เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 4.2
ตลอดทางเงียบสงบอย่างยิ่ง ไม่มีพลไล่ล่าสักนาย
ครึ่งเดือนต่อมาระหว่างการเดินทาง จิ่งเหิงปัวได้ยินข่าวสารที่แว่วออกมาจากตี้เกอ
ราชครูกงอิ้นประกาศต่อโลกหล้าว่าจิ่งเหิงปัวราชินีองค์ก่อนครอบครองตำแหน่งราชินีโดยมิชอบ ต้องโทษปลดพระอภิไธยของราชินีโดยพลัน ทว่าด้วยเพราะจิ่งเหิงปัวเสนอวิธีการทำเกษตรกรรมต้นหม่อนแบบผสมผสาน ถือว่ากระทำคุณูปการต่อแคว้นจึงละเว้นโทษประหาร เพียงขับไล่ออกจากตี้เกอ แต่งตั้งเป็นราชินีเฮยสุ่ย ลุ่มน้ำเฮยสุ่ยถือเป็นเขตปกครองของนาง อนุญาตให้เข้าออกภายในอาณาเขตของสองแคว้นคือแคว้นจีและแคว้นเหมิง รวมทั้งอาณาเขตของสี่แคว้น ประกอบด้วย เผ่าเฉินเถี่ย เผ่าไต้เม่า เผ่าจั๋นอวี่และเผ่าเฝ่ยชุ่ย ห้ามบุกรุกอาณาเขตอื่นนอกเหนือจากอาณาเขตเหล่านี้ หากไม่ได้รับพระราชโองการห้ามเข้าสู่ตี้เกอตลอดกาล
พอทุกคนได้ยินประกาศนี้แล้ว หลังจากรู้สึกประหลาดใจก็พลันส่ายหน้า ผู้ที่รับรู้สถานการณ์ภายในยังต้องเอ่ยว่า “ต้องทำกันขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ต้องทำกันขนาดนี้เชียวหรือ?” มหาปราชญ์ฉังฟังร่ำสุราลืมความทุกข์อยู่ในจวน เอ่ยกับมหาปราชญ์ฉวีถีอย่างเจ็บปวดทรมานว่า “เป็นเพียงการเมือง แพ้แล้วก็แพ้ไปสิ ตามความเห็นข้า ประหารไปเสียเลยถือว่าจบเรื่องจบราวกันไป สตรีนางหนึ่งมีจิตใจสดใสไร้เดียงสาเหลือเกิน แต่เดิมนางไม่เหมาะสมกับต้าฮวงที่เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เหตุใดยังต้องขับไล่นางออกจากตี้เกอแล้วเนรเทศไปยังสถานที่เฉกเช่นลุ่มน้ำเฮยสุ่ยนั่นอีก? เช่นนั้นตายไปเสียเลยยังจะดีกว่า!” เขายิ่งเอ่ยยิ่งโมโห กระแทกถ้วยลงบนโต๊ะอย่างรุนแรงดังตึง เอ่ยสืบต่อว่า “ซ้ำยังมอบเขตปกครองลุ่มน้ำเฮยสุ่ยให้ด้วย! ลุ่มน้ำเฮยสุ่ยเป็นเขตปกครองที่มนุษย์ครอบครองได้หรือ? ที่นั่นเป็นดินแดนแห่งภูติผีปีศาจในตำนาน! ให้ครอบครองที่นั่นก็เท่ากับต้องการให้นางสิ้นชีพ! จงใจทำให้อับอายขายหน้า ต้องการให้นางถูกทั่วโลกหล้าหัวเราะเยาะเย้ย! ซ้ำยังอนุญาตให้เข้าออกภายในสองแคว้นสี่ชนเผ่า ฟังดูแล้วใจกว้างมีเมตตายิ่งนัก ผู้ใดไม่รู้ว่าสองแคว้นสี่ชนเผ่านั่นต่อต้านคนภายนอกเป็นที่สุด ราชินีที่สูญเสียอำนาจเช่นนาง ซ้ำยังมีเขตปกครองเป็นลุ่มน้ำเฮยสุ่ย เช่นนี้อนุญาตให้นางเข้าออกหรือหวังผลักนางไปสิ้นชีพถูกทำให้อับอายขายหน้ากันเล่า?”
