เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 142 พังให้หมด
บทที่ 142 พังให้หมด
อีกฝ่ายใช้อาวุธ คิดที่จะเล่นให้ถึงชีวิตของเฉินห้าว เฉินห้าวไฟโกรธปะทุ ใครหน้าไหนก็กล้าเอาชีวิตเขาอย่างนั้นหรือ เขาเองก็ไม่แยแสความเป็นพี่ใหญ่ของไป๋เหอคนนี้แล้ว เขาเบี่ยงหลบใบมีด ถือโอกาสที่อีกฝ่ายออกกระบวนท่า เขาเอื้อมแขนดึงข้อแขนของเฮียสือ แย่งมีดของอีกฝ่ายมาไว้
หากแต่เฮียสือผู้ใช้มีดเป็นชีวิตจิตใจ เขาไหวพริบดี ขณะที่ใบมีดหมุนเคว้ง มืออีกข้างรับเอาไว้ได้จากด้านบน ก่อนโต้กลับ
เฉินห้าวตกใจ ชักแขนกลับ แต่ก็ยังคงเจ็บแสบที่ฝ่ามือ เมื่อยกขึ้นดู ฝ่ามือของเขาเกิดรอยแผลยาวสองเซนติเมตร มีดคมได้เชือดเฉือนผิวหนัง ดีที่บาดแผลไม่ลึกมากนัก จึงไม่สาหัส
เฉินห้าวหรี่ตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธขึ้นมาจริงๆ เมื่อเกิดโทสะ การฆ่าล้างผลาญจึงเกิดขึ้น
เฉินห้าวจู่โจมอย่างรุนแรง ราวกับเสือสมิงที่บ้าคลั่ง เฮียสือสะดุ้งโหยง กำมีดในมือเตรียมกระบวนท่า
หากแต่เฉินห้าวใช้มือข้างขวาจับเบาะโซฟาเอาไว้ โยนออกไปยังฝ่ายตรงข้าม มีดปักเข้ากับโซฟา จนใบมีดกลืนหายเข้าไปในโซฟา
เฉินห้าวถือโอกาสในเวลานี้ พุ่งเข้าประชิดตัวชายหนุ่ม ใช้โซฟาเป็นโล่กำบัง กำเฮียสือเข้ากับผนัง
เฮียสือขัดขืน พยายามดึงใบมีดออกมาจากโซฟา เมื่อเห็นว่าเขาคิดที่จะจู่โจมอีกครั้ง ทันใดนั้นเฉินห้าวหยิบขวดRemy Louis XIIจากบนโต๊ะ ฟาดเข้าให้กับกบาลของเฮียสือ
เฮียสือสายตาพร่ามัว เลือดไหลอาบไปตามหัว ก่อนที่จะล้มลงกับพื้นหมดสติไป
ขวดบรั่นดีนี่มันแข็งแรงทนทานดีแฮะ รุนแรงขนาดนี้ก็ยังไม่แตก เพียงแต่บนขวดเลอะไปด้วยคราบเลือด เฉินห้าวจึงโยนขวดในมือทิ้ง
ชายหนุ่มเตะมีดออกไปไกลๆเพื่อไม่ให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นทั้งห้าที่บาดเจ็บสาหัสอย่างหนักที่พื้น ชายหนุ่มกล่าว “ทำตัวเอง”
ปลูกแตงได้แตง ปลูกถั่วได้ถั่วนั่นแหละ ทำธุรกิจดีๆ ไม่ชอบ กลับจะหาเรื่องเฉินห้าวให้ได้ นี่เรียกว่า “หาเรื่องใส่ตัว” ทำร้ายตัวเอง
เมื่อด้านนอกได้ยินเสียงการต่อสู้จากภายใน เหล่าลูกกระจ๊อกของเฮียสือโวยวายจะเข้าไปด้านในให้ได้ เฉินห้าวไม่รู้ว่าด้านในที่คนมากมายแค่ไหนกันแน่ จึงเดินไปดันประตูเอาไว้
ตอนนี้มีเพียงกำลังของเขาคนเดียวเท่านั้น เขาต้องการความช่วยเหลือ เพราะงั้นเขาจึงต่อสายหาเซี่ยจิ้ง ให้เธอพาคนมาที่นี่
แห่งนี้เป็นของเฮียสือ เพราะงั้นในนี้จึงมีลูกกระจ๊อกของเขาอยู่มาก เมื่อได้ยินข่าว ก็มีคนกว่ายี่สิบถึงสามสิบคนห้อมล้อมห้องนี้เอาไว้ พังประตูอย่างบ้าคลั่ง ต่างตะโกนโหวกเหวกจะถลอกหนังของเฉินห้าวออกมาให้ได้
ในเวลาเดียวกัน ด้านนอกมีกลุ่มคนที่ถือขวดเหล้าอยู่ในมือเดินเข้ามากลุ่มหนึ่ง ด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต ซึ่งเป็นกำลังเสริมที่เฉินห้าวเรียกมา พวกเขาปาร์ตี้ได้สักพักใหญ่ เมื่อได้รับคำสั่งเซี่ยจิ้ง จึงพากันตามมาถึงที่นี่
คนกลุ่มเหล่านี้ มีจำนวนมากกว่าร้อยคน พร้อมใจกันส่งเสียงโฮ ทางเดินถูกปิดจนมิด
ความโกรธแค้นที่ยากจะมอดมิด คนส่วนใหญ่ในเมืองบันเทิงจื้อจูนเป็นพนักงานที่มาทำงานเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเป็นลูกมือให้กับเฮียสือได้ ส่วนเหล่าคนที่สามารถช่วยเอียสือได้จริงๆ มีเพียงแค่สามสิบคนเท่านั้น แต่กลับถูกกลุ่มคนจำนวนกว่าร้อยห้อมล้อมเอาไว้ เสียงพังประตูเบาแผ่วลงในทันใด แต่ละคนต่างตื่นตระหนกสบประสานสายตากับคนของเฉินห้าว
ทันใดนั้นประตูห้องถูกเปิดออก เฉินห้าวลากเฮียสือออกมา เมื่อเหล่าลูกกระจ๊อกเห็นเฮียสือที่หมดสภาพ ต่างโกรธแค้นขุ่นเคือง แต่คนยังอยู่ในเงื้อมมือของเฉินห้าว ต่อให้อาวุธครบมือก็ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น
“หลีกไปให้หมด ระวังลูกพี่ของพวกแก”
เฉินห้าวลากเขาไปตามทางเดิน เมื่อทุกคนสังเกตเห็นเฉินห้าวเดินออกมาจากห้องแขกVIPด้วยสภาพที่ไร้ความเสียหายแม้แต่น้อย ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก หยุดเสียงโหวกเหวกลง
“ปล่อยเฮียสือของเราซะ ไม่อย่างนั้นพวกแกอย่าคิดว่าจะออกไปจากร้านนี้ได้!” เหล่าลูกกระจ๊อกต่างตะโกนขึ้น
เซี่ยจิ้งกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ “ฝั่งเราคนเยอะกว่า พวกแกต่างหากที่ออกไปจากร้านนี้ไม่ได้!”
“นั่นสิ!” เฉินห้าวระเบิดหัวเราะออกมา เขานับวันยิ่งชอบนิสัยของเซี่ยจิ้งเข้าไปใหญ่ ตรงไปตรงมาไม่เสแสร้ง เพียงแต่ใจกว้างเกินไปหน่อย ทำให้เขาเห็นแล้วต้องโมโหร่ำไป
เฉินห้าวกล่าว “ไปขับลัมโบร์กีนีของผมมาที่นี่ ผมก็จะปล่อยลูกพี่ของแก”
เหล่าลูกกระจ๊อกหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ใครบางคนจะยกหูโทรศัพท์ สั่งให้ขับรถของเฉินห้าวมาไว้ที่หน้าตึก เมื่อมั่นใจว่าเป็นรถของเฉินห้าว ได้ถูกขับมาไว้แล้ว
ได้เฮียสือเป็นตัวประกัน ทุกคนจึงต่างต้องทำตามคำสั่งให้ลุล่วงอย่างเคร่งครัด เฉินห้าวผลักชายหนุ่มออก เหล่าลูกกระจ๊อกต่างเข้ามารับให้วุ่น
ในเวลานี้เฮียสือเองก็ได้สติตื่นขึ้นมาพอดิบพอดี ลูกกระจ๊อกของเขาช่วยทำแผลให้อย่างลวกๆ เขาจ้องเขม็งเฉินห้าวด้วยความคับแค้นใจ “เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ แกจะต้องตาย!”
“หืม? ตัวแกเป็นฝ่ายทำผิดแท้ๆ แต่ยังไม่สำนึก ถ้าอย่างนั้นวันนี้คงจะต้องให้แกเจ็บตัวสักหน่อย”
เฉินห้าวหันขวับกลับไปกล่าวกับเหล่าคนที่มาสมทบ “ช่วยผมพังร้านนี้ที เกิดอะไรขึ้นผมรับผิดชอบเอง!”
กลุ่มแก๊งคนเหล่านี้เพิ่งปาร์ตี้มาหมาดๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวที่น่าตื่นเต้น ต่างคนต่างก็พุ่งเข้าไปอย่างไม่ลดละ ทำลายข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้า
ทุกคนต่างก็มีศักยภาพการทำลายล้าง เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการแสดงฝีมือ เมืองบันเทิงจื้อจูนแห่งนี้ พวกเราไม่มีทางใจอ่อนอย่างแน่นอน
ชั่วพริบตา เสียงโหวกเหวกดังลั่นกึกก้อง ลูกค้าในร้านต่างวิ่งออกมายังด้านนอก เฉินห้าวกำชับให้เซี่ยจิ้งทำตามความเหมาะสม พังแค่ร้าน ห้ามทำร้ายผู้คนในร้าน ไม่เช่นนั้นเขาไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่
เมื่อเห็นร้านที่ถูกพังจนยับ เหล่าลูกกระจ๊อกไม่เคยถูกหยามขนาดนี้มาก่อน ที่ผ่านมามีแต่พวกเขาที่รังแกคนอื่น แต่วันนี้กลับถูก “รังแก” เสียเอง ทุกคนต่างดวงตาแดงก่ำอยากจะสู้ตายกับเฉินห้าว
“ปล่อยให้พวกมันพังไป” เฮียสือกล่าวอย่างโกรธแค้น “ฉันได้รับบาดเจ็บ แถมยังพังร้านอีก โทษฐานทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สิน มันต้องกินข้าวแดงไปหลายปีแน่ แถมยังต้องชดใช้ความเสียหายของฉันอีก”
เมื่อเหล่าลูกกระจ๊อกได้อย่างนั้น ต่างได้ใจ ปล่อยให้พวกเขาทำลายข้าวของต่อไป พวกเขาต่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นแจ้งความ
โจรเข้าใจกฎบ้านเมือง สวรรค์ยังต้องเกรงกลัว เรื่องที่เกิดขึ้นในคราวนี้ ตามกฎหมายแล้ว เฉินห้าวเป็นฝ่ายผิดมากกว่า
แต่ใบหน้าของเฉินห้าวยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ เสมือนกับไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ หากแต่การที่เขาพังร้านของบุคคลอันดับหนึ่งของเมือง ช่างสะใจเสียจริง!