เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 169 เมียข้าปวดท้องคลอด
บทที่ 169 เมียข้าปวดท้องคลอด
มาถึงส่วนงานก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จตามที่จูหมิ่นพูดถึง ทันใดนั้นเฉินห้าวเห็นในห้องมีคนอยู่ราวห้าหกคน ชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนเถ้าแก่ใหญ่ คนที่ยืนรายล้อมเขากำลังพูดอะไรบางอย่าง
“เถ้าแก่เฉียน พวกเราจะส่งแบบแปลนการออกแบบตกแต่งของที่นี่ให้คุณภายในสามวัน รับรองว่าแก้ไขตามที่คุณต้องการ ” สถาปนิกหัวล้านคนหนึ่งพูด
“ได้ บริษัทตกแต่งภายในของพวกคุณดีที่สุดในเมืองนี้ ฉันไว้วางใจ การตกแต่งภายในแต่งหมู่คฤหาสน์จงหัวราคาพันล้านของฉัน มอบหมายให้คุณจัดการ อย่าทำเสียหายล่ะ ไม่อย่างนั้นพวกคุณก็รู้ดีถึงผลที่ตามมา” เถ้าแก่วัยกลางคนพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“เถ้าแก่เฉียนวางใจ พวกเราจะต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” สถาปนิกหัวล้านพยักหน้าและโค้งคำนับรับคำ
ขณะที่เฉินห้าวเดินมาถึง น้ำเสียงเย็นชาของผู้ติดตามเถ้าแก่วัยกลางคนพูดขึ้นว่า: “พวกคุณมาทำอะไร? เข้ามาได้อย่างไร?”
เฉินห้าวมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ในเมื่อเป็นนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แสดงท่าทางน่ารังเกียจเกินไปแล้ว
“เขาก็คือเฉียนหรงข่าย!” จูหมิ่นกระซิบบอกข้างหูเฉินห้าว
เฉียนหรงข่ายเป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในมณฑล มักจะเป็นข่าวดังไปทั่วมณฑล ดังนั้นจูหมิ่นจึงรู้จักเขาเป็นอย่างดี ว่าไปแล้วเฉียนหรงข่ายคนนี้ต้องการซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัว จัดเป็นคู่แข่งสำคัญของเฉินห้าว แต่คฤหาสน์ยังไม่มีใครซื้อ หานักออกแบบตกแต่งภายในเพื่อเตรียมการก่อสร้าง นี่มันรีบร้อนเกินไป
ในเมื่อยังไม่มีการประมูลขาย ทุกคนเป็นผู้ซื้อ ไม่เป็นไรเฉินห้าวไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขาเลยสักนิด เดินเข้าไปสำรวจห้องที่ตกแต่งไม่เสร็จ
“พูดกับคุณ ไม่ได้ยินหรือไง!”
ผู้ติดตามที่มากับเฉียนหรงข่าย พัวพันไม่เลิกต้องการหาเรื่อง อีกทั้งยังแสดงท่าทางคุกคามยกมือจะทุบตี
เฉินห้าวใช้สายตาจ้องมอง เอามือปัดป้องอีกฝ่ายหนึ่ง ผู้ติดตามชายคนนั้นรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลพุ่งเข้าใส่ ทรุดตัวลง
“เจ้ากล้าใช้กำลังกับข้า!”
ผู้ติดตามชายเริ่มเดือดดาล รวมตัวกับผู้ติดตามอีกคนที่ยืนด้านข้าง เดินเข้าไปหาเฉินห้าวด้วยท่าทางดุดัน
จูหมิ่นมองดูว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ด้วยจรรยาบรรณอาชีพนักข่าว รีบเปิดมือถือเตรียมพร้อมถ่ายภาพ นี่ต้องเป็นข่าวที่ฮอตฮิตติดแทรนด์แน่ ๆ ผู้ซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัว ชกต่อยกันก่อนเปิดการประมูล หัวข้อข่าวนี้ต้องสะดุดตามากแน่ ๆ
ผู้ติดตามทั้งสอง ถูกเฉินห้าวบิดแขน อยู่ในความควบคุม แต่ละคนร้องประสานเสียงกันว่า “โอ้ยโอ้ย” ร้องขอให้เฉินห้าวคลายมือ
เฉินห้าว เหอะด้วยเสียงเย็นชา คนมีเงินทุกคนเป็นอันธพาล หรือว่าคนอันธพาลกลายเป็นคนมีเงิน ทำไมคนเหล่านี้ชอบลงไม้ลงมือ?
