เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 275 (I) บรรพชนดาบเจ้าจงคลานออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!
- Home
- เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
- ตอนที่ 275 (I) บรรพชนดาบเจ้าจงคลานออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!
Sign Buddha’s palm 275 (I) บรรพชนดาบเจ้าจงคลานออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!
เกาะที่ใช้เป็นที่ตั้งของพรรคหมื่นดาบมีชื่อเรียกว่าเกาะหมื่นดาบมีพื้นที่รัศมีไกลกว่าหลายร้อยลี้สามารถรองรับผู้คนนับล้านได้อย่างง่ายดาย
มีข่าวลือว่าเกาะหมื่นดาบเป็นเพียงเกาะเล็กๆขนาดไม่กี่ลื้มาก่อนแต่นักพรตหมื่นดาบได้ไล่พื้นที่ทะเลออกไปและสร้างแผ่นดินด้วยพลังงานทั้งหมดทันใดนั้นเกาะที่แต่เดิมกว้างเพียงแค่ไม่กี่ลี้ก็กลายเป็นเกาะใหญ่มีรัศมีหลายร้อยลี้และเกาะหมื่นดาบแห่งนี้ก็ประดุจเป็นทวีปเล็กๆสักแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้เกาะหมื่นดาบนั้นเต็มไปด้วยเจตจำนงดาบนี่คือสิ่งที่นักพรตหมื่นดาบทิ้งเอาไว้ผู้ที่ฝึกฝนวิถีแห่งดาบทุกคนที่อยู่บนเกาะนี้จะมีผลลัพธ์ดีขึ้นเป็นสองโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
“นักพรตหมื่นดาบช่างน่าอัศจรรย์…”
ซูฉินจ้องไปทั่วทั้งเกาะหมื่นดาบด้วยดวงตาแห่งสัจจะเกาะหมื่นดาบดูเหมือนจะกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ตัดผ่านท้องฟ้า
“น่าเสียดาย…”
ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อยและก้าวเท้าไปยังเกาะหมื่นดาบอย่างสบายๆ
แม้นักพรตหมื่นดาบจะมีความสามารถเทียมฟ้าขีดจำกัดของช่วงชีวิตก็ได้หยุดเขาเอาไว้เมื่อเทียบกับตำนานยุทธเซียนเทพปฐพี่มีพลังชีวิตและเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเป็นเพราะว่างกายของพวกเขาแม้แต่วิธีลับในการปิดผนึกตนเองก็ไม่สามารถผนึกการไหลเวียนของเลือดเนื้อและพลังปราณได้เว้นแต่จะได้รับสมบัติยืดอายุขัยเช่นผลไม้เซียนอย่างลูกท้อป้านไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอดไปได้เป็นพันปี
หลังจากที่ซูฉินก้าวเท้าขึ้นไปเหยียบเกาะหมื่นดาบเขาก็เห็นว่าเกาะนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวาทีเดียวจอมยุทธต่างแดนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ด้านหน้าจัตุรัสหยกขาวที่อยู่ส่วนหน้าของเกาะ
“ท่านผู้นี้ก็มากราบเข้าพรรคหมื่นดาบอย่างนั้นหรือ?”ไม่นานนักหลังจากที่ซูฉินก้าวเท้าลงไปเหยียบเกาะหมื่นดาบชายในชุดคลุมสีขาวก็เดินแย้มยิ้มเข้ามาไถ่ถาม
นอกจากชายชุดขาวแล้วยังมีเด็กสาววัยยี่สิบต้นๆที่กำลังมองซูฉินด้วยความสงสัยอยู่ด้วย
ซูฉินเพิกเฉยชายชุดขาวไปและแผ่ขยายจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้ปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะหมื่นดาบ
แม้ว่าซูฉินจะยืนยันได้ว่าหลีหว่านอยู่บนเกาะหมื่นดาบผ่านดวงตาแห่งสัจจะแต่ดวงตาแห่งสัจจะสามารถตรวจจับได้เพียงพลังฉีเท่านั้น…
ส่วนเรื่องการยืนยันสภาพร่างกายของหลีหว่านในยามนี้ว่าหมดสติหรือได้รับบาดเจ็บหรือไม่จำเป็นต้องใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบ
และเกาะหมื่นดาบก็เป็นสถานที่ตั้งของพรรคหมื่นดาบไม่รู้ว่ามีค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่คอยปกป้องอยู่กี่แห่งแม้ว่าซูฉินจะแผ่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปแล้วแต่ก็ต้องใช้เวลาในการขยายจิตสัมผัสฯเสาะหาไปยังสถานที่ที่หลีหว่านอยู่
เป็นเพราะเหตุนี้เองซูฉินจึงไม่ได้ลงมือในทันที่ที่มาถึง
เมื่อชายชุดขาวเห็นว่าซูฉินเงียบเขาก็กล่าวขอโทษทันที“ข้าทำตัวมทะลุเกินไปแล้ว”
จากนั้นชายชุดขาวจึงได้บอกเหตุผลและจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่
ตามที่ชายชุดขาวได้บอกกล่าวชื่อของเขาคือ”เหอหมิงเหยียน”และหญิงสาวที่อยู่ถัดจากเขาคือน้องสาวของเขาเองเหอชิงหลิง’สองพี่น้องมาจากกลุ่มนิกายที่ชื่อว่าสำนักฮว่าหยวน
แตกต่างจากพรรคหมื่นดาบที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกสำนักฮว่าหยวนเป็นเพียงนิกายเล็กๆเท่านั้นสืบทอดมรดกมาเพียงไม่กี่ร้อยปีและผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงตำนานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม
ที่เหอหมิงเหยียนมาพรรคหมื่นดาบในครานี้ก็เพราะเหอหมิงเหยียนค้นพบว่าน้องสาวของเขามีทักษะเชิงดาบที่ดีแต่สำนักฮว่าหยวนนั้นไม่เชี่ยวชาญวิถีแห่งดาบเขาจึงมาส่งเหอชิงหลิงเข้าพรรคหมื่นดาบ
พรรคหมื่นดาบในฐานะที่เป็นนิกายใหญ่ในต่างแดนที่เชี่ยวชาญเชิงดาบหากเหอชิงหลิงได้กราบเข้าพรรคแห่งนี้จริงๆพรสวรรค์เชิงดาบจะไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน
“น่าเสียดายที่ข้าได้เลือกเส้นทางการบ่มเพาะไปแล้วแม้จะกราบเข้าพรรคหมื่นดาบได้จริงๆอย่างมากสุดพวกเขาก็ให้ข้าได้เป็นเพียงศิษย์สายนอกเท่านั้นและไม่แม้แต่จะให้สัมผัสมรดกที่แท้จริงของพรรคหมื่นดาบตราบจนชั่วชีวิต……”เหอหมิงเหยียนถอนหายใจเบาๆ
แม้ว่ายุทธภพต่างดินแดนจะรุ่งเรืองแต่ก็มีมรดกตกทอดไม่มากนักที่ทำให้สามารถเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ได้และสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนอยู่ในกำมือของนิกายใหญ่
แม้ว่ายุทธภพต่างดินแดนจะรุ่งเรืองแต่ก็มีมรดกตกทอดไม่มากนักที่ทำให้สามารถเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ได้และสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนอยู่ในกำมือของนิกายใหญ่
“งั้นหรือ?”
