เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 248.2 ตรวจนับผลกําไร
เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]
Sign in Buddha’s palm 248 (II)
Sign in Buddha’s palm 248 (II) ตรวจนับผลกําไร
“หึ!”
“พวกเจ้าอย่าได้คิดในแง่ดีจนเกินไป”
“พื้นที่จุดตัดอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก หากไม่ใช่เพราะเจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่พวกเขาจะปลุกบรรพชนของพวกเขาไปทําไมกัน?”
ยังคงมีตํานานยุทธที่พอจะฉลาดเฉลียว ไม่ถูกล่อลวงด้วยคําว่าแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่
หากแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ นั้นง่ายแก่การครอบครองจริงเหตุใดเจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะ และประมุขพรรคหมื่นดาบจึงต้องปลุกบรรพชนของพวกเขาด้วยเล่า?
รู้หรือไม่ว่าบรรพชนที่หลับใหลเหล่านี้ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นเวลาในการนอนครั้งต่อไปของพวกเขาจะสั้นลงไประยะหนึ่ง
แต่ก็เท่านั้น
ท้ายที่สุดก็มีตํานานยุทธเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้และตํานานยุทธที่เหลืออีกจํานวนมากก็พากันสอบถามถึงพื้นที่จุดตัดจากนั้นจึงเดินทางออกทะเลไป
เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ สําหรับตํานานยุทธส่วนใหญ่ แหล่งในการฝึกฝนบ่มเพาะต่างถูกนิกายใหญ่ในต่างแดนยึดครองไว้เกือบหมดแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือทรัพยากรมากพอเพื่อมาสนับสนุ นการบ่มเพาะของขอบเขตตํานานยุทธอย่างพวกเขา
การกําเนิดขึ้นของแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ ทําให้เหล่าตํานานยุทธมองเห็นความหวังโดยเฉพาะตอนนี้ที่นิกายใหญ่ยังไม่เข้ายึดครองพื้นที่ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะมีโอกาสมากขึ้นภายในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ
ในขณะที่ยุทธภพต่างแดนกําลังวุ่นวาย
ซูฉินก็ได้ออกจากเทือกเขาคุนหลุนกลับมาเมืองฉางอัน
สําหรับเฉียนขู่เขาก็ได้ถูกส่งตัวกลับวัดเส้าหลินโดยซูฉินและแน่นอนก่อนหน้านั้นซูฉินก็ได้ให้คําแนะนําบางอย่างกับเฉียนขู่เป็นการส่วนตัว
ครั้งล่าสุดที่เขาชี้แนะเฉียนขู่ ตอนนั้นตัวเขาอยู่ในระดับนภาชั้นที่สามและตอนนี้เขาอยู่ในระดับนภาชั้นที่แปดแล้ว เมื่อเทียบกับครั้งก่อนคําแนะนําของซูฉินลึกซึ้งและเรียบง่ายกว่าเดิมมากทุกๆ คํานั้นทําให้เฉียนขู่กระจ่างชัดขึ้นมากหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง แม้ว่าซูฉินจะไม่ได้บอกอะไรแต่เฉียนขู่ก็อยากจะรีบกลับวัดเส้าหลินเพื่อปิดด่านฝึกตนโดยเร็วที่สุด
“ไม่น่าผิดพลาด คาดว่าจะสําเร็จถึงขอบเขตอรหันต์
ซูฉินเหลือบมองเฉียนขู่เป็นครั้งสุดท้าย ลอบประเมินในใจ
เฉียนขู่ครอบครองดวงใจพุทธะ แม้ว่าการบ่มเพาะในขั้นต้นจะง่าย การก้าวเข้าสู่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนั้นง่ายราวกับการกินดื่มแต่เมื่อถึงก้าวสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นสู่ขอบเขตอรหันต์ ดวงใจพุทธะจะเป็นดั่งเครื่องพันธนาการ
วัดเส้าหลินอยู่มานานนับพันปี ให้กําเนิดผู้ที่มีดวงใจพุทธะเจ็ดถึงแปดรูปแต่ไม่มีผู้ใดก้าวเข้าสู่ขอบเขตอรหันต์ได้สักราย
