เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 5.1
“จะเป็นนางได้อย่างไร? ได้ยินว่านางอยู่ตี้เกอไม่ใช่หรือ”
“กลับมาแล้วกระมัง เจ้าไม่รู้หรือว่าองค์หญิงเหอหว่านกำลังจะลดพระองค์สมรสกับรองเสนายงซีเจิ้งแล้ว!”
“เช่นนั้นเกี่ยวอะไรกับนาง”
“ยงซีเจิ้งมีฐานะระดับใด? แต่เดิมฐานะของเขาสูงกว่าหญิงหม้ายนางนั้นอยู่แล้ว บัดนี้ได้สมรสเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิง เห็นได้ชัดว่ากษัตริย์เองชื่นชมเขายิ่งนัก ตามกฎระเบียบแล้ว การสมรสเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิงจะได้รับการแต่งตั้งหนึ่งขั้น เขาเป็นรองเสนาแล้ว หากได้รับการแต่งตั้งอีกหนึ่งขั้นจะได้ตำแหน่งใด? แล้วหญิงหม้ายนั่นจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร?”
“ฮ่าๆๆ เล่ากันว่ากษัตริย์รู้สึกอย่างนั้นกับหญิงหม้ายยิ่งนักมิใช่หรือ? คงหักใจแตะต้องตำแหน่งของนางไม่ได้กระมัง?”
“เอ่ยเช่นนั้นไม่ได้หรอก ความรักประเดี๋ยวประด๋าวเช่นนี้มีค่ากระไรในสายตาของผู้ยิ่งใหญ่ กษัตริย์ของพวกเรามีนิสัยเบื่อง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ลุ่มหลงสิ่งใดเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ยามนั้นลุ่มหลงนักพรตกลั่นยาอายุวัฒนะเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ภายหลังลุ่มหลงหญิงหม้ายเฟยหลัวน่าจะเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเช่นกัน เฟยหลัวอยู่ตี้เกอนานขนาดนั้น นับว่าเป็นสัญญาณบอกเหตุแล้ว…”
“อย่าเอ่ยเรื่องกลั่นยาอายุวัฒนะขึ้นมาเชียว ไม่รู้หรือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้าม? เล่ากันว่ายามนั้นยาวิเศษถูกขโมยไป นักพรตมารถูกประหารชีวิต ฉงอานมีคนตายมากมายเพียงใด เอ่ยถึงไม่ได้ ห้ามเอ่ยถึงเชียวนะ…”
จิ่งเหิงปัววางเงินในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เพ่งมองเหยียลี่ว์ฉีที่อยู่ข้างล่างแวบหนึ่ง เห็นเขามีสีหน้าปกติ
เพียงแต่สีหน้าปกติคราวนี้น่ะผิดปกติ เพราะว่ามุมปากเขามักเจือด้วยรอยยิ้มอยู่สามส่วนเสมอ ทว่าขณะนี้รอยยิ้มนั้นได้หายไปแล้ว
“พวกเราเข้าเมืองกันบ้างเถิด” จิ่งเหิงปัวสั่ง
รถม้าแล่นจากไป นางจึงไม่ได้ยินบทสนทนาสุดท้ายของคนที่อ้อมไปจัดระเบียบสิ่งของข้างหลังรถม้าหลายคนนั้น
“กษัตริย์มีธิดาเพียงนางเดียว รักใคร่ดั่งสมบัติล้ำค่า เพื่อพิธีสมรสครั้งยิ่งใหญ่ของนาง เขาส่งกำหนดการไปยังตี้เกอเพื่อเชิญบุคคลผู้มีอำนาจและอิทธิพลในตี้เกอให้เข้าร่วมพิธีโดยเฉพาะ ได้ยินว่าคราวนี้ ราชครูจะมาร่วมพิธีด้วยตนเอง!”
