เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 172 ตํานานยุทธร่วงหล่นจากฟ้า
- Home
- เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
- ตอนที่ 172 ตํานานยุทธร่วงหล่นจากฟ้า
Sign in Buddha’s palm 172 ตํานานยุทธร่วงหล่นจากฟ้า
“ฆ่ามัน?”
เมื่อจักรพรรดิถังได้ยินคําสองคํานี้ ปฏิกิริยาแรกคือ สงสัยว่าซูฉินต้องการฆ่าใคร ปฏิกิริยาต่อมาคือ “ไม่ดีแล้ว พี่สามกําลังจะตกลงไป”
ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ด้านบนของกําแพงเมืองฉางอัน หากซูฉินยังก้าวเดินต่อไปเห็นที่จะร่วงหล่นลงไปด้านล่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมืองฉางอันเป็นเมืองหลวงโบราณกว่าสิบราชวงศ์ มีกําแพงเมืองสูงใหญ่ แม้จะเป็นจอมยุทธก็ตาม ถ้าตกลงไปก็คงสภาพไม่ได้ดีนัก
และตอนนี้ยังอันตรายยิ่งกว่าเดิมเพราะประตูเมืองฉางอันถูกปิดเอาไว้อยู่ ถ้าซูฉินตกลงไปนอกกําแพงจริงๆ ก็คงไม่ได้รับการช่วยเหลือในเวลาอันสั้น
หากครั้งนี้กองทัพเหมิ่งหยวนบุกโจมตีเข้ามา ซูฉินคงต้องพึ่งตัวเองเท่านั้นเมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพเหมิ่งหยวน
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ จักรพรรดิถังก็รู้สึกวิตกกังวล
“หยุดพี่สามเอาไว้”
จักรพรรดิถังเหลือบมองแม่ทัพแห่งอาณาจักรถังที่อยู่ด้านข้าง
“รับพระบัญชา”
แม่ทัพแห่งราชสํานักโค้งคํานับเล็กน้อยแล้วจึงเคลื่อนตัวออกไป
อย่างไรก็ตาม
ช่วงเวลาต่อมา
ท่ามกลางสายตาของทั้งกองทัพ ซูฉินก้าวเท้าออกไปด้านนอกกําแพงเมือง ก้าวเดินไปในอากาศ ทีละก้าวๆ มุ่งไปยังกองทัพเหมิ่งหยวน ราวกับเดินอยู่บนขั้นบันไดที่มองไม่เห็น
“นี่คือ?”
ม่านตาของแม่ทัพถึงหดตัวอย่างรุนแรง วลีหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดของเขาราวกับสายฟ้าแลบ
“คุมปราณฉีขี่คลื่นลม!”
เกิดคลื่นลูกใหญ่ภายในใจของแม่ทัพแห่งอาณาจักร
ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงตํานานยุทธที่ลือเลื่องและอรหันต์เท่านั้นที่สามารถเหยียบผืนฟ้า ควบคุมลมปราณ ขี่ลมพายุได้
“พี่สาม…”
“พี่สามบินได้อย่างไร?”
จักรพรรดิถังกะพริบตา มองตาค้างอยู่อย่างนั้น นิ่งงันไร้ปฏิกิริยาตอบสนองเป็นเวลานาน
ไม่ไกลนัก
ตระกูลซูก็กําลังมองไปที่สนามรบด้วยสีหน้าที่กังวลเช่นเดียวกัน
ในขณะนั้น ซูเฉิงฮ่าวก็อุทานออกมา “น้องสาม ไม่คิดเลยว่าจะปิดบังมาจนถึงตอนนี้?”
ซูชื่อหมินและซูเฉิงยู่เงยหน้ามองทันที ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเห็นซูฉินเดินเล่นอยู่บนอากาศ ดวงตาของพวกเขาเบิกโพลงทันทีและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นเลย
กองทัพเหมิ่งหยวน
ผู้นําของอาณาจักรเหมิ่งหยวนก้าวเดินอย่างสํารวมไปที่ด้านข้างของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนและกล่าวออกอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “ท่านราชครู เมืองฉางอันไม่มีตํานานยุทธอยู่จริงๆ หรือ?”
แม้ว่าราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะยืนตะโกนก้องอยู่ระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่ายว่าอาณาจักรถังทําให้เขาผิดหวัง ซึ่งก็ยืนยันได้มากแล้ว แต่ผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ยังต้องการได้ยินราชครูพูดย้ำด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเหลือบมองผู้นาอาณาจักรแล้วพูดขึ้นเบาๆ “ข้าเพิ่งจะตรวจสอบด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ค้นหาปราณฉีโดยรอบ หากมีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน เป็นไปได้เยี่ยงไรที่จะซ่อนตัวจากข้า?”
“สําหรับข้า กลิ่นอายของผู้ที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกันนั้นย่อมเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ เว้นเสียแต่ว่าคู่ต่อสู้จะห่างชั้นจากข้ามากเท่านั้นแหละ”
ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนหัวเราะไปด้วยในขณะที่พูด
“ราชครูนั้นไร้เทียมทานในยุทธภพแล้ว จะมีตัวตนอื่นที่เก่งกาจไปกว่าท่านราชครูได้อย่างไร” ผู้นาอาณาจักรเหมิ่งหยวนรีบประจบทันที
“ถ้าอย่างนั้นท่านราชครูจะให้ข้าสั่งบุกโจมตีเมืองเลยหรือไม่?”
ผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนสงบจิตให้มั่นคง ระงับความปิติยินดีในหัวใจแล้วจึงถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากกล่าวถามออกไป ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ยืนโค้งตัวอยู่ในท่านั้นอย่างอดทน รอคอยคําแนะนําของราชครูแห่งอาณาจักรต่อไป
“ท่านราชครู?”
ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้รับคําตอบจากราชครู ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
อย่างไรก็ตาม จากท่าทางของราชครูก่อนหน้าที่ไม่แยแสสิ่งใด ตอนนี้สีหน้ากลับเคร่งขรึม จ้องเขม็งไปยังทิศทางหนึ่ง
“ท่านราชครูกําลังมองสิ่งใดหรือ?”
ผู้นาอาณาจักรเหมิ่งหยวนตกใจรีบมองตามสายตาของราชครูไปทางเมืองฉางอัน
เห็นร่างหนึ่งกําลังก้าวเดินไปบนท้องฟ้า เดินจากเมืองฉางอันเข้ามาใกล้ทัพเหมิ่งหยวนโดยไม่รีบร้อน
“นี่คือ?”
สีหน้าของผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เปลี่ยนไปทันที ร่างนี้เดินอยู่บนอากาศ ทุกย่างก้าวเหมือนเหยียบอยู่บนบันไดที่มองไม่เห็น ไม่มีจุดให้ค้ำยันใดๆ วิธีการเช่นนี้แม้จะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดก็ทําไม่ได้ในอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เห็นจะมีแต่ราชครูเท่านั้นที่ทําได้
ในตอนที่ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนกําลังตกใจลนลานอยู่นั้น
ซูฉินก็ได้มาถึงหน้ากองทัพเหมิ่งหยวนเพียงลําพัง
ในขณะนี้เขาถูกรายล้อมไปด้วยกองทัพห้าล้านนายของอาณาจักรเหมิ่งหยวน แต่การแสดงออกของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าไม่ได้กําลังเผชิญหน้ากับกองทัพห้าล้านนาย แต่เป็นมดห้าร้อยตัว
“เจ้าคือตํานานยุทธในเมืองฉางอัน?”
ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนจ้องมองที่ซูฉินอย่างสงสัยแล้วกดเสียงต่ำถามออกไป
แม้กระทั่งตอนนี้ที่ซูฉินมายืนอยู่ตรงหน้า ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ยังไม่สามารถจับกลิ่นอายของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉินก้าวเดินบนท้องฟ้า แสดงความสามารถที่มีเพียงตํานานยุทธเท่านั้นถึงจะมีได้ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็คงคิดว่าซูฉินเป็นแค่คนธรรมดาไปแล้ว
“ตํานานยุทธ?”
ซูฉินพยักหน้า เสร็จแล้วก็ส่ายหัว
“หือ?”
ราชครูเหมิ่งหยวนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าซูฉินจะหมายความสิ่งใด
ในตอนนี้
ซูฉินพูดออกมาอย่างช้าๆ “ถ้าเจ้ายังคงซ่อนตัวอยู่ในทุ่งหญ้าของเจ้า เจ้าก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี”
คําที่กล่าวออกมา
ทําให้สีหน้าของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมืดทะมึน
ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธคนแรกในรอบสองร้อยปีของดินแดนทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เขาตั้งใจฝึกฝนมาโดยตลอด พุ่งทะยานมาจนสุดทาง จะยอมให้คนมาดูถูกเช่นนี้ได้เช่นไร?
“ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว?”
“ให้ข้าได้รับการชี้แนะกระบวนยุทธจากเจ้าเสียหน่อยเถอะ”
ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก้าวเท้าไปด้านหน้า ไอพลังพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง พลังปราณพุ่งกระจายไปในอากาศรวมเข้ากับกองทัพเหมิ่งหยวนทั้งห้าล้านนาย
เพียงชั่วแวบเดียว ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เหมือนจะกลายเป็นยักษาไปโดยสมบูรณ์ ทุกท่วงท่าล้วนน่ากลัวและดูเหมือนจะเขย่าให้โลกสั่นไหวได้เลยทีเดียว
ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนสามารถกลายเป็นตํานานยุทธได้ย่อมมิใช่คนโง่ อาจจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องการวางกลยุทธ์ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้จังหวะและสถานการณ์ดี
มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้นที่ทําให้ซูฉินซ่อนกลิ่นอายจากการตรวจจับของเขาได้
หนึ่งคืออีกฝ่ายมีเคล็ดในการปกปิดกลิ่นอายในระดับตํานานยุทธ
ประการที่สองคือ ความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นสูงกว่าตนมาก
ถ้าเป็นอย่างแรก ราชครูเหมิ่งหยวนก็ไม่จําเป็นต้องหลบหนี แค่ต้องสู้กับซูฉินตรงๆ
แต่หากเป็นอย่างหลัง ราชครูเหมิ่งหยวนก็คงไม่สามารถล่าถอยไปได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเหนือกว่ามาก เมื่อเผชิญหน้ากัน ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะหนีไปได้อย่างไร?
ดังนั้นความคิดของราชครูเหมิ่งหยวนจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเลือกใช้วิธีที่ดูสินหวังโดยไม่ลังเล
เขารวมพลังเลือดเนื้อของตนเองเข้ากับกองทัพเหมิ่งหยวนทั้งห้าล้านนาย แม้ว่าเขาจะได้รับพลังจากกองทัพทั้งห้าล้านนายและพลังโชคชะตาแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมา แต่ปราณฉีและเลือดเนื้อของเขาก็จะถูกปนเปื้อนในภายหลัง ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะขับออกได้หมด
“ตาย!”
ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนดูราวกับเทพมาร ฝ่าอากาศพุ่งเข้าไปหาซูฉิน
ซูฉินเห็นแล้วแต่ไม่ได้เปลี่ยนท่าทีแต่อย่างใด เพียงยกมือขวาขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย ยื่นไปทางราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ข้าโหมโจมตีเต็มกําลัง แต่เจ้าคิดจะจัดการข้าด้วยนิ้วเดียวงั้นหรือ?” เมื่อเห็นดังนั้นหัวใจของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ปะทุไปด้วยความโกรธ เลือดลมปั่นป่วนเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง
“เหมิ่งหยวนจะต้องชนะ!”
ผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนและแม่ทัพเฝ้ามองอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของพวกเขาพลันแสดงออกอย่างมีความสุข
แม้พวกเขาจะไม่ใช่ตํานานยุทธ แต่พวกเขาก็เห็นสถานการณ์ทั้งหมดภายในสนามรบได้ในขณะนี้
ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันอันแสนท่วมท้น แต่ซูฉินยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดูก็รู้แล้วว่าผู้ใดแข็งแกร่งผู้ใดอ่อนแอ
ผู้นาแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้แต่คิดภาพความตื่นตระหนกที่จะเกิดขึ้นทั่วทั้งโลกหลังจากนี้ สีหน้าแสดงอาการดูถูกเหยียดหยามออกมา
แต่ในไม่ใช่ใบหน้าของผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ต้องแข็งค้างไป ความรู้สึกไม่อยากเชื่อเข้ามาแทนที่ ภาพที่เขาเห็นคือซุฉินเพียงแทงนิ้วไปด้านหน้า ร่างของราชครูเหมิ่งหยวนซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยพลังอันล้นหลามพลันหยุดชะงัก และถูกพลังที่แข็งแกร่งกว่าทะลวงสวนกลับมา
เลือดของตํานานยุทธหลั่งรดผืนแผ่นดิน
ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนทรุดตัวลงกับพื้น หมดลมหายใจ