เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 115
อาณาจักรถังอยู่ยั้งยืนยงมากว่าห้าร้อยหกสิบปี
ในช่วงเวลาเหล่านั้น มีหลายครั้งที่องค์ชายยึดครองบัลลังก์ ตัดขาดพี่น้อง
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีองค์ชายคนไหนที่กล้าร่วมมือกับต่างอาณาจักรเช่นนี้ ความร้ายแรงของมันคือการขัดต่อกฎแห่งราชวงศ์ถัง
องค์ชายที่ละเมิดข้อห้ามนี้จะต้องถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์และต้องโทษประหารชีวิต
“หลี่เฉิน เจ้าต้องคิดให้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?!”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
ตอนแรกความสนใจของเขามุ่งไปที่อินจิ่วฝู และเมื่อยามที่ราชาหวู่หยางเงยหน้าขึ้นมา องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังจะสูญเสียการควบคุม
ตอนที่เห็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเพียงคนเดียวนั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็มั่นใจในพื้นฐานอันแข็งแกร่งของจักรวรรดิถัง
แต่เมื่อเพิ่มราชาหวู่หยางมาอีกคน…
ขุนนางคนอื่นๆ ก็ตกใจและโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กัน พากันมองไปที่องค์ชายเฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฮ่าฮ่า…”
องค์ชายเฉินเบื่อหน่ายที่จะพูดคุยกับทุกคนอีกต่อไป
แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร
ถ้าเขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ในท้ายที่สุด การร่วมมือกับต่างอาณาจักรมันจะเป็นเรื่องราวอันใดได้? แล้วโทษของการทรยศเล่าใครจะลงโทษ?
ในเมื่อทุกอย่างมันอยู่ในการตัดสินใจของเขาเองไม่ใช่หรือ?
“ราชาหวู่หยางจงลงมือเถิด”
องค์ชายเฉินหันศีรษะไปพูดกับราชาหวู่หยาง
เมื่อได้ยินดังนั้น ราชาหวู่หยางก็หัวเราะเบาๆ พร้อมก้าวเท้าไปข้างหน้าจากนั้นจึงหายตัวไปจากที่ที่เคยอยู่
ทันใดนั้นองค์รัชทายาทหลี่เชิงผู้อยู่ด้านบนราชวังก็รู้สึกใจสั่น
“ไม่ดีแล้ว”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงต้องการจะล่าถอย
มันสายเกินไป ราชาหวู่หยางปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปจากรัชทายาทหลี่เชิงในระยะเพียงสิบเมตร
สำหรับยอดปรมาจารย์ขั้นจุดสูงสุด ระยะทางสิบเมตรนั้นก็เป็นแค่เพียงช่วงเวลาอันแสนสั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่มีทางหลบซ่อนได้ทันแน่นอน
“ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาทระวัง!”
เมื่อเหล่าข้าราชบริพารผู้ภักดีเห็นฉากนี้เข้า พวกเขาก็ตกใจและต้องการที่จะเข้าไปขวางเอาไว้
ปัง!
ในขณะนั้นเอง
ขันทีชุดแดงหลายสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ล้อมรอบองค์รัชทายาทหลี่เชิงและป้องกันการจู่โจมของราชาหวู่หยางได้แม้จะยากลำบากเสียหน่อย
“โอ้!”
ราชาหวู่หยางเลิกคิ้ว มองไปยังขันทีชุดแดงนับสิบคนตรงหน้า
ขันทีชุดแดงสิบกว่าคนนี้ล้วนเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง และตอนนี้พวกเขากำลังปกป้ององค์รัชทายาทให้รอดพ้นจากความตาย
“นี่คือภูมิหลังของอาณาจักรถังเช่นนั้นหรือ?”