ซูฉินไม่ได้ใส่ใจนัก
แม้ว่าเคล็ดวิชาของพรรคหมื่นดาบจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่ในความเห็นของซูฉินก็คิดว่ามันไม่เท่าไหร่เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์สองสามชิ้นที่เขาทิ้งไว้ในพระราชวังตะวันออกเพื่อให้ตระกูลซูศึกษาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเคล็ดวิชาต่างๆในพรรคหมื่นดาบ
เห็นได้ชัดว่าซูฉันคิดว่าหมิงเหยียนผู้นี้เป็นคนพูดจาไร้สาระเมื่อเห็นซูฉินไม่เชื่อเขาก็รีบอธิบายต่อทันที“เมื่อเจ้ากลายเป็นศิษย์สายในของพรรคหมื่นดาบเจ้าสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาดาบศักดิ์สิทธิ์ได้และเมื่อฝึกฝนจนสำเร็จวิชาจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตตำนานยุทธระดับนภาชนที่หกได้อย่างราบรื่น……”
เห็นได้ชัดว่าซูฉันคิดว่าหมิงเหยียนผู้นี้เป็นคนพูดจาไร้สาระเมื่อเห็นซูฉินไม่เชื่อเขาก็รีบอธิบายต่อทันที“เมื่อเจ้ากลายเป็นศิษย์สายในของพรรคหมื่นดาบเจ้าสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาดาบศักดิ์สิทธิ์ได้และเมื่อฝึกฝนจนสำเร็จวิชาจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตตำนานยุทธระดับนภาชนที่หกได้อย่างราบรื่น……”
มีร่องรอยความอิจฉาอยู่ในน้ำเสียงของเหอหมิงเหยียน
แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักฮว่าหยวนก็เป็นเพียงตำนานยุทธระดับนภาชั้นที่สามไม่รู้ว่าห่างไกลจากตำนานยุทธระดับนภาชั้นที่หกแค่ไหน
“ถ้าเจ้าได้เป็นศิษย์หลักของพรรคหมื่นดาบเจ้าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเคล็ดหัวใจหมื่นดาบ”
“เคล็ดหัวใจหมื่นดาบเป็นวิชาหลักของพรรคหมื่นดาบศิษย์ที่ไม่ใช่ศิษย์หลักภายในพรรคจะไม่ได้รับการสืบทอดวิชาว่ากันว่ามันเป็นเคล็ดวิชาที่หลงเหลือมาจากนักพรตหมื่นดาบ”
ขณะที่เหอหมิงเหยียนกล่าวเช่นนี้เขาก็ค่อยๆลดเสียงลงและพูดด้วยเสียงต่ำ“เท่าที่ข้ารู้มาคราวนี้พรรคหมื่นดาบจะมีการคัดเลือกศิษย์ที่แตกต่างจากปีก่อนๆ”
“พี่ชายมันต่างกันยังไง….”ก่อนที่ซูฉินจะได้กล่าวอะไรเหอชิงหลิงน้องสาวของเหอหมิงเหยียนที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าเพิ่งได้ยินเรื่องนี้แต่มันน่าจะเป็นความจริง”เหอหมิงเหยียนกล่าวด้วยเสียงต่ำ“ข้าเกรงว่าบรรพชนดาบจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น”
“นั่นคือบรรพชนดาบเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว…”
เหอหมิงเหยียนไม่สามารถปกปิดความเกรงกลัวบนใบหน้าของเขาได้“ในยามนี้หากเจ้ากราบเข้าพรรคหมื่นดาบและได้รับการยอมรับจากบรรพชนดาบหรือผู้อาวุโสมิใช่ว่าอนาคตจะทะยานขึ้นสู่ฟ้าหรอกหรือ?”
