เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 187 นายกินยาอะไรเข้าไป
บทที่ 187 นายกินยาอะไรเข้าไป
ที่แท้เธอก็คือจูหมิ่นนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ในเมืองนี้ วันนี้หลังจากทำงานเสร็จได้คุยวีแชทกับเฉินห้าว ตอนที่เฉินห้าวได้รู้ว่าเธออยู่แถวนี้และต้องการหาที่กินอาหาร เฉินห้าวจึงได้เชิญเธอมาร่วมงานเลี้ยง นักข่าวสาวสวยคนหนึ่ง แนะนำให้เพื่อนนักเรียนรู้จัก พวกเขาจะได้มีเพื่อนเพิ่มคนหนึ่งมีทางเพิ่มทางหนึ่ง เฉินห้าวก็มีจิตใจดี ให้ยืมดอกไม้ไหว้พระ
อีกทั้งในกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นยังมีคนโสด เรียกนักข่าวสาวสวยมา พวกเขากลับยังต้องขอบคุณเฉินห้าวที่จัดหาโอกาสให้
“เข้ามานั่งสิ” เฉินห้าวเรียกจูหมิ่น
หลังจากได้รู้เรื่องราวพอประมาณจากการพูดคุยของทั้งสองฝ่ายแล้ว ผู้อำนวยการสาขาย่อยคนหนึ่งถึงกับดูถูกเฉินห้าว จูหมิ่นก็อดไม่อยู่จริงๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมา “อุ๊บ” อีกทั้งพอหัวเราะแล้วก็ไม่สามารถควบคุมได้ เสียงหัวเราะใสราวระฆังเงินดังไปทั่วห้อง ทำให้ทุกคนงงงัน ทันใดนั้นก็เงียบลงทันที
“เธอหัวเราะอะไร? ”
ผู้อำนวยการอู๋รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนกับกำลังหัวเราะเขา จึงซักถามขึ้น
“ฉันหัวเราะนาย ถึงกับพูดว่าประธานเฉินเป็นพวกไส้แห้ง ถ้าเขาไส้แห้ง แม้แต่ขอทานนายยังเทียบไม่ได้เลย” จูหมิ่นพูดอย่างหายใจไม่ทัน
“ใช่ เพื่อนเฉินห้าวของพวกเราซื้อเขตพื้นที่เล็กๆ บางที่สร้างตึกหลังหนึ่ง ยังมีร้านอาหารชื่อดังภายใต้ชื่อ รถหรูสองคัน มีเงินมากกว่านายเยอะเลย” หวังเฉียงและคนอื่นๆ ก็กำลังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเฉินห้าว
ถูกกลุ่มคนตำหนิ ใบหน้าผู้อำนวยการอู๋ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พูดคำที่ทำให้คนหน้ามืดออกมาประโยคหนึ่งอย่างโมโห “เหอะ นายมีเงิน แล้วยังไม่ใช่ต้องมาที่ธนาคารหรือ นายเชื่อหรือไม่ว่าคำพูดฉันประโยคเดียว ก็ทำให้ในอนาคตนายกู้เงินไม่ได้! ”
“ไม่ใช่มั้ง? ”
ไม่รอให้เฉินห้าวพูด รอยยิ้มของจูหมิ่นเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกตะลึงทันที ราวกับว่าพบเจอกับเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในโลก
“นายถึงกับมาทำให้มหาเศรษฐีคนที่ลงทุนซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัวเพียงคนเดียวกู้เงินไม่ได้ ระดับประธานใหญ่อย่างเขา ไม่ใช่ธนาคารของพวกนายต้องเป็นฝ่ายมาประจบประแจงหรอกหรือ? นายกินยาอะไรเข้าไปถึงได้พูดคำพูดแบบนี้ออกมา? ”
จูหมิ่นพูดเช่นนี้ ทุกคนในห้องรับรองก็ตกตะลึงอีกครั้ง สายตาที่มองไปยังเฉินห้าวค่อนข้างไม่ถูกต้องแล้ว
ถ้าพูดว่าข่าวร้อนของเมืองไป๋เหอช่วงนี้ ก็คือหมู่คฤหาสน์จงหัวประมูลขายแล้ว ทุกคนต่างก็กำลังคาดเดาว่าประธานใหญ่ลึกลับคนนั้นเป็นใคร เป็นใครที่มีทรัพยากรทางการเงินมหาศาลขนาดที่ซื้อทั้งหมู่คฤหาสน์มาได้
ตอนนี้พลันถูกนักข่าวสาวจูหมิ่นเปิดเผยออกมาโดยไม่คาดคิด ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าบุคคลลึกลับท่านนี้จะอยู่ข้างกาย
“จริงหรือ? เฉินห้าว เป็นนายที่ซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัวมาได้? ” หวังเฉียงถามอย่างยินดีแกมแปลกใจ เขาก็รู้สึกยินดีไปกับการกระทำยอดเยี่ยมของเพื่อนนักเรียนเก่า
“เป็นฉันซื้อเอง” เฉินห้าวพูดอย่างตรงไปตรงมา “นี่ยังไม่ทันได้บอกกับพวกนาย รออาทิตย์หน้าเก็บกวาดเรียบร้อย ฉันจะจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ ถึงเวลานั้นพวกนายทั้งหมดก็มาร่วมงานด้วย ถือโอกาสเยี่ยมชมบ้านใหม่ของฉันสักหน่อย”