“ไสหัวไป!”
เฉินห้าวปล่อยมือผู้ติดตามชายทั้งสองคน
จากนั้นผู้ติดตามทั้งสองคนจับไปที่แขน มองเฉินห้าวด้วยความหวั่นเกรง ไม่กล้ามุทะลุอีก
“อย่าถ่ายรูปข้า!”
เฉียนหรงข่ายไม่กลัวลูกน้องทะเลาะกับผู้คน แต่เขาไม่ชอบให้ถ่ายภาพ โพสต์ลงอินเตอร์เน็ตยังต้องจ่ายเงินให้กับพวกหน้าม้าเพื่อลบออกอีก ได้ไม่คุ้มเสีย
“เก็บมือถือซะ เบื่อชีวิตมากใช่ไหม? รู้ไหมเถ้าแก่เฉียนเป็นใคร?” ผู้ดูแลไม่กล้าทำท่าขึงขังกับเฉินห้าว เบนความสนใจไปที่จูหมิ่น
จูหมิ่นไม่ได้สนใจพวกเขา นักข่าวไม่สักแต่พูด เป็นนักข่าวมักจะพบเจอกับเหตุการณ์รุนแรง ถ้ากลัวเหตุการณ์รุนแรงไม่มาเป็นนักข่าวแล้วล่ะ
ผู้ติดตามเฉียนหรงข่ายโมโห ขณะที่เถ้าแก่รีบเข้าไปแย่งมือถือของจูหมิ่น
จูหมิ่นท่าทางว่องไววิ่งหลบไปอยู่ด้านหลังเฉินห้าว ถ่ายภาพต่อ ผู้ติดตามทั้งสองคนกลัวลนลาน ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป
“เด็กน้อย เจ้าแน่ใจว่าจะขวางทางพวกเราใช่ไหม?”
เฉียนหรงข่ายถามด้วยสีหน้าเย็นชา
“เป็นลูกน้องคุณที่ก่อกวนผมก่อน ต่างคนก็ต่างมาดูบ้าน ขอเตือนว่าคุณอย่ายุ่งให้มากเกินไป!” เฉินห้าวโต้กลับอย่างแข็งกร้าว ทำวางก้ามต่อหน้าเขาที่นี่ ผิดคนแล้ว
“ได้ ข้าไม่ได้มาที่เมืองไป๋เหอนานแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าท้าทายข้า”
เฉียนหรงข่ายยิ้มเย็นชา สั่งให้ลูกน้องโทรศัพท์ไปหาเฮียสือ จัดการไอ้พวกพวกเด็กเวรนี่ ลนหาที่ตายซะแล้ว
“เฮียสือ?”
เฉินห้าวฟังแล้วยิ้มเยาะ เฉียนหรงข่ายคนนี้ไม่ว่องไวเอาเสียเลย เฮียสือเข้าไปอยู่ในห้องขังแล้ว
โทรออกไปแล้ว ปลายสายที่รับ กลับไม่ใช่เฮียสือ ผู้ติดตามซักถามเพิ่ม ฝ่ายตรงข้ามกลับให้เขาบอกสถานะออกมาให้ชัดเจน ทั้งสองคนพูดไปมาจนทะเลาะกัน ผู้ติดตามจึงเอ่ยเปิดเผยสถานะของเฉียนหรงข่ายไป
“ดีมาก ตัวคุณ รวมกับเฉียนหรงข่าย เชิญมาที่แผนกสืบสวนที่ว่าการเมือง เพื่อมาให้ปากคำสถานการณ์”
ที่แท้คนในสายโทรศัพท์คือตำรวจแผนกสืบสวน ไม่แปลก เฮียสือถูกจับตัว แน่นอนโทรศัพท์ของเขาก็ถูกยึดไป เปิดโทรศัพท์ทุกวันเพื่อรอว่ามีสหายคนไหนติดต่อมาบ้าง ผลลัพธ์คือทะเลาะกับผู้ติดตามจนปากโป้ง
“แมร่งเอ้ย เรื่องแค่นี่ก็ทำไม่ได้!”
เฉียนหรงข่ายโมโหตบไปที่หน้า สีหน้าขมึงตึง แสดงถึงอาการขายหน้าอย่างเห็นได้ชัด น่าอับอาย
“ยังเรียกใครมาอีก? ช่วยรีบหน่อย ฉันไม่มีเวลาว่าง” เฉินห้าวพูดโดยไม่มีทีท่าใส่ใจ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นตอนนี้น่าเบื่อมาก หยิบมือถือขึ้นมาดูเล่น
“ใช่แล้ว ฉันจำได้มีคนหนึ่งชื่อว่าพี่เชิน เคยร่วมดื่มสุรากับเขา ยังเคยมอบของขวัญให้กับฉัน”
เฉียนหรงข่ายหยิบมือถือของตนออกมา หาเบอร์ติดต่อของพี่เชินได้แล้ว โทรออกไปทันที
ขณะที่เฉียนหรงข่ายพูดในสาย ว่าต้องการมาสั่งสอนคนหนึ่งที่ หมู่คฤหาสน์จงหัว พี่เชินตบโต๊ะพูดว่า: “ประธานเฉียนคุณวางใจ ผมเรียกพรรคพวกไปจัดการทันที ไอ้สารเลว กล้าหาเรื่องประธานเฉียนในถิ่นของข้าอีก เบื่อชีวิตมากแล้วใช่มั้ย!”
เฉียนหรงข่ายพอใจกับท่าทีของพี่เชินมาก น่าเชื่อถือกว่าเฮียสืออะไรคนนั้น
แต่คราวที่แล้วพี่เชินเคยถูกใครบางคนจัดการเสียจนน่วม จึงรอบคอบไว้ก่อน ถามเฉียนหรงข่ายไปว่าจะให้ไปจัดการกับใคร
“ฮัลโหล กล้าบอกชื่อแซ่เจ้าไหม” ลูกน้องผู้ติดตามเฉียนหรงข่าย ถามแทนลูกพี่ใหญ่
“เฉินห้าว”
เฉินห้าวบอกชื่อด้วยตนเอง เขาก็อยากจะดูว่าพี่เชินคนนั้นกล้ามาอีกหรือไม่
ครั้งที่แล้วเขาได้สั่งสอนพี่เชินด้วยตนเอง ถ้าหากยังอาลัยอาวรณ์ สั่งสอนอีกสักครั้งก็ไม่เป็นไร ความปลอดภัยในเมืองไป๋เหอนี่แย่มาก ทุกแห่งหนมีแต่อันธพาล
“เขาบอกว่าเขาชื่อเฉินห้าว” เฉียนหรงข่ายตอบกลับทางโทรศัพท์
หัวใจของพี่เชินในปลายสายเต้น “ตุบตุบ” รีบถามอีกว่า: “ใช่คนที่อายุประมาณยี่สิบกว่าปี เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาใช่หรือไม่?”
“ใช่ เป็นเขา คุณรู้จักเหรอ?” เฉียนหรงข่ายถามกลับเพราะไม่เข้าใจ
“เอ่อ ไม่รู้จัก……โอ๊ะ ต้องขอโทษประธานเฉี่ยนจริง ๆ เพิ่งได้ข่าวมา เมียของฉันปวดท้องคลอด วันนี้คงไปไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วย ท่านเชิญคนอื่นเถอะ”
พี่เชินพูดจบรีบวางสายทันที ไม่เปิดโอกาสให้ปลายสายพูดต่อ เห็นได้ชัดว่าหลังจากได้ยินชื่อของเฉินห้าว จึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นทันที