“เอ่ยวาจามากมายขนาดนี้ สุดท้ายแล้วก็ไร้ประโยชน์ สถานการณ์ในปัจจุบันสำเร็จเสร็จสิ้น กงอิ้นจะไม่ยอมให้ผู้ใดก็ตามบ่อนทำลายโอกาสของเขาได้อีก” ฉวีถีส่ายหน้ารินสุราให้ตนเอง เอ่ยสืบต่อว่า “ไม่ใช่ว่าราชินีไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน ทว่าผู้สนับสนุนนางล้วนเป็นราษฎรหรือเจ้าผู้ชราเช่นพวกเราเหล่านี้ ตาแก่ไร้ประโยชน์ที่เข้าไปในจัตุรัสหวงเฉิงคืนเกิดเหตุการณ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่เจ้าฉัง ยามแรกเจ้าเอ่ยว่าราชินีดูคล้ายเกียจคร้านทว่าแท้จริงแล้วชาญฉลาด ภายภาคหน้าต้องเป็นเจ้านายผู้นำพาให้ของต้าฮวงเราเจริญรุ่งเรือง คราวนี้เจ้ามองพลาดแล้ว แม้ว่านางเฉลียวฉลาดแต่ยังคงขาดประสบการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในราชสำนัก อีกอย่างนางอายุยังน้อย สตรีอ่อนวัยถูกความรักฉุดรั้งไว้ สุดท้ายแล้วหงส์จะอยู่เหนือมังกรไม่ได้น่ะสิ!”
ความเดือดดาลของฉังฟังค่อยๆ สูญสลาย หลังจากนิ่งเงียบไปเนิ่นนานก็พลันส่ายหน้าอีกครั้ง
“ไม่หรอก ข้ายังรู้สึกว่า…” เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “เรื่องนี้ยังไม่จบ…เจ้าฉวี”
“หืม?”
“ลูกศิษย์เจ้าเต็มบ้านเต็มเมือง ลูกศิษย์ข้ากระจายอยู่ตามหกแคว้นแปดชนเผ่าไม่น้อยเช่นกัน เลือกพวกที่พึ่งพาได้เหล่านั้น เขียนจดหมายให้พวกเขาสักฉบับเถิด”
“เจ้ายังคิดว่าราชินีจะไม่ตกต่ำเพียงเพราะเหตุนี้ ซ้ำยังอาจจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง อยากช่วยเหลืออีกแรงหรือ?”
“ข้าไม่รู้” ฉังฟังส่ายหน้า เอ่ยว่า “ข้าเพียงแต่คิดว่าหากนางไม่ได้ตกต่ำทุกข์ทรมาน เช่นนั้นย่อมดีที่สุด พวกเราช่วยนางสักครั้ง หากนางเต็มใจเป็นสตรีธรรมดานับแต่บัดนี้ พวกเราดูแลนางสักหน่อยได้เช่นกัน นับว่าเป็นการตอบแทนส่วนหนึ่งต่อนาง”
“เจ้าฉัง เจ้ายังไม่ยอมถอดใจจริงด้วย”
“ไม่ยอมถอดใจ และด้วยเพราะข้าทนมองดูพวกเซวียนหยวนจิ้งเหล่านั้นมีเจตนาร้ายแอบแฝงคอยช่วงชิงอำนาจทางการเมืองไม่ได้ ไม่อยากมองเห็นสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ในต้าฮวงดำรงอยู่ต่อไปชั่วกาล อีกทั้งด้วยเพราะวันนั้นที่นางจากไป นางใช้ขวานเหินสะบั้นธงตี้เกอบนกำแพงเมือง! เจ้าฉวี ยามอายุยังน้อยเจ้าเคยเข้าร่วมกองทัพควบอาชาทั่วสนามรบเช่นกัน เจ้าบอกข้าสิ ยามยุคสมัยที่เจ้ากล้าหาญก้าวร้าวเป็นที่สุด หากเจ้าพบเจอเรื่องราวเช่นนี้ เจ้าจะยังมีไอสังหาร ความกล้าหาญ ความดุดันและความเป็นปรปักษ์ปานนี้หรือ!”
“ไม่มี!”
“เช่นนั้นย่อมยังมีความหวัง! มาสิ ดื่มเพื่อชัยชนะให้ราชินีที่ไม่ยอมถอดใจเช่นเดียวกัน!”
“ดื่มเพื่อชัยชนะ!”