บรรพชนดาบเป็นตัวตนระดับใดแค่สิ่งเล็กๆที่ได้จากเขาย่อมมอบผลประโยชน์บางอย่างที่เพียงพอให้ตำนานยุทธใช้ไปได้ตลอดชีวิตนี่ยังไม่กล่าวรวมถึงเรื่องตำแหน่งของบรรพชนดาบที่เป็นอันดับสองรองจากนักพรตหมั่นดาบเท่านั้นเมื่อบรรพชนดาบเห็นว่าใครควรค่าย่อมได้รับทุกสิ่งอย่างไปเป็นแน่แท้
“บรรพชนดาบยอดเยี่ยมมากเลยหรือ…”เหอชิงหลิงดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
นางอายุยังน้อยและเป็นครั้งแรกที่นางออกจากรั้วสำนักฮว่าเหยียนเป็นธรรมดาที่นางจะไม่รู้ความเกรียงไกรของบรรพชนดาบ
“อะไรคือยอดเยี่ยมหรือไม่?”เหอหมิงเหยียนเบิกตากว้าง“เมื่อพันกว่าปีก่อนบรรพชนดาบเคยอาละวาดไปทั่วดินแดนแม้แต่นิกายใหญ่ระดับสูงอย่างสำนักเอกะวิถีก็ไม่คิดที่จะยั่วยุตัวตนเช่นนี้เจ้าคิดว่าเขายอดเยี่ยมไหมเล่า?”
“กลายเป็นว่าช่างน่าทิ้งอย่างมาก…..”เด็กสาวนามว่าเหอชิงหลิงหยักหน้า
เมื่อกล่าวถึง’บรรพชนดาบ’นางอาจจะไม่เคยได้ยินไม่รู้จักความเป็นมาของบรรพชนดาบผู้นี้แต่เมื่อพูดถึงสำนักเอกะวิถีเด็กสาวก็เข้าใจถึงระดับของบรรพชนดาบได้ในทันที
สำนักเอกะวิถีนั้นสืบทอดมานานตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุดแม้แต่เซียนเทพปฐพีที่มีพลังครอบงำทุกสิ่งก็ไม่สามารถทำลายสำนักเอกะวิถีได้ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้?
แม้ว่าเด็กสาวเหอชิงหลิงจะไม่ได้เชี่ยวชาญความเป็นไปในโลกแต่นางก็ยังเคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักเอกะวิถี
แม้ว่าสำนักเอกะวิถีจะไม่เต็มใจยั่วยุบรรพชนดาบแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถจัดการบรรพชนดาบได้แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าการที่สำนักเอกะวิถีต้องการจะสังหารบรรพชนดาบจำเป็นจะต้องจ่ายราคาที่แพงอย่างยิ่ง
“พี่ชายทำไมบรรพชนดาบถึงตื่นขึ้นเวลานี้……”เด็กสาวเหอชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะถามต่อ
สีหน้าของเหอหมิงเหยียนคล้ำลงเมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้วลดเสียงลงอีกครั้งจากนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว“ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนของพรรคหมื่นดาบที่ไปยังแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯต่างก็ล้มตายกันหมด”
หลังจากที่เหอหมิงเหยียนพูดจบใบหน้าของเขาก็ยังคงมีร่องรอยความสะพรึงกลัวให้ได้เห็นอยู่
พรรคหมื่นดาบเป็นนิกายใหญ่ในต่างแดนและบรรพชนของพรรคอย่างน้อยก็ต้องเป็นตำนานยุทธขั้นสูงสุดตัวตนเช่นนี้กลับตกตายไปหลายคนถ้าบรรพชนดาบยังคงหลับใหลต่อไปเกรงว่าพรรคหมื่นดาบทั้งหมดคงจะวุ่นวายกันใหญ่โต
“ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคือบุคคลผู้แข็งแกร่งเทียมฟ้าผู้นั้นสามารถสังหารบรรพชนพรรคหมื่นดาบไปได้หลายคน….”
เหอหมิงเหยียนอุทานออกมาพร้อมสายศีรษะ
รู้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำเพียงสังหารบรรพชนพรรคหมื่นดาบเท่านั้นแต่ยังเหยียบพรรคหมื่นดาบไว้ใต้ฝ่าเท้าด้วย
นี่เทียบเท่ากับประกาศสงครามกับนิกายใหญ่อย่างพรรคหมื่นดาบที่สืบทอดมาสี่พันห้าพันปี
ความหาญกล้าเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในยุทธภพต่างแดนมาหลายพันปีแล้ว