิงปัวนับจำนวน เป็นห้องเล็กสิบสี่ห้อง
ดวงตานางสว่างวาบแล้ว…สิ่งที่อยู่ข้างในนี้อาจคุ้มค่าน่าเอาไปด้วย
นางวิ่งไปทางประตูเล็กที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุดทันที ออกมาก้าวหนึ่งแล้วหันหน้ากลับไปมองทางขวดเหล่านั้น
ในเมื่อค้นพบฐานเพาะเลี้ยงลับแห่งนี้แล้ว จะยอมให้เพาะเลี้ยงของสิ่งนี้ออกมาไม่ได้ มิฉะนั้นภายหลังจะสร้างปัญหาให้ตัวเองได้เช่นกัน
นางสะบัดมือเพียงครั้ง ม้านั่งตัวหนึ่งทะยานขึ้น นางกำลังเตรียมกระแทกใส่ขวด ซากผีดิบกะพริบวูบ พลันขวางข้างหน้านางไว้
มองเห็นสายตาไม่เห็นด้วยของเขา นางสงสัยเล็กน้อย
เขาเพียงชี้ไปยังของสิ่งนั้น ส่ายหน้า
จิ่งเหิงปัวคิดอยู่ชั่วครู่ เข้าใจในทันที ลูกสัตว์ประหลาดที่อยู่ในขวดนี้มีชีวิตทั้งหมด มีพิษทั้งหมด ส่วนใหญ่ฟันแทงไม่เข้า ชั่วครู่ชั่วคราวฆ่าไม่ตาย วิ่งวุ่นเกลื่อนกลาดในห้องลับนี้เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว อีกทั้งสิบสามองครักษ์พยายามเพาะเลี้ยงของพวกนี้ พอถูกฆ่าทั้งหมด ย่อมเกิดความอาฆาตแค้นนับแต่นั้น แม้กล่าวว่าไม่กลัวความแค้น แต่ยังไม่ได้เข้าบึงโคลนเฮยสุ่ย เหตุใดต้องสร้างศัตรูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วย
เมื่อไม่อยากให้เรื่องหนึ่งสำเร็จแต่ก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ควรทำอย่างไร?
โยนความผิด
จิ่งเหิงปัวสะบัดแขนต่อเนื่อง โคลนเลนที่ใช้เพาะเลี้ยงลูกสัตว์ประหลาดในทุกขวดค่อยๆ ลอยขึ้น หยุดค้างกลางอากาศ
โคลนเลนของทุกขวดส่วนใหญ่สีสันแตกต่างกัน น่าจะเพิ่มส่วนผสมแล้ว เวียนวนแยกกันกลางอากาศ ปรากฏเป็นสีสันแปลกประหลาดหลากหลาย
ฉากหนึ่งนี้ค่อนข้างมหัศจรรย์…สตรียืนอยู่ตรงกลาง สองแขนเชิดขึ้นไป โคลนสีสันสดใสนับไม่ถ้วนล่องลอยกลางอากาศ หยุดนิ่งไม่ร่วงหล่น ประดุจเมฆรุ้งน้อยหลายก้อนล่องลอย
คนชุดป่านยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง มองฉากนี้อย่างเงียบสงัด แสงรุ่งโรจน์วูบไหวกลางนัยน์ตา
โคลนเลนลอยขึ้นทั้งหมด จิ่งเหิงปัวสะบัดสองแขนสลับกันอย่างต่อเนื่อง
โคลนเลนหลากสีขวักไขว่ไปมากลางอากาศ รวดเร็วดุจสายฟ้า ปะปนซึ่งกันและกัน จากนั้นร่วงลงในขวดดังซ่าๆ
แน่ใจได้ว่าโคลนเลนที่ไหลลงในขวดอีกครั้ง ไม่ใช่โคลนเลนชนิดเดิมแล้ว
ในเมื่อสัตว์ประหลาดชนิดนี้ใช้ขวดแยกเพาะเลี้ยง สีโคลนเลนของทุกชนิดแตกต่างกัน ก็เห็นได้ชัดว่าโคลนเลนจะผิดพลาดสักหยดไม่ได้ ตอนนี้ผสมปะปนกันไป สัตว์ร้ายเหล่านี้ยังเพาะเลี้ยงออกมาได้หรือ?
โคลนเลนพวกนี้ก็มีพิษเช่นกัน แต่สลับกันได้ไม่ทิ้งร่องรอยเลยแม้แต่น้อย สิบสามองครักษ์มองเห็นฉากหนึ่งนี้จะคิดอย่างไร? เป็นไปได้ว่าจะนึกถึงศัตรูคู่อาฆาตที่มีฝีมือเลิศล้ำเหล่านั้นของตนเองแล้วล่ะมั้ง?
จิ่งเหิงปัวเสร็จงานแล้ว หัวเราะเหอะๆ วางมือลง
เรื่องราวต่อจากนี้ คนชั่วก็กัดกันเองไปเถิด
นางหันหลังจะไปเปิดประตูน้อยพวกนั้น ปลายจมูกถูกปลายเท้าข้างหนึ่งเตะเข้ากะทันหัน
ถูกปลายเท้าเตะเข้า…
บนร่างนางมึนชาชั่วขณะ รู้สึกได้ว่าคนชุดป่านที่อยู่ข้างหลังคล้ายแข็งทื่อไปด้วย…คนบางส่วนโดนขวางไว้นอกประตู อีกส่วนล้มลงบนพื้น ตอนนี้ใครนั่งอยู่เหนือศีรษะนาง?
นางจ้องปลายรองเท้าตรงหน้า เป็นรองเท้าสีม่วงปักลายดอกติงเซียง[1]สีม่วง แต่รองเท้าไม่นับว่างดงามประณีต เท้าใหญ่มากคู่หนึ่ง
มองตามเท้านี้ขึ้นไป เป็นชายกระโปรงสีม่วง สีสันคล้ายเคยเห็น เนื้อผ้าที่ทั้งสูงส่งทั้งสง่างามพวกนั้น
นางสูดหายใจเฮือก
ไม่ต้องมองอีกแล้ว
ผู้คุมสอบเฮงซวยมาโกงแล้ว
[1] ดอกติงเซียง ไลแลค ชื่อวิทยาศาสตร์ Syringa Linn. พืชต้นขนาดเล็ก ออกดอกเป็นช่อใหญ่ ดอกมีสีม่วง สีชมพู สีขาว เป็นต้น