ถ้วยสุรากระทบกันดังกังวาน น้ำสุรากระเซ็นทั่วทิศ ปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่ยังไม่แก่ชรายังคงลุกโชนโชติช่วง
ผ่านไปเนิ่นนาน ฉังฟังที่มึนเมาเล็กน้อยก็เบนสายตาออก ค่อยๆ มองไปทางภาพเหมือนภาพนั้นที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ตนเองที่อยู่บนภาพเหมือนนั่งหันข้างมองไปไกลโพ้น ที่ซึ่งแววตาพาดผ่าน ท้องนภามืดครึ้ม เมฆหนาลอยล่อง ดั่งลมและเมฆกำลังคืบคลานเข้าใกล้
สถานการณ์กำลังแปรเปลี่ยน
…
บางคนอธิษฐานอวยพรเพื่อคนที่จากไป บางคนวางอุบายสร้างกับดักเพื่อคนที่จากไป
“นางหลบหนีจากตี้เกอไปได้จริงด้วย” เซวียนหยวนจิ้งตบโต๊ะอย่างเดือดดาลครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “กงอิ้นคิดอย่างไรกัน? ไม่ฆ่าล้างบางซ้ำยังแต่งตั้งให้นางเป็นราชินีเฮยสุ่ยอีก!”
“หึ” เฟยหลัวเปล่งเสียงหัวเราะแผ่วเบา เอ่ยว่า “ท่านอย่าได้เอ่ยถึงราชินีเฮยสุ่ยอะไรนี่เลย ราชินีนี้มิใช่ตำแหน่งที่มนุษย์เป็นได้ ทว่าในทางกลับกัน พฤติกรรมของนางแปลกประหลาด ไม่แน่ว่าอาจจะผลิใบแตกกิ่งก้านสาขาที่นั่นได้จริง”
“เสนาหญิงอย่าได้ประมาทเลินเล่อ” เซวียนหยวนจิ้งมองนางอย่างไม่เห็นด้วยปราดหนึ่ง เอ่ยว่า “เอ่ยกันว่าถอนหญ้าหลงเหลือราก หากลมวสันต์พัดมาหญ้างอกงาม ตามความเห็นของผู้ชรา แม้ลุ่มน้ำเฮยสุ่ยจะน่ากลัวเพียงใดย่อมเป็นโอกาสรอดชีวิต สำหรับศัตรูแล้ว การสังหารให้หมดสิ้นถึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องที่สุด”
“เรื่องนี้ไม่รบกวนให้ขุนนางที่ปรึกษาครุ่นคิด” เฟยหลัวเป่าเล็บอย่างแผ่วเบา ท่วงท่าสบายอกสบายใจ เอ่ยว่า “ข้าส่งคนไป ‘คุ้มกันและทักทาย’ นางแล้ว”
“เช่นนี้ย่อมดีแน่ เจ้ากับข้ามีความคิดคล้ายคลึงกันโดยแท้ แม้แต่จังหวะก้าวกระทำเรื่องราวยังเหมือนกัน” เซวียนหยวนจิ้งหัวเราะอย่างสบายใจ จากนั้นขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง เอ่ยว่า “แต่ได้ยินว่าพี่น้องเจ็ดสังหารอยู่ข้างกายนาง หากมีพวกเขาอยู่ด้วย เกรงว่าบนโลกนี้คงไม่มีมือสังหารสามารถเข้าใกล้ตัวนางได้…”
“ผู้ใดเอ่ยว่าต้องใช้มือสังหาร?” เฟยหลัวยิ้มอย่างลำพองใจ เอ่ยว่า “บางครั้งผู้ที่ดูคล้ายไร้พิษสงถึงเป็นผู้ที่อันตรายที่สุด ใช่หรือไม่?”
เซวียนหยวนจิ้งหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นเอ่ยสืบต่อว่า “เฉิงกูมั่วดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการดังเดิมแล้ว ดูท่าทางกงอิ้นไม่ได้วางแผนจะชำระสะสาง เพียงฉวยโอกาสกำจัดเหยียลี่ว์ฉี”
“จะชำระสะสางได้อย่างไร? พอชำระสะสางย่อมส่งผลกระทบไปถึงทั่วทั้งราชสำนัก เขาจะชำระสะสางกับตระกูลใหญ่โตในตี้เกอ หกแคว้นแปดชนเผ่าและคนทั่วทั้งราชสำนักได้หรือ? หากชำระสะสางเสร็จสิ้น เขาย่อมกลายเป็นผู้โดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว!”
สองคนยิ้มแย้มมองกันและกัน ลักษณะท่าทางผ่อนคลายเป็นครั้งแรกในหลายวันมานี้
แม้จะเอ่ยวาจาเช่นนี้ ทว่าเบื้องลึกภายในจิตใจ พวกเขายังคงหวาดกลัวว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนเหตุการณ์ในวังวันนั้น กงอิ้นมีพฤติกรรมเลือดเย็นไม่อาจคาดเดาได้ เขาจะทำอย่างไรผู้ใดก็ไม่แน่ใจ แม้เอ่ยว่ายามนั้นเขายอมร่นถอย ยอมสำเร็จโทษราชินี แสดงว่าเขามองว่าขุนนางกับแว่นแคว้นสำคัญยิ่งกว่าโดยแท้ คงจะไม่สอบสวนเรื่องนี้อีกเพื่อความมั่นคง ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าวันใดเขาจะครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่าผิดปกติ หันมาจัดการพวกเขาบ้างเล่า?