ในความเห็นของซูฉิน การที่เฉียนขู่จะก้าวไปถึงขั้นนั้นก็ยากมากๆแม้จะไม่ถึงขั้นสิ้นหวัง แต่เส้นทางก็ไม่ชัดเจน
เฉพาะในยุคนี้ ยุคที่กระแสปราณีฟื้นคืน ประกอบกับคําแนะนําของซูฉินตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่แปดความเป็นไปได้ที่เฉียนขี่จะสําเร็จอรหันต์นั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แน่นอน
แม้ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี หากว่าเฉียนขู่ต้องการจะทะลวงขอบเขตอรหันต์ก็คงจะใช้เวลาต่อไปอีกหลายสิบปีจากนี้เมื่อถึงตอนนั้นซูฉินก็อาจจะเข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์ซึ่งมีพลังเทียบเคียงกับเซียนเทพปฐพี่แล้ว
ขอบเขตยอดอรหันต์คือขอบเขตที่อยู่ถัดจากขอบเขตอรหันต์ซึ่งเทียบเท่าได้กับเซียนเทพปฐพีแม้ทั้งสองอย่างจะมีชื่อเรียกที่ต่างกันแต่สาระสําคัญและพลังอํานาจนั้นเหมือนกัน
ยิ่งกว่านั้น เมื่อซูฉินกลายเป็นยอดอรหันต์ ด้วยไพ่ลับทั้งหมดที่เขามีเซียนเทพปฐพีย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ซูฉินทะลวงระดับ มรดกฝ่ามือยไลกระบวนท่าที่สองจะถูกเปิดผนึก และนั่นจะช่วยเสริมพลังในการต่อสู้ของซูฉินจนถึง ระดับที่น่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน
เมื่อซูฉันคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้พาหลีหว่านกลับมาที่วังเรียบร้อย
ไม่นานหลังจากซูฉินกลับมาถึงพระราชวังตะวันออกจักรพรรดิถังและฮองเฮาซูเยวหยุนก็รีบเข้ามาหาด้วยอาการประหม่าผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่เกิดเหตุการณ์บนยอดเขาคุนหลุนและข่าวได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
แม้จะมีข่าวลือว่าคนที่ลงมือบนยอดเขาคุนหลุนนั้นเป็นผู้ทรงสม ณศักดิ์จากวัดเส้าหลิน แต่ซูเยว่หยุนและคนอื่นๆ ต่างก็รู้มานาน แล้วว่าผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินก็มิใช่อะไรนอกเสียจากอี กตัวตนหนึ่งของซูฉิน
ทั่วโลกต่างถกเถียงกันอย่างดุเดือดว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินหรือไม่ทําให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตแต่ในสายตาของซูเยวหยุนและคนอื่นๆมันเป็นเรื่องน่าขันที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินหรือตํานานยุทธเมืองฉางอันต่างก็คือซูฉิน จะมีคนใดแข็งแกร่งคนใดอ่อนแอกว่าอีกหรือ?
“พี่สาม ข้าได้ยินว่ามีมังกรปีศาจปรากฏตัวออกมาจากวิหารการสงคราม……” จักรพรรดิถังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าซูฉินนั้นล้ําลึกไม่อาจหยั่งถึง ตํานานยุทธทั้งหลายไม่ว่าจะสูงส่งแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉิน การแก้ปัญหาทั้งหมดก็ใช้เพียงแค่มีดเล่มเดียว
แต่มังกรปีศาจไม่ใช่ตํานานยุทธธรรมดาสุดท้ายก็ยังถูกซูฉินเชีอดทิ้งอยู่ดี ซึ่งมันน่าตกใจยิ่ง
“อย่ากังวลไปเลย ไม่ว่าจะเป็นมังกรปีศาจหรือวิหารการสงครามทุกอย่างล้วนได้รับการแก้ไขแล้ว”
ซูฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน
ตอนนี้มังกรปีศาจไม่เหลือแม้แต่กระดูก ส่วนวิหารการสงครามได้รับการปรับแต่งโดยซูฉินเรียบร้อย รอเพียงซูฉินมีพลังมากพอเมื่อถึงตอนนั้นแล้ววิหารการสงครามทั้งหมดจะถูกครอบครองแน่นอนว่าความกังวลที่จักรพรรดิถังมีจะไม่เกิดขึ้น
“ขอบคุณพี่สามมากที่ลงมือ”
จักรพรรดิถังถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบกล่าวขอบคุณออก