ราชาหวู่หยางส่ายหัวเล็กน้อย ดูจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
“มีปัญหาแล้ว”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงเคร่งเครียดมาก
ก่อนที่องค์จักรพรรดิถังจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้แจ้งรายละเอียดทั้งหมดภายในวังหลวงเอาไว้แล้ว
ในวังหลวงมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งหมดยี่สิบสามคน
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนต่างอยู่ใต้คำสั่งขององค์จักรพรรดิถังเท่านั้น และในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ใต้การสั่งการขององค์รัชทายาทหลี่เชิงหลังองค์จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนนั้นดูเหมือนเป็นจำนวนที่มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสกัดกั้นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งสองคน
ไม่ว่าจะเป็นอินจิ่วฝูหรือราชาหวู่หยาง พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ยกเว้นแต่จะเป็นตัวตนในระดับเดียวกันเท่านั้นถึงพอจะหยุดยั้งพวกเขาได้
ส่วนการใช้กองทัพเข้าปิดล้อมปราบปรามนั้น…
หากเป็นนอกเมืองฉางอันก็คงจะใช้วิธีนี้ได้ แม้เป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจ เมื่อติดอยู่ท่ามกลางกองทัพนับล้าน หากไม่หลบหนีไปก็ต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเกิดในเมืองฉางอัน เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้กองทัพเข้าปิดล้อม
“ตั้งค่ายกล”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ขันทีชุดแดงกว่าสิบชีวิตมองหน้ากันเมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งนั้น พวกเขาก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบการยืนทันทีโดยยืนล้อมราชาหวู่หยางด้วยวิธีการแปลกๆ
อีกด้านหนึ่ง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอีกสิบกว่าคนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับอินจิ่วฝูก็ก้าวเท้าไปยังตำแหน่งที่ประสานกันได้อย่างลงตัว ล้อมดักอินจิ่วฝูเอาไว้
ค่ายกลรูปแบบนี้ถูกทิ้งไว้โดยปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ถัง สามารถควบรวมความแข็งแกร่งในรูปแบบค่ายกลใช้แรงของผู้ที่อ่อนแอกว่าในการเอาชนะผู้แข็งแกร่ง
องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่แน่ใจว่าค่ายกลรูปแบบนี้จะมีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดหรือไม่
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเลือกได้ มีแต่จะต้องทำเช่นนี้เท่านั้น
“อื๋อ?”
ราชาหวู่หยางหรี่ตาเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “น่าสนใจนี่”
“อย่างไรก็ตาม หากพวกเจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้เพื่อจัดการกับราชาผู้นี้ได้ เจ้าก็ฝันเฟื่องได้โง่เต็มทน”
คำพูดของราชาหวู่หยางยังไม่ทันจบดี
ร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง แล้วพุ่งเข้าหาขันทีชุดแดงนับสิบคน
…
ในเวลาเดียวกัน
ซูฉินเดินช้าๆ ไปที่ห้องโถงชีวิตนิรันดร์
ในเวลานี้ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงแม้แต่เข็มหล่นได้อย่างชัดเจน
บรรดาสาวใช้และขันทีพากันออกไปกันหมดแล้วตั้งแต่ที่องค์ชายเฉินเข้ามาภายในวัง
ซูฉินเดินเข้าไปด้านในห้องโถงชีวิตนิรันดร์อย่างช้าๆ
“เป็นเจ้านั่นเอง?” ถัดจากร่างไร้วิญญาณขององค์จักรพรรดิถัง มีจ้าวกงกงในชุดคลุมสีม่วงยืนอยู่ เขามองตรงมาที่ซูฉินพร้อมทั้งกล่าวคำเบาๆ “มียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดสองคนอยู่ด้านนอกเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ พวกนั้นกำลังจะเข้ามาในเร็วๆ นี้ รีบใช้เวลาตอนนี้หนีไปเสีย รักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้”
จ้าวกงกงหลับตาลงยามเมื่อเขาพูดจบ
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ เพื่อยืดอายุขององค์จักรพรรดิถัง จ้าวกงกงแทบจะใช้พลังชีวิตของตนไปจนหมด
ตอนนี้เขาขยับตัวไปไหนไม่ได้ คงจะไม่ได้เอ่ยเกินจริงไปหากจะบอกว่าเขานั้นราวกับตะเกียงที่ไร้น้ำมัน หากนั่งพักสักครู่อาจจะสิ้นใจไปเลยก็ได้
“หนี?”
ซูฉินยิ้มแต่ไม่ได้ตอบกลับ
“อย่างไรก็ตามข้าได้มีโอกาสมาพบกับจักรพรรดิถังแล้วตอนนี้ จึงถือโอกาสมาส่งเสด็จ”
ซูฉินกล่าวอย่างตรงประเด็น
“จักรพรรดิถัง?”
จ้าวกงกงลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วมองไปยังซูฉิน
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถขยับตัวได้ในตอนนี้ เกรงว่าคงจะลงโทษซูฉินไปแล้ว
มันถือเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่งที่กล้าเรียกฝ่าบาทเช่นนั้น
“เจ้าคิดจะส่งเสด็จฝ่าบาทเยี่ยงไร?” จ้าวกงกงจ้องมองไปที่ซูฉิน มีแสงวาบที่ดูอันตรายฉายออกมาจากดวงตาของเขา
ซูฉินไม่ได้สนใจอะไร เพียงนั่งลงตามใจตน มองไปยังกู่ฉิน[1]ที่อยู่ตรงหน้าตน
กู่ฉินอันนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม ดูมีรสนิยมลึกล้ำและดูลึกลับในตัว มันวางอยู่ไม่ไกลจากบัลลังก์มังกรมากนัก เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิถังคงจะชอบมันมากในตอนที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่
“ข้าจะบรรเลงเพลงชีวิตหลังความตายส่งเสด็จให้กับเขา”
ซูฉินพรมนิ้วมือลงบนสายของเครื่องเล่นเบาๆ
“เจ้า?!”
ท่าทีของจ้าวกงกงกลายเป็นมืดคล้ำ
ไม่ว่าอย่างไรจักรพรรดิถังก็เป็นถึงจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังพระองค์ที่เก้า แม้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็ควรจะเป็นนักดนตรีมืออาชีพที่มาบรรเลงเพลงซึ่งเป็นไปตามครรลองประเพณีภายในราชวงศ์ พฤติกรรมของซูฉินตอนนี้เท่ากับเป็นการดูถูกองค์จักรพรรดิถัง
เมื่อจ้าวกงกงกำลังจะลงมือเพื่อหยุดพฤติกรรมต่ำทรามของซูฉิน
ตริ๊ง!!!
ซูฉินค่อยๆ เกี่ยวสายดนตรีด้วยมือขวา เสียงของกู่ฉินที่แสนจะเงียบเหงาก็แผ่ออกมาผ่านอากาศ บรรยากาศโดยรอบค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นราวกับถูกกดทับด้วยขุนเขา
“นี่คือ?”
ใบหน้าของจ้าวกงกงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขามองไปที่ซูฉินด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
…
ด้านนอกเขตพระราชฐานส่วนพระองค์
สถานการณ์ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนพยายามใช้ค่ายกลที่ปฐมจักรพรรดิทิ้งเอาไว้เข้าต้านราชาหวู่หยางและอินจิ่วฝูไว้ได้อย่างยากลำบาก
และยอดปรมาจารย์ทั้งแปดจากอาณาจักรหนานหมิงก็เข้ามาในพื้นที่ต่อสู้เพื่อรอคอยจังหวะ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“อ่อนแอจริงๆ แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ทานทนไม่ได้!!”
ขณะนี้อินจิ่วฝูหัวเราะอย่างดุร้าย เหวี่ยงแขนขวาส่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งถึงสองคนลอยละล่องไปบนฟ้า
“องค์รัชทายาท ผ่านไปก็นานแล้วแต่จ้าวกงกงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา มันคงจะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นสินะ”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงมอบชีวิตมาให้ชายชราผู้นี้เถอะ”
อินจิ่วฝูแลดูเย็นชา ยกมือขวาขึ้นแล้วกดมือลงไปทางองค์รัชทายาทหลี่เชิง
“ฝ่าบาท!”
เหล่าข้าราชบริพารแห่งราชวงศ์ถังร้องอุทานออกมา
“ไม่ดีแล้ว!!”
ท่าทางของขันทีชุดแดงที่ล้อมรอบราชาหวู่หยางอยู่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาต้องการจะกลับไปช่วยองค์รัชทายาทหลี่เชิง แต่พวกเขาก็ถูกราชาหวู่หยางสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“หลี่เชิง!”
ซูเยว่หยุนที่เพิ่งวิ่งมา เห็นฉากนี้เข้าก็หน้าซีดด้วยความตกใจ
“ตายซะ ตายซะ”
“เมื่อเจ้าตายแล้ว บัลลังก์ก็จะตกเป็นของข้า”
รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์ชายเฉิน
“ข้ากำลังจะตายงั้นรึ?”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงตกอยู่ในความสับสนงุนงง มีความรู้สึกเพียงแค่ว่าฝ่ามือของอินจิ่วฝูใหญ่ดูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนครอบคลุมขอบเขตการมองเห็นของเขาทั้งหมด
อินจิ่วฝูคิดว่าหลังจากฟาดฝ่ามือปลิดชีพองค์รัชทายาทหลี่เชิงเสร็จ เขาจะกลับไปสังหารยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งของวังหลวงพวกนั้นต่อ
ติ๊ง!!!
เสียงเพลงที่ไร้รูปลักษณ์และแสนเงียบเหงาก็ดังขึ้นมาในทันที ความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่และการพลัดพรากก็ลอยเอื่อยเข้ามาหา
“ใครกัน?!!”
ทันใดนั้นความรู้สึกอันน่าสยดสยองก็ฉายออกมาผ่านแววตาของอินจิ่วฝู มือขวาที่ตะครุบไปทางองค์รัชทายาทหลี่เชิงเหมือนจะถูกตรึงเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ขยับเขยื้อนไม่ได้สักนิด
“ไม่!!!”
อินจิ่วฝูร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง
ช่วงเวลาต่อมา
ท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของทุกคน
ร่างของอินจิ่วฝูพลันระเบิดกลายเป็นละอองโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน
“นี่คือ?!”
ทุกคนที่เห็นฉากดังกล่าวต่างยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า ความกลัวค่อยๆ เกาะกุมพวกเขาเอาไว้
———————————-
[1] 古琴 กู่ฉิน เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของจีนเป็นเครื่องสายที่มีถึงเจ็ดสาย มีความเก่าแก่มากชิ้นหนึ่ง