ยามนี้ดีแล้ว การคืนตำแหน่งของเฉิงกูมั่วคือสัญญาณหนึ่ง เฉิงกูมั่วเสนอหน้าขนาดนั้นยังไม่ถูกลงโทษเลย พวกเขายังต้องกลัวเรื่องใดอีก?
“นายท่าน!” คนรับใช้ของตระกูลเซวียนหยวนคนหนึ่งพลันพุ่งเข้ามา เหงื่อร้อนท่วมศีรษะ ไม่ทันได้ทำความเคารพก็ร้องลั่นว่า “นายน้อยรองเกิดเรื่องที่จัตุรัสกลางเมืองอีกแล้วขอรับ!”
“ไอ้ลูกเลวทรามคนนี้!” เซวียนหยวนจิ้งยืนขึ้นมาอย่างเดือดดาล เอ่ยกับเฟยหลัวอย่างร้อนรนว่า “ผู้ชรายังต้องจัดการเรื่องราวในบ้าน เสนาหญิงทำตัวตามสบายเถิด” เอ่ยเสร็จแล้วไม่รอให้เฟยหลัวเอ่ยตอบ วิ่งก้าวใหญ่ออกจากประตูไป
เฟยหลัวชะงักงัน ได้แต่เดินจากไปด้วยตนเอง ยามเดินอยู่กลางทางนึกถึงบุตรชายที่ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกลุ่มนั้นของตระกูลเซวียนหยวนจิ้ง ในใจเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างไม่รู้ว่าด้วยเพราะเหตุใด
นางเพิ่งกลับเข้าปากประตูรถม้าของตนเอง สารถีพลันเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “เสนาหญิง ภายในแคว้นส่งข่าวมาว่ารองเสนายงซีเจิ้งกำลังจะสมรสเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิง ท่านว่า…”
คิ้วของเฟยหลัวกระตุกขึ้นมา
ยงซีเจิ้งจัดการองค์หญิงเหอหว่านให้อยู่ในกำมือได้แล้วจริงหรือ?
หากเขาได้รับอำนาจจากราชวงศ์ เช่นนั้นตำแหน่งมหาเสนาบดี…
พอนึกถึงตรงนี้ พลันรู้สึกว่าร้อนใจดั่งไฟแผดเผา เอ่ยโดยพลันว่า “กลับจวน!”
นางจะกลับจวนรีบเก็บข้าวเก็บของ เสนอสาส์นต่อราชสำนักขอกลับแคว้นเซียง นางจำเป็นต้องขัดขวางการสมรสครั้งนี้ เรื่องสำคัญยิ่งกว่าคือต้องขัดขวางผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการสมรสครั้งนี้…ตำแหน่งเสนาหญิงของนางถูกแทนที่โดยผู้อื่น!
รถม้ารีบเร่งแล่นไปข้างหน้า เฟยหลัวนั่งฟุ้งซ่านอยู่ในรถม้า ครุ่นคิดว่าเมื่อไม่นานมานี้ตนเองยังส่งคนกลับแคว้นสอบถามสถานการณ์ยามนี้อยู่เลย ต่างเอ่ยว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เอ่ยว่าแม้ว่ายงซีเจิ้งเสนอตนกระตือรือร้นต่อองค์หญิงยิ่งนัก ทว่าจิตใจขององค์หญิงไม่อยู่กับเขาด้วยซ้ำ ดูท่าทางคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดภายในระยะเวลาอันสั้น นางถึงพักอยู่ในตี้เกอได้อย่างสบายใจ หวังจะอยู่ตี้เกอจัดการความสัมพันธ์ให้มั่นคงแล้วค่อยกลับแคว้น มองเห็นเรื่องบีบบังคับราชินีสละราชบัลลังก์สำเร็จเสร็จสิ้น ตนเองอยู่ตี้เกอได้รับความร่วมมือยิ่งนัก เป็นเวลาเหมาะสมที่จะฉวยโอกาสสร้างความสัมพันธ์ให้อำนาจมั่นคง ทว่าได้รับข่าวสารนี้ในช่วงเวลาสำคัญ…
ในใจนางพลันกระตุกวูบ…เรื่องนี้คงมิใช่ฝีมือของกงอิ้นกระมัง…