มา
“ไม่เป็นไรหรอก”
แม้จะไม่ได้มีการร้องขอจากจักรพรรดิถัง เขาก็จะไปที่ยอดเขาคุนหลุนอยู่ดี
นอกจากนี้ การไปยังเทือกเขาคุนหลุนในครั้งนี้ยังทําให้เขาได้รับผลประโยชน์ตามมามากมาย เหนือสิ่งอื่นใด เพียงโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดกว่าห้าสิบเม็ดที่ได้จากการลงชื่อเข้าใช้ในวิหารการสงครามก็เพียงพอแล้วที่ซูฉินจะเสร็จสิ้นการบ่มเพาะในระดับนภาชั้นที่เก้าด้วยความรวดเร็วและเข้าสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นในเวลาอันสั้น
เท่านี้ก็คุ้มค่ามากแล้วสําหรับซูฉินที่ได้เดินทางไปในครานี้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเทียบกับผลประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับ โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ไม่นับเป็นสิ่งล้ําค่าอันใดเลย
แม้แต่วิหารการสงครามก็ตกมาอยู่ในมือของซูฉิน ด้วยการคงอยู่มาอย่างยาวนานของวิหารการสงคราม “เต๋าสะสม” ที่เก็บไว้ภายในนั้นเทียบได้กับเหมืองทองคําที่ขุดออกมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
แตกต่างจากท่าที่ผ่อนคลายของจักรพรรดิถังและคนอื่นๆนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีตื่นตะลึงอย่างสมบูรณ์
เขาไม่รู้ว่าซูฉินได้ปรับแต่งวิหารการสงครามไปแล้ว แต่เพียงแค่เรื่องการเชือดมังกรปีศาจภายในวิหารการสงครามก็ทําให้ภายในใจของนักพรตเฒ่ามีพายุก่อตัวขึ้น
พลังของมังกรปีศาจนั้นน่ากลัวถึงขีดสุด ในช่วงสุดท้ายของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟู เซียนเทพปฐพี่หลายคนได้ร่วมมือกันเข้าสู่วิ หารการสงครามแต่ก็ถูกขับไล่กระเจิงออกมาก็เพราะมังกรปีศาจ
แต่ตอนนี้มังกรปีศาจที่สามารถขัดขวางกลุ่มของเซียนเทพปฐพีได้กลับถูกสังหารโดยซูฉิน
นี่คือการสังหาร มิใช่การพ่ายแพ้จนล่าถอย
ความยากลําบากของสองสิ่งนี้ไม่เท่ากัน
“ผู้อาวุโสมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร
นักพรตเฒ่ากลืนน้ําลาย ใจเต็มไปด้วยความสยอง
แม้ว่าเขาจะพอตระหนักได้ว่า ด้วยเวลาที่ผ่านไปนับหมื่นปีพลังชีวิตและเลือดเนื้อของมังกรได้สลายหายไป ความแข็งแกร่งก็ลดลงอย่างมาก แต่ไม่ว่ามันจะอยู่ในสภาพเลวร้ายแค่ไหนแต่มันก็เป็นมังกรปีศาจ
ซูฉินสามารถสังหารมังกรปีศาจได้ตรงๆ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เซียนเทพปฐพีแต่ก็คงจะอีกไม่ไกลแล้ว
“เอาล่ะ”
“พวกเจ้าทั้งหมดออกไปเถอะ”
“ข้าจะปิดด่านฝึกตนสักพักหนึ่ง”
ซูฉินพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะโบกมือประกาศว่าจะปิดด่านฝึกตนจากนั้นจึงกลับมายังที่โถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้เมืองฉางอัน
“ตอนนี้ถึงเวลานับผลกําไรแล้ว”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน การไปยังเทือกเขาคุนหลุนของเขาพร้อมผู้ติดตามในครานี้ใช้เวลาไปหนึ่งเดือนเต็มแน่นอนว่าสิ่งที่เก็บเกี่ยวมาได้ก็สร้างความยินดีเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ได้มากกว่าที่ครั้งที่ไปเกาะหยิงโจว
“มาดูกันที่ “ลูกท้อบ้าน ก่อน”
เพียงแค่คิด ผลไม้จิตวิญญาณสีแดงขนาดเท่ากําปั้นก็ปรากฏขี้นตรงหน้าของซูฉิน
ในตอนที่ผลไม้วิญญาณปรากฏขึ้นมา พลังที่น่าพรั่นพรึงก็กระจายออกไปทุกทิศทาง อวลตลบถ้วนทั่วทุกตารางนิ้ว