เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN) - ตอนที่ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนเช้าตรู่
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาตอนที่ทุกคนในบ้านยังไม่ตื่น ถ้าพูดให้ถูกก็คือ ฉันไปสนใจร่างกายที่เจ็บปวดจากการนอนบนกระดานไม้เปล่า ๆ และแมลงที่ไต่ขึ้นมาบนตัว รวมถึงเสื้อผ้าที่ทิ่มแทงผิวมากเกินไปจนแทบไม่ได้นอนเลยต่างหาก ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ……ทรมานชะมัด
พอออกมาจากกระท่อมอันซอมซ่อแล้วเงยหน้ามองบนฟ้า ก็เห็นวิวทิวทัศน์ที่แทบไม่ต่างไปจากที่เคยเห็นในญี่ปุ่นเลย มีแค่วิวสินะที่ไม่เปลี่ยนแปลง……อยากกลับไปเป็นคนญี่ปุ่นจัง
หลังจากมองท้องฟ้าอยู่สักพัก ร่างกายก็สั่นสะท้านเพราะอากาศยังเย็นอยู่ และเกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา
“ฉันยอมใช้ส้วมนั่น ดีกว่าฉี่ราด”
ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วมุ่งหน้าไปยังส้วมส่วนรวม พอตรวจสอบแผ่นไม้ที่แขวนอยู่ตรงรั้วกั้นห้องส้วมจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเครื่องหมายวงกลมที่เกิดจากรอยมีดแสดงอยู่ ก็ข้ามรั้วเข้าไปด้านใน แผ่นป้ายนี้เป็นตัวบอกว่ากำลังมีคนใช้งานอยู่หรือเปล่า
ถึงจะรู้สึกกลัวเพราะหลุมยังใหญ่อยู่นิดหน่อยสำหรับฉันที่อายุ 10 ขวบ แต่ฉันก็ยืนคร่อมหลุมด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ตกลงไป จากนั้นก็ถกชายกระโปรงขึ้นแล้วนั่งยอง แล้วทำภารกิจให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
เฮ้อ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร เมื่อโล่งใจเช่นนั้นแล้วก็จัดกระโปรงให้เหมือนเดิม พอจะออกจากส้วมฉันก็เอามือยันรั้ว แต่……
สิ่งที่มือสัมผัสได้ไม่ใช่แผ่นไม้ แต่เป็นแมลง แถมยังหน้าตาเหมือนตะขาบอีกด้วย
“กรี๊ด!”
ทั้งที่มีตะขาบอยู่ทั่วทุกแห่ง และที่ผ่านมาก็ไม่เคยสนใจเลยแท้ ๆ แต่แมลงที่โผล่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวหลังจากที่ฉันระลึกความทรงจำของเซนะ ฟูกะได้นั้น มีพลังทำลายล้างสูงจนฉันกรีดร้องออกมา โดยไม่ได้ตั้งใจ
มิหนำซ้ำพอถอยหลังไปอย่างเต็มแรง เท้าข้างหนึ่งก็ดันตกลงไปในหลุมส้วมเสียได้ ทันทีที่แผดเสียงกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นเวลาที่ทุกคนยังนอนอยู่
ฉันรีบเอามือปิดปาก แต่มันก็สายไปเสียแล้ว ไม่ใช่แค่ครอบครัวของฉัน แต่เหล่าคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ต่างก็รีบออกมาจากบ้านเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ทุกคนถือดอกไม้ส่องแสงที่เรียกว่าดอกเรืองแสงแทนการใช้หลอดไฟแบบในญี่ปุ่นแล้วมารวมตัวกันที่ห้องส้วม ซึ่งเป็นต้นตอของเสียง จากนั้นแสงของดอกเรืองแสงก็ส่องสว่างมาที่ฉัน ผู้ซึ่งอยู่ในสภาพที่ขาข้างหนึ่งจมอยู่ในส้วมและน้ำตาคลอเบ้า
“อะไรกัน แค่เรน่าตกส้วมหรอกเรอะ”
“อย่าทำให้ตกใจสิ เดี๋ยวก็นึกว่าถูกสัตว์ร้ายโจมตีหรอก”
“หนูขอโทษค่ะทุกคน”
พอฉันรู้สึกเสียใจและขอโทษจากใจจริง ๆ ทุกคนก็ยิ้มอย่างโอนโยนให้ฉัน ถึงที่นี่จะมีสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด แต่รอบตัวฉันก็มีคนใจดีอยู่มากมาย อาจเป็นเพราะทุกคนใช้ชีวิตโดยร่วมแรงร่วมใจกันก็เป็นได้
“เรน่า จับมือพ่อ”
“อื้ม ขอบคุณ”
“เฮ้ เราทุกคนจะจับมืออีกข้างไว้ไม่ให้แอกเซลตกลงไปนะ”
“ฉันไม่ตกหรอกน่า”
“ใครจะไปรู้”
แอกเซลเป็นชื่อพ่อของฉัน พ่อยื่นมือมาให้ฉัน แล้วพวกลุง ๆ ในละแวกนั้นก็จับมืออีกข้าง ถึงจะเรียกว่าลุง แต่ก็มีคนที่อายุไล่เลี่ยกับฉันในชาติก่อนอยู่ด้วยเหมือนกัน
“จะดึงแล้วนะ หนึ่ง สอง ซั่ม!”