“หา? เป็นไปได้อย่างไร! ราชครูกงมีเกียรติศักดิ์ยิ่งใหญ่ เก็บเนื้อเก็บตัว คราวนี้ผู้ที่ไม่แน่ว่าจะเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองของราชินีด้วยซ้ำจะให้เกียรติกษัตริย์ขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“ผู้ใดจะรู้เล่า ผู้ยิ่งใหญ่อาจจะรู้สึกเงียบสงบจนอ้างว้าง อยากลองมาเที่ยวชมแคว้นเซียงที่อยู่ใกล้ตี้เกอที่สุดสักหน่อย?”
“คราวนี้เหล่าสตรีแคว้นเซียงต้องคลุ้มคลั่งแน่แล้ว…”
…
ฉงอานเมืองหลวงของแคว้นเซียง ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนตะวันออก เป็นเมืองใหญ่อันดับสองและเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นเซียง
แต่ไหนแต่ไรมาผู้ครอบครองทะเบียนราษฎร์ตี้เกอสามารถเข้าออกอาณาเขตหกแคว้นแปดชนเผ่าได้ตามใจชอบ ฉะนั้นขบวนของจิ่งเหิงปัวจึงเข้าเมืองมาได้โดยไม่มีปัญหาใด พอมีเงินทุกอย่างจึงเป็นเรื่องง่าย คืนนั้นทุกคนเข้าพักในโรงเตี๊ยมซึ่งใหญ่ที่สุดในเมือง
คนทั้งขบวนแยกเวลาเข้าพักเพื่อตบตาผู้อื่น จิ่งเหิงปัว เทียนชี่ รวมทั้งจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยรวมเป็นหนึ่งกลุ่ม เจ็ดสังหารแบ่งเป็นสองกลุ่ม เหยียลี่ว์ฉีเพียงคนเดียวเข้าโรงเตี๊ยมเป็นคนสุดท้าย
จิ่งเหิงปัวพบความผิดปกติขณะเดินทางผ่าน กำแพงเมืองกำลังถูกเสริมความมั่นคงแข็งแรง เส้นทางกำลังถูกทำความสะอาด บ้านเรือนที่หันหน้าหาเส้นทางสายสำคัญกำลังถูกทาสีกำแพง ซ้ำยังเห็นคนของทางการกำลังทาสีขาวและแขวนผ้าไหมสีแดงบนต้นไม้ริมทาง บรรยากาศแลดูชื่นมื่นสุขสันต์ ดูท่าทางองค์หญิงที่กำลังจะแต่งงานท่านนี้คงได้รับความโปรดปรานยิ่งนัก กษัตริย์ให้ความสำคัญกับงานแต่งงานอย่างมาก
เจ็ดสังหารชิงนำหน้าเข้าโรงเตี๊ยมก่อน พอจิ่งเหิงปัวเข้าโรงเตี๊ยม มองเห็นพวกเขาจงใจเดินไปเดินมาหน้าห้องตนเองเพื่อบอกตำแหน่งของพวกเขาให้นางรับรู้ จิ่งเหิงปัวเดินเฉียดผ่านไปคล้ายมองไม่เห็นพวกเขา ได้ยินเอ่อร์ลู่กำลังกระซิบกระซาบกับพวกที่เหลืออยู่ว่า “แคว้นเซียงมีสตรีเยอะแยะ มีสตรีร่ำรวยเยอะแยะเลย…”
จิ่งเหิงปัวไม่ได้สนใจ สิ่งแรกที่นางต้องการหลังจากเข้าโรงเตี๊ยมคืออาบน้ำ ป่วยไข้ได้รับบาดเจ็บเดินทางข้างนอกมานาน ไม่ได้อาบน้ำหลายวัน นางรู้สึกว่าตนเองใกล้จะขึ้นราแล้ว
น้ำร้อนถูกส่งเข้ามา นางปฏิเสธความช่วยเหลือของจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ย ก้าวสู่ถังอาบน้ำด้วยตนเอง พอผมยาวสยายประหนึ่งมวลเมฆกลางสายน้ำบริสุทธิ์ นางก็เหม่อลอยขึ้นมากะทันหัน
‘กงอิ้น สระผมสบายยิ่งนัก’
‘อืม’
‘คราวหน้าข้าช่วยเจ้าสระผม’
‘ไม่ต้อง’
‘จริงนะ สบายจุง…ข้าจะสระผมให้เจ้า ข้าจะซักผ้าให้เจ้า ข้าจะห่มผ้าให้เจ้า ข้าจะมียูกชายให้เจ้า…’
นางทิ่มทั้งศีรษะลงไปใต้น้ำทันที
เสียงน้ำดังซ่ารุนแรง ฟังดูแล้วคล้ายเสียงดังพลั่ก
ที่นอกประตูพลันมีเสียงดังขึ้น เป็นเสียงของเหยียลี่ว์ฉีนั่นเอง เสียงนั้นเจือด้วยความร้อนรนเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “เหิงปัว เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
นางไม่ได้ยิน คนที่แช่ศีรษะไว้ใต้น้ำจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก
เหยียลี่ว์ฉีที่อยู่นอกประตูรอคอยอยู่สักพักแต่ไม่ได้ยินเสียงขานรับ คราวนี้จึงเกิดความร้อนรนขึ้นมาจริงๆ แล้ว เขายกมือเคาะประตูแต่ไม่มีผู้ใดตอบรับเช่นกัน
เหยียลี่ว์ฉีเลิกคิ้ว ก่อนจะถีบประตูห้องจนเปิดออกดังพลั่ก!
ขณะนี้เองจิ่งเหิงปัวจึงเงยหน้าขึ้นมาจากใต้น้ำดังซ่า นางหลับตาพริ้ม ทั่วใบหน้ามีคราบน้ำไหลริน
เหยียลี่ว์ฉีชะงักงัน
ครู่หนึ่งนี้ไอร้อนภายในห้องลอยวนเวียนดุจหมอกควัน ถังไม้สีแดงสดตั้งอยู่กลางไอควันซีดเผือด ส่วนนางมีเส้นผมดำขลับดุจผ้าต่วนนิลสีหน้าขาวราวหิมะ ทั่วดวงพักตร์มีแสงธารชุ่มโชก หยดน้ำแพรวพราวพาดผ่านริมฝีปากแดงฉ่ำ หยาดรินเลียบลำคอเรียวยาวขาวราวหิมะ ทอประกายเล็กน้อยบนเค้าโครงหัวไหล่งดงาม จากนั้นหยุดอยู่ตรงกระดูกไหปลาร้าชั่วครู่ สุดท้ายแล้วล้นทะลัก ค่อยๆ รินไหลสู่ข้างล่างทีละหยด…
ชั่วขณะนี้เขาไม่รู้ว่าควรมองต่อไปหรือควรเบนสายตาออกไปดี ดวงใจพลันเต้นระรัวดังตึกตัก แต่ละเสียงหนักหน่วง ฝ่าเท้าอยากจะถอยไปข้างหลังทว่าแลคล้ายขยับเขยื้อนไม่ได้ กลางอากาศอบอวลด้วยกลิ่นหอมเข้มข้น ไม่ใช่ดอกไม้ ไม่ใช่พืชพันธุ์ คล้ายมีทว่าไม่มี พาให้ได้กลิ่นแม้เพียงหันหน้า พลันรู้สึกว่าดวงเนตรสุกสกาว เบื้องลึกภายในใจดั่งมีมวลผกาผลิบาน
“เจ้า…”
พอจิ่งเหิงปัวลืมตาขึ้นมา ดวงตาแดงเรื่อมองเห็นท่าทางเหมือนหนุ่มน้อยที่ทำอะไรไม่ถูกของเหยียลี่ว์ฉี
“ออกไป!”
น้ำหอบหนึ่งถูกสะบัดออกมา แสงผลึกธารเจิดจ้า เหยียลี่ว์ฉีถอยไปข้างหลังในทันที ทว่ารู้สึกผิดปกติขึ้นมา พอเงยหน้ามองคานขวางบนเพดานห้อง ร้องอย่างตื่นตระหนกว่า “ระวัง!” เรือนร่างโฉบวูบพุ่งตรงเข้ามา
จิ่งเหิงปัวโมโห…ไอ้บ้านี่ได้คืบจะเอาศอกเหรอ?
เหยียลี่ว์ฉีพุ่งตรงเข้ามาหาถังอาบน้ำของนาง ก้มหน้าแล้วเอื้อมมือ…
จิ่งเหิงปัวใช้พลังควบคุมขันไม้ตักน้ำอันหนาหนักที่อยู่ข้างกายกระแทกบนศีรษะของเขาอย่างรุนแรงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
โป๊ก! เสียงทึบเสียงหนึ่งดังขึ้น เหยียลี่ว์ฉีที่กำลังก้มหน้าเอื้อมมือคว้าสิ่งของไม่ทันได้ป้องกันการโจมตีเหนือศีรษะ ร้อง “อึ่ก” ออกมาแล้วล้มลงตรงหน้าถังอาบน้ำของนาง
“นิสัยเสีย!” จิ่งเหิงปัวร้องด่า แต่พอก้มหน้าสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป ร้องว่า “ว้าย งู!”
คราวนี้นางถึงมองเห็นซากงูตัวหนึ่งที่อยู่ในฝ่ามือเหยียลี่ว์ฉีไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร!
งูถูกหักคอแล้ว บริเวณหัวแหลมยื่น ท่าทางเป็นงูพิษ
จิ่งเหิงปัวยืนงงอยู่ตรงนั้น คราวนี้ถึงได้ย้อนนึกถึงท่าทางเมื่อครู่นี้ของเหยียลี่ว์ฉี ก่อนเขาจะพุ่งเข้ามาดวงตาเหมือนกำลังมองดูคานขวาง เอื้อมมือราวกับจะคว้าสิ่งของอะไรสักอย่าง?
ตอนนั้นงูตัวนี้ก็ร่วงลงมาจากบนคานขวางแล้วตกลงบนศีรษะของนางพอดี เขาพุ่งเข้ามาเพื่อช่วยนางหรือ?
เอิ่ม เข้าใจผิด เข้าใจผิด
คราวนี้อาบน้ำไม่สำเร็จแล้ว นางมองเห็นเหยียลี่ว์ฉียังสลบไสลอยู่จึงรีบออกมาจากถังอาบน้ำ รีบเร่งเช็ดร่างกายให้แห้งสวมใส่เสื้อผ้า ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็หิ้วเหยียลี่ว์ฉีขึ้นมา เรือนร่างกะพริบวูบ
หลังจากกะพริบวูบ นางก็มาถึงห้องของเหยียลี่ว์ฉีที่อยู่ข้างห้องของห้องถัดไป
นางยังพอหายตัวได้บ้างตอนที่ยาพิษยังไม่ออกฤทธิ์ เหยียลี่ว์ฉีจะนอนสลบไสลอยู่ตรงนั้นกับนางไม่ได้ เดี๋ยวพอจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยเข้ามายกน้ำ ก็ไม่รู้ว่าพวกนางจะเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
แค่เหวี่ยงเหยียลี่ว์ฉีไว้บนเตียง นางก็เหนื่อยจนหอบหายใจฮืดฮาดเดินไม่ไหวไปชั่วขณะแล้ว ได้แต่นั่งพักผ่อนอยู่ข้างเตียงเขา
นิ้วมือของเหยียลี่ว์ฉีคล้ายขยับเขยื้อนเล็กน้อย นางนึกว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจึงหันหน้ากลับไปมองเขา แต่เห็นว่าเขาไม่ได้ลืมตาขึ้น เพียงแต่นิ้วมือยังเดี๋ยวกำมือเดี๋ยวไขว่คว้า คล้ายยังดื่มด่ำอยู่ในครู่ที่จับงูให้นาง
แววตาของจิ่งเหิงปัวทอดลงบนใบหน้าของเหยียลี่ว์ฉี ในใจกระตุกวูบ