เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 185 สินทรัพย์ห้าร้อยล้าน
บทที่ 185 สินทรัพย์ห้าร้อยล้าน
พวกเขานั่งลงพูดคุยกันไม่กี่ประโยค หวังเฉียงเห็นโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า ก็ตะโกนไปทางด้านนอก “ทำไมไม่เสิร์ฟอาหารล่ะ ฉันจองโต๊ะอาหารไปแล้วนะ! ”
แต่ว่าก็เป็นตอนที่เขาตะโกนเรียนพนักงานนั่นเอง คนที่เข้ามาจากด้านนอก กลับไม่ใช่พนักงาน แต่เป็นชายหนุ่มที่ตัดผมเกรียนคนหนึ่ง
ชายหนุ่มมองคนดูคนในห้องเหล่านี้ ก็พูดด้วยความอวดดีว่า “วันนี้ประธานของพวกเราต้องการห้องรับรองชมวิวนี้มารับรองแขก พวกนายเปลี่ยนไปกินที่ห้องโถงชั้นล่าง! ”
“นายเป็นใครกัน? ห้องรับรองนี้ฉันจองตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว อาศัยอะไรมาเปลี่ยน! ” หวังเฉียงพูดอย่างไม่พอใจ
“พูดอะไรไร้สาระ ค่าห้องรับรองประธานของพวกเราจะจ่ายให้ นอกจากนี้ให้ค่าชดเชยนายอีกห้าร้อยก็พอแล้ว ร้องตะโกนอะไร! ”
ชายหนุ่มผมเกรียนคนนั้นยังไม่รู้สึกว่าเป็นฝ่ายผิด ยังพูดจาอย่างเย่อหยิ่ง ควักเงินห้าร้อยหยวนมาจากในกระเป๋า พับไม่กี่ครั้ง แล้วโยนไปบนโต๊ะอาหาร ท่าทางเหยียดหยาม เป็นการดูถูกแบบหนึ่งจริงๆ
หวังเฉียงไม่มีทางยอมก้มเอวเพื่อเงินห้าร้อยหยวนแน่ แล้วอีกอย่างที่นี่ยังมีแฟนสาวของเขาอยู่ด้วย ยิ่งไม่มีทางเอาเงินที่น่าดูถูกพวกนี้ เอ่ยเสียงแข็งว่า “ไม่เปลี่ยน! ไปหาคนอื่นไป”
“อ่ะฮ้า รังเกียจที่เงินน้อยใช่ไหม? ให้พวกนายเพิ่มอีกสองร้อย เจ็ดร้อยหยวนก็ได้แล้วสินะ? ”
ชายหนุ่มหัวเกรียนคนนี้หยิบกระเป๋าเงินออกมา ตอนกำลังเพิ่มเงินอยู่นั้น เฉินห้าวพลันหันกลับมาโยนเงินกองหนึ่งออกไป มีจำนวนสองสามพันหยวน
“เงินพวกนี้ให้นาย ออกไปให้ฉัน อย่าเอาเงินมาทำตัวน่ารังเกียจใส่คนอื่นที่นี่! ”
เฉินห้าวไม่มองอีกต่อไป คนประเภทนี้ ในสมองมีแต่หลุมโดยแท้ ก่อกวนความสนใจของทุกคน
“โอ้โหให้ตายเถอะ แกได้ใจมากไปแล้ว!”
ชายหนุ่มผมเกรียนสบถคำหยาบ ม้วนแขนเสื้อขึ้น บนแขนเผยรอยสักเต็มแขน ดูไปแล้วเป็นรูปร่างของมังกร
“ไสหัวไป! ”
เฉินห้าวก็ไม่ปล่อยผ่านเขา เดินขึ้นไปจับมือของชายหนุ่มผมเกรียน บีบครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายก็เจ็บจนร้องเสียงดัง และผลักอีกครั้ง ชายหนุ่มผมเกรียนก็ถอยจากห้องรับรองออกไปหลายก้าว เกือบจะล้มลง
ในเวลานี้หวังเฉียงและคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นมา ชายหนุ่มที่แข็งแรงหกเจ็ดคน ทำให้ชายหนุ่มผมเกรียนอดไม่ได้ที่จะปอดแหกแล้ว
“ดี พวกนายรอก่อนเถอะ! ”
ชายหนุ่มผมเกรียนจากไปด้วยความโกรธ เรื่องราวดูเหมือนยังไม่จบ
“เฉินห้าว นายไม่ต้องโมโห ถ้ายังพูดน่ารำคาญอีกพวกเราผองเพื่อนก็จัดการเขาด้วยกัน” หวังเฉียงกล่อมให้เฉินห้าวนั่งลง จากนั้นเรียกหาพนักงาน เริ่มเสิร์ฟเหล้าและอาหาร
พนักงานถึงได้เอ้อระเหยเข้ามา นำอาหารเรียกน้ำย่อยและเหล้ายกเข้ามา
ผลสุดท้ายพวกเขายังไม่ได้เริ่มกิน ชายหนุ่มผมเกรียนคนที่สร้างเรื่องก็กลับมาแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ติดตามมาด้านหลังชายที่สวมชุดสูท ชายสวมชุดสูทคนนี้อายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปี ทั้งตัวล้วนเป็นแบนด์เนมอมานี บนข้อมือสวมนาฬิกาไฮเอนด์เรือนหนึ่ง ดูไปแล้วเป็นคนมีเงิน
“ทุกท่าน ขอโทษด้วย ลูกน้องของฉันทำให้ทุกคนโกรธแล้ว” ชายสวมชุดสูทมาถึงก็ขอโทษ แต่ว่าน้ำเสียงและท่าทางไม่ค่อยถูกต้อง
“ขอให้พวกคุณไปห้องโถงชั้นล่างรับประทานอาหาร ฉันให้ซองแดงพวกคุณสองพันหยวนเป็นเงินพิเศษ นี่คงได้แล้วมั้ง? ก็แค่ย้ายสถานที่ เพียงพอกับค่าอาหารของคุณในครั้งนี้แล้ว”
ชายสวมชุดสูทโบกมือครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มผมเกรียนคนนั้นหยิบเงินกองหนึ่งขึ้นมาชูไว้ แสดงความหมายล้อเลียนอย่างชัดเจน ให้หวังเฉียงขึ้นมาหยิบไป
สองพันหยวนเปลี่ยนห้องรับรองกินอาหาร พูดตามเหตุผลค่อนข้างได้กำไร แต่หวังเฉียงไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับกำไรเล็กน้อยเช่นนั้น ที่สำคัญนี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องมีหรือไม่มีเงิน แต่เป็นเรื่องของหน้าตาศักดิ์ศรี อีกฝ่ายยังใช้เงินมาดูถูก หวังเฉียงปฏิเสธอย่างแน่นอน
“พูดไปกี่ครั้งแล้ว ไม่เปลี่ยน อย่ามาวุ่นวายอีกเลย”
ชายสวมชุดสูทหัวเราะเล็กน้อย ส่งสายตาครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มผมเกรียนคนนั้นเข้าใจ เปลี่ยนไปหยิบปึกธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าทันที เอ่ยว่า “ห้าพันหยวน พอแล้วมั้ง? ”
“ห้าพัน! ”
ในระหว่างมื้ออาหารสาวน้อยไร้ประสบการณ์ก็จ้องตาเป็นมัน ห้าพันหยวนเกือบจะเท่าเงินเดือนหนึ่งเดือนของเธอแล้ว ครั้งนี้เลี้ยงแขกก็จ่ายเงินไม่มากขนาดนั้น เปลี่ยนที่กินอาหารเสร็จยังได้กำไร ในใจกลับอิจฉาหวังเฉียงขึ้นมาด้วยซ้ำไป
หวังเฉียงเป็นผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีคนหนึ่ง ห้าพันหยวนก็คิดจะให้เขาเปลี่ยนห้องรับรอง นี่เป็นความอัปยศอย่างโจ่งแจ้ง อดไม่ได้ที่จะโมโห
เฉินห้าวกลับเดินไปด้านหน้าหวังเฉียง ให้เขานั่งลงก่อน ที่นี่ยกให้เขาจัดการ
เฉินห้าวควักปึกธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าสองปึก หรือก็คือสองหมื่นหยวน โยนลงไปบนพื้นตรงๆ เอ่ยว่า “ให้นายสองหมื่นหยวน ไปจากที่นี่ OK? ”
ที่เฉินห้าวมีก็คือเงิน ไม่สนใจสองหมื่นนี้ ที่เขาโยนลงบนพื้น ก็เป็นการตอบโต้ชายสวมชุดสูท เฉินห้าวต้องการใช้การกระทำที่สอดคล้องกันบอกกับอีกฝ่ายว่า ต่อหน้าเขา อย่าใช้เงินมาเสแสร้งแกล้งทำ เขามีแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้าน ไม่ว่าเวลาไหนต้องการเงินสดเท่าไหร่ก็หยิบออกมาได้
ถกกันด้วยเรื่องการใช้เงินตบหน้า ถ้าเฉินห้าวถูกเรียกเป็นที่หนึ่ง ก็ไม่มีใครเรียกเป็นที่สอง เขามีแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นกำลังสนับสนุนเบื้องหลัง นอกจากไม่กี่คนในลำดับแรกของการจัดอันดับฟอบส์แล้ว ยังไม่มีความเกรงกลัวจริงๆ
“นาย! ”
ชายสวมชุดสูทสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เดิมทีคิดจะใช้เงินจัดการเรื่องทั้งหมด ตอนกลับพบว่าเตะแผ่นเหล็กเข้าซะแล้ว ชายคนนี้เสนอเงินได้โหดยิ่งกว่าเขาอีก
“นายโต้เถียงกับฉันแล้วใช่ไหม? น่าสนใจ! ”
ชายสวมชุดสูทยิ้มอย่างร้ายกาจ ถอดเสื้อนอกโยนไปทางด้านหลัง ชายผมเกรียนที่ด้านหลังรีบรับไว้
ในเวลานี้ชายผมเกรียนได้เปลี่ยนร่างเป็นผู้เล่นนักแสดงตัวประกอบDEYUNSHEแล้ว พูดอย่างโอ้อวดว่า “รู้ว่าประธานของเราเป็นใครไหม? พูดออกมาจะทำให้นายตกใจตาย จางจิ่งเทียนเคยได้ยินไหม ผู้ก่อตั้งบริษัทหวานยู่ นั่งแท่นเป็นเจ้าของทรัพย์สินกว่าห้าร้อยล้าน! ”
“เฮ้อ ก็อย่าได้พูดถึงพวกนี้เลย นี่ล้วนเป็นชื่อเสียงจอมปลอม”
จางจิ่งเทียนคนนี้ถึงกับยังแกล้งให้ลูกน้องมาจัดงานเงียบๆอีก ที่จริงแล้วเป็นการโอ้อวดอย่างกลายๆ
“ห้าร้อยล้านเยอะมากหรือ? ”
“ทำไมคนคนนี้ถึงทำอย่างกับว่าตัวเองมีชื่อเสียงมากมายอย่างนั้นแหละ? ”
เพื่อนนักเรียนไม่กี่คนกำลังถกเถียงกันอยู่ เหมือนกับดูละครลิง พวกเขารู้นานแล้วว่าฐานะของเฉินห้าวนั้นไม่เบา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าโดยรวมมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าจะต้องมีมากกว่าจางจิ่งเทียนคนนี้ที่ไม่รู้ว่ากระโดดออกมาจากซอกหินที่ไหนไม่น้อยแน่
มีเฉินห้าวอยู่ที่นี่ จางจิ่งเทียนที่โอ้อวดกำลังทรัพย์ ถูกลิขิตไว้ให้เป็นแค่ตัวตลกที่กระโดดไปมาเท่านั้น