ฉันถูกดึงขึ้นมาจากส้วมที่ส่งเสียงดังพรวด พร้อม ๆ กับเสียงตะโกนนั่น เมื่อก้มลงมองตัวเองที่ถูกส่องสว่างด้วยดอกเรืองแสง ก็เห็นชายกระโปรงที่เปื้อนไปด้วยสิ่งปฏิกูล เท้าก็มีสิ่งสกปรกเหนียวเหนอะติดไปทั่ว รองเท้าที่สานจากวัชพืชที่ฉันควรจะใส่อยู่ก็เลอะจนมองไม่เห็น
ทั้งเหม็นทั้งสกปรกสุด ๆ จนจะร้องไห้ออกมา
“ตายจริง ต้องล้างออกนะเนี่ย”
“เรน่า นั่งตรงนี้ก็ได้”
แม่ดึงมือของฉันและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ส่วนพี่ก็เอาเก้าอี้ไม้มาให้ฉันนั่ง
“ใครก็ได้ที่ได้รับพรจากเทพีแห่งวารี ช่วยใช้เวทน้ำเติมถังนี้ให้เต็มหน่อยได้ไหม”
“เดี๋ยวฉันทำให้”
คุณลุงที่อาศัยอยู่ในกระท่อมฝั่งตรงข้ามยกมือขึ้น แล้วกล่าวต่อภูตว่า
“ภูตควบคุมวารีเอ๋ย ขอน้ำบริสุทธิ์จงมาอยู่ในมือข้า”
พอร่ายเวท แสงสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้นรอบตัวคุณลุง ไม่กี่วินาทีต่อมาน้ำก็เต็มถัง ที่ผ่านมาฉันมองว่านี่ก็เป็นภาพที่พบเห็นได้ปกติ แต่พอดูดี ๆ นี่มันแฟนตาซีชัด ๆ
โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า “พิธีสวดบูชาเทพเจ้า” ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ในโลกนี้จะต้องเข้าทำพิธีนี้ที่โบสถ์เมื่ออายุครบ 12 ปี
หลังจากทำพิธีแล้วก็จะได้รับพรจากเทพีแห่งวายุ เทพีแห่งปฐพี เทพีแห่งอัคคี หรือเทพีแห่งวารีองค์ใดองค์หนึ่ง พร้อมแหวนซึ่งมีอัญมณีที่เป็นสีของเทพีองค์นั้น ๆ ประดับอยู่ เมื่อได้รับแหวนแล้วก็จะสามารถทําสัญญากับภูตตามแต่ประเภทพรของตนได้ แล้วก็จะสามารถใช้เวทมนตร์ได้
หากได้รับพรจากเทพีแห่งวายุ ก็จะได้รับแหวนประดับอัญมณีสีขาว และสามารถใช้เวทลมและเวทบินได้, เทพีแห่งปฐพีเป็นอัญมณีสีน้ําตาล เวทดิน และเวทพืช, เทพีแห่งอัคคีเป็นอัญมณีสีแดง เวทไฟ และเวทความร้อน, เทพีแห่งวารีเป็นอัญมณีสีฟ้า เวทน้ํา และเวทความเย็น
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่คนในสลัมที่ถูกบีบให้ใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นก็ยังรู้ และเป็นความรู้พื้นฐานของโลกนี้ ฉันได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพีและภูตมามากมายตั้งแต่ยังเด็ก พอมาคิดดูอีกทีถึงได้เข้าใจว่าเป็นโลกที่มีกฎเกณฑ์แตกต่างจากดาวโลกโดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ในเรื่องเล่าเทพนิยายก็ยังมีพรของเทพผู้สร้างอีกด้วย หากได้รับพรจากเทพผู้สร้าง ก็จะได้รับแหวนที่มีอัญมณีเปล่งประกายเป็นสีทอง และเหมือนว่าจะสามารถใช้เวทที่ขึ้นกับประเภทพรของเทพีองค์อื่นได้ทั้งหมด รวมถึงเวทพิเศษอย่างเวทควบคุมพื้นที่และเวทที่เพิ่มพลังให้ผู้อื่นได้อีกด้วย
แต่ข้อเท็จจริงของเรื่องเล่านี้ยังคลุมเครืออยู่ การที่สามารถใช้เวททั้งหมดได้หมายถึงสามารถทำสัญญากับภูตได้ทุกประเภทนั้น อันนี้เข้าใจได้อยู่หรอก แต่เรื่องเวทพิเศษฉันเชื่อไม่ลง
เพราะตลอดช่วงเวลาสิบปีที่มีชีวิตอยู่ ฉันไม่เคยได้ยินหรือเห็นภูตที่สามารถใช้เวทมนตร์พวกนั้นได้เลย
ภูตคือสิ่งที่เปล่งแสงเล็ก ๆ ตามพรที่ได้รับจากเทพีแต่ละองค์ออกมา และล่องลอยอยู่ทั่วทุกหนแห่ง แม้เราจะสัมผัสตัวไม่ได้ แต่พอทําสัญญาแล้วก็จะสามารถใช้เวทมนตร์ผ่านทางภูตได้ ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นรูปร่างของภูต เพราะฉะนั้นถ้ามีภูตที่ต่างจากตนอื่น ก็จะรู้ได้ในทันที
จนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่เคยเห็นภูตที่เปล่งแสงสีอื่นนอกเหนือจากสี่สีที่เป็นสีของเทพีทั้งสี่องค์เลย
“เรน่า ยื่นเท้าซ้ายออกมาหน่อย จะราดน้ำให้”
“อื้ม ขอบคุณ”
พ่อตักน้ําจากถังขนาดใหญ่ลงในภาชนะใบเล็ก แล้วล้างคราบสกปรกที่ขาของฉัน ขอบคุณจริง ๆ ที่ล้างสิ่งสกปรกให้โดยไม่รู้สึกรังเกียจ
พอสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของคนในครอบครัวและเพื่อนบ้านแล้ว ความรู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้ก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย