เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 238 (1) เข้าสู่ระบบ! ผลเซียนลูกท้อบ้าน!
- Home
- เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
- ตอนที่ 238 (1) เข้าสู่ระบบ! ผลเซียนลูกท้อบ้าน!
เข้าสู่ระบบ “ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm] Sign in Buddha’s palm 238 (I) เข้าสู่ระบบ! ผลเซียน’ลูกท์…
Sign in Buddha’s palm 238 (1) เข้าสู่ระบบ! ผลเซียนลูกท้อบ้าน!
“อนุมัติโดยมังกรปีศาจ?” ซูฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
จากความทรงจําในชาติก่อนของซูฉิน เขารู้ว่าวิหารการสงครามได้รับการปกป้องโดยมังกร แต่ความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจนั้น มากเพียงไรเป็นมังกรสายเลือดแท้หรือไม่ ทั้งหมดนั้นไม่ชัดเจน
ตอนที่ได้ยินคํากล่าวของจักรพรรดิมารร้าย ใบหน้าของเขาก็ดูครุ่นคิด
“มิผิด” เมื่อเห็นว่าซูฉินกําลังสนใจ จักรพรรดิมารร้ายก็รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว“มังกรปีศาจตนนั้น ว่ากันว่าอยู่มาตั้งแต่วิหารการสงครามปรากฏตัวขึ้นเมื่อแปดพันปีก่อน และบางคนก็สงสัยว่ามันอาจจะมีชีวิตอยู่มานานกว่าแปดพันปีแล้วโดยปกติมังกรปีศาจนั้นจะหลับสนิทแม้ว่าวิหารการสงครามจะเปิดออก ตราบใดที่ไม่มีใคร ไปยั่วยุมัน ก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น…”
จักรพรรดิมารร้ายเค้นสมองอย่างหนักและพูดทุกสิ่งที่เขารู้ออกมาอย่างนอบน้อม “อย่างไรก็ตาม หากท่านต้องการเข้ไปยังส่วนลึกของวิหารการสงคราม มันก็จําจะต้องเผชิญหน้ากับมังกรปีศาจตนนี้แต่ตามที่บรรพบุรุษวิถีอธรรมได้บันทึกไว้เมื่อหลายพันปีก่อนบอกได้เพียงว่า ต่อหน้ามังกรปีศาจ ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนั้นเปราะบางราวกับผงธุลี”
“บรรพบุรุษสงสัยว่าความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจตนนี้อาจจะเหนือกว่าตํานานยุทธทั่วๆ ไป และอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตตํานานยุทธ
เมื่อจักรพรรดิมารร้ายกล่าวออกมาเช่นนี้ นัยน์ตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อยและกล่าวต่อไปว่า “ท่านผู้ยิ่งใหญ่แม้ว่ามังกรปีศาจจะทรงพลังจนไม่สามารถจัดการกับมันได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของท่านผู้ยิ่งใหญ่ อย่างน้อยก็สูสีกับมังกรปีศาจตนนั้น ตราบใดที่ท่านผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปภายในวิหารการสงครามโอกาสอันยิ่งใหญ่ภายในวิหารจะต้องตกเป็นของท่าน ”
ขณะที่จักรพรรดิมารร้ายกล่าวออกไปเช่นนี้ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในใจของเขา
“คนผู้นี้น่ากลัวอย่างยิ่ง อย่างน้อยเขาก็สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับมังกรปีศาจได้ ด้วยวิธีนี้ ข้าก็อาจจะฉวยโอกาสแอบเข้าไปภายในส่วนลึกของวิหารการสงครามได้ ”
จักรพรรดิมารร้ายคิดอยู่ภายในใจ ความร้อนแรงพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ตั้งแต่วิหารการสงครามกําเนิดขึ้นเมื่อแปดพันปีก่อน ไม่เคยมีใครก้าวล้ําเข้าไปในส่วนลึกของวิหารการสงครามมาก่อนทุกคนที่มีความคิดที่จะเข้าไปล้วนถูกปราณของมังกรปีศาจปนเป็นผงกันเสียทั้งหมด
“เป็นอย่างนั้นหรือ?”
ซูฉินแตะปลายคาง ความคิดของเขาผันผวนรวนเร
เดิมที่ซูฉันคิดว่ามังกรปีศาจภายในวิหารการสงครามน่าจะอยู่ในขอบเขตเซียนเทพปฐพี ต้องรู้ว่า ถึงมังกรปีศาจจะมีเพียงร่องรอยสายเลือดของมังกรที่แท้จริง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นถึงสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มีศักยภาพไร้ขีดจํากัด บางที่อาจจะครอบครองพลังบางอย่างจากมังกรที่แท้จริงซึ่งทําให้มีพลังมากพอที่จะทํา ลายล้างโลก
แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่จักรพรรดิมารร้ายกล่าวเอาไว้ว่ามังกรปีศาจเป็นเพียงจุดสูงสุดของตํานานยุทธ? แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่บรรพบุรุษวิถีอธรรมเมื่อหลายพันปีก่อนอาจจะคาดเดาผิดแต่ตามข้อมูลของสํานักเอกะวิถีในช่วงต้นของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุดมีเซียนเทพปฐพี่หลายคนเคยร่วมมือกัน ต้องการจะเข้า ไปสู่วิหารการสงครามแต่สุดท้ายต่างก็หลบหนีกลับไปด้วยสภาพที่เรศทุรัง
ถ้ามังกรปีศาจนั้นอยู่ในขอบเขตเชียนเทพปฐพี่จริงๆด้วยพลังสายเลือดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในร่างก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้เซียนเทพปฐพี่ธรรมดาๆเหล่าเซียนเทพปฐพี่ที่พยายามฝาเข้าสู่วิหารการสงครามจะต้องสูญเสียไปอย่างมหาศาลเพื่อให้หลบหนีออกมาได้ไม่ใช่แค่” หลบหนีออกมาในสภาพทุเรศทุรัง เป็นแน่
“บางทีมังกรปีศาจตนนี้อาจจะเป็นเซียนเทพปฐพี่จริงๆหรืออาจจะอยู่สูงเกินกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ด้วยซ้ําแต่มันมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานจนเกินไป เลือดเนื้อของมันเสื่อมถอยและความแข็งแกร่งลดลงจนแม้แต่เซียนเทพปฐพีไม่กี่คนก็รั้งเอาไว้ไม่ได้?” ซูฉันคิดอยู่ภายในใจเงียบๆ
ตามข้อมูลที่ซูฉินรู้มา วิหารการสงครามแห่งนี้มีมานานแล้ว อย่างน้อยก็หลายหมื่นปี แค่นับตั้งแต่ยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุดมังกรปีศาจนั้นก็น่าจะอยู่มานานนับหมื่นปี
ด้วยระยะเวลานานเพียงนี้ แม้มังกรปีศาจจะมีร่องรอยสายเลือดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถือครองไว้ได้นานมันจะสลายไปพร้อมพลังชีวิตและเลือดเนื้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และมันก็จะสูญเสียความแข็งแกร่งไปเป็นอันมาก
ดังนั้นแม้ว่าซูฉินจะมีฐานบ่มเพาะอ่อนแอกว่ามังกรปีศาจจริงๆเขานั้นกลับเต็มไปด้วยพลังชีวิตและเลือดเนื้อทั้งยังมีไพ่ลับในมือมากมายเพื่อปกป้องตนเองจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่กลัวมังกรปีศาจ
แน่นอนว่าสิ่งที่สําคัญที่สุดคือตอนนี้ซูฉินได้เข้าสู่จุดเริ่มต้นของวิชาภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแล้ว แม้ว่ายังห่างไกลจากการสร้างร่างจําแลงอีกาทองคําสามขา แต่มังกรปีศาจก็ไม่ใช่มังกรเลือดบริสุทธิ์ที่แท้จริงทั้งสองต่างคล้ายกัน เพียงแต่กลิ่นอายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในร่างของซูฉินนั้นชัดเจนยิ่งกว่ากลิ่นอายในร่างขอ งมังกรปีศาจ
“เอาล่ะ”
“ในเมื่อเจ้าพูดทุกอย่างที่รู้ออกมาหมดแล้ว เจ้าก็ตายได้แล้วล่ะ ”ซูฉินเหลือบมองจักรพรรดิมารร้ายแล้วกล่าวออกมาเบาๆ
ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉิน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอ่านความคิดของผู้อื่นได้ แต่ก็เข้าใจดีถึงสภาพอารมณ์ของจักรพรรดิมารร้ายว่าคิดดีหรือคิดร้าย
จักรพรรดิมารร้ายจงใจจะให้ซูฉินจัดการกับมังกรปีศาจแล้วตัวมันจะซ่อนความรู้สึกที่คิดเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่อหน้าจิตสัมผัสของซูฉินได้อย่างไร?
“อะไรกัน?!”
หัวใจของจักรพรรดิมารร้ายรู้สึกเย็นวาบ สัญญาณร้องเตือนดังลั่นภายในใจเขาพยายามเผาผลาญพลังชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อหลบหนีไปแต่ก็พบว่าอากาศโดยรอบนั้นแน่นไปหมดไม่ว่าจะเป็นบนล่างซ้ายขวาประหนึ่งเขาเป็นนักโทษที่ถูกคุมขัง
“อย่านะ!”
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ไว้ชีวิตข้า!”
ทันทีที่จักรพรรดิมารร้ายร้องขอความเมตตาทั้งร่างก็ถูกทําลายด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจหนีรอดถูกกําจัดออกไปกลายเป็นเถ้าถ่าน