“เจ๋งนี่เฉินห้าว ไม่พบสามวันกลายเป็นอื่น ตอนพวกเราเรียนด้วยกันยังไปกินข้าวที่โรงอาหารเดียวกันอยู่เลย ตอนนี้นายสามารถซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัวได้แล้ว! ”
เหล่าเพื่อนร่วมชั้นทอดถอนใจไม่หยุด ระยะความต่างมากเกินไป เหลือเพียงแค่ส่วนของความอิจฉาแล้ว
“อะ อะไรนะ? นายก็คือคนที่ซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัวมาได้? ” ผู้อำนวยการอู๋ถามอย่างตะกุกตะกัก
หลังจากระบบธนาคารของพวกเขาได้รู้ว่าเมืองนี้มีมหาเศรษฐีลึกลับปรากฏตัวขึ้น ต่างก็กำลังสืบหาข้อมูลว่าคนผู้นี้ที่แท้เป็นใครกันแน่ ถ้าสามารถดึงมาฝากเงินที่ธนาคารนี้ได้ เช่นนั้นคาดว่าผลงานจะต้องสมบูรณ์แบบเกินหน้าที่การงานแน่ ตอนที่ตัวผู้อำนวยการอู๋เองกำลังสอบถามจากหลายที่ คิดไม่ถึงว่าพยายามหาแทบตายไม่เจอ ถึงกับเจอง่ายๆ ในโรงแรมแล้ว
“หนุ่มหล่ออายุน้อย แซ่เฉิน…”
จากข้อมูลส่วนที่รู้มา เชื่อมกับสถานการณ์ในที่นี้ ในที่สุดผู้อำนวยการอู๋ก็มั่นใจ เฉินห้าวคนนี้ก็คือมหาเศรษฐีลึกลับที่ซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัว
“ไอหยา ขอโทษด้วย มีตาหามีแววไม่จริงๆ เลย ประธานเฉินอภัยให้ด้วย! ”
น้ำเสียงวางอำนาจของผู้อำนวยการอู๋ถูกกวาดหายไปในครั้งเดียว พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าสอพลอ ก้มหน้าค้อมเอวกล่าวทักทาย
“เทคนิคเปลี่ยนหน้าของนายเรียนกับคณะงิ้วเสฉวนมาหรือไง? ” เฉินห้าวก็อดไม่อยู่แล้ว ล้อเลียนผู้อำนวยการคนนี้สักหน่อย ก่อนหน้าหยิ่งผยองภายหลังนอบน้อม ที่พูดก็คือคนประเภทนี้
“นี่ไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้หรือ หวังว่าประธานเฉินจะไม่ถือสา อนาคตถ้าได้ใช้งานที่สาขาของฉัน เชิญเอ่ยปากได้ตลอด”
กำลังพูดอยู่ ผู้อำนวยการอู๋ก็โค้งคำนับลงครึ่งตัว สองมือยื่นนามบัตรให้อย่างนอบน้อม
เฉินห้าวมองดูนามบัตร ถามอย่างแปลกใจ “นายเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ? ”
ผู้อำนวยการอู๋ยิ้มสู้อย่างกระอักกระอ่วน “ใช่ แต่ว่าอีกไม่นานก็จะเลื่อนเป็นตำแหน่งหลัก องค์กรกำลังสังเกตการณ์อยู่”
เฉินห้าวเอานามบัตรโยนลงบนโต๊ะตามใจ โบกมือเล็กน้อย ราวกับไล่แมลงแล้วเอ่ยว่า “งั้นก็อย่าชะงักอยู่เลย รีบออกไปซะ อย่าเสียเวลากินอาหารของพวกเรา”
“ได้ๆ พวกเราจะออกไปเลย”
ผู้อำนวยการอู๋ยิ้มสู้ไม่หยุด จากนั้นถอยหลังจากไป
ในเวลานี้จางจิ่งเทียนที่ตามหลังผู้อำนวยการอู๋ก็มองจนตะลึงไปแล้ว ผู้อำนวยการอู๋ที่อยู่กับตนเองอย่างสูงส่ง ควบคุมอำนาจการกู้เงินคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเคารพต่อเฉินห้าวถึงขนาดนี้ ถึงกับพูดได้ว่าทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจ เป็นโลกนี้ที่เปลี่ยนไปรวดเร็ว หรือว่าความคิดของเขาสับสนวุ่นวายไปแล้ว
แต่ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ในใจจางจิ่งเทียนได้เกิดความคิดที่แน่วแน่แล้ว คือเฉินห้าวเป็นคนใหญ่คนโต คนใหญ่คนโตที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเขามาก เป็นคนที่ไม่อาจล่วงเกินโดยเด็ดขาด!
เพียงแต่ ก่อนหน้านี้ได้สร้างความผิดพลาดไว้แล้ว จำเป็นต้องคิดหาวิธีชดเชย……
รอจนคนที่มาก่อกวนพวกนี้จากไป บรรยากาศในห้องรับรองชมวิวชั้นบนไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลับยิ่งคึกคักมากขึ้น เพื่อนนักเรียนแต่ละคนและแขกเหรื่อ ต่างก็สนใจในหมู่คฤหาสน์จงหัวของเฉินห้าว ถามคำถามที่น่าแปลกใจเล็กน้อย เช่นพื้นที่มีขนาดใหญ่เท่าไหร่กันแน่ ในนั้นสามารถถ่ายหนังได้เลยไหมและอื่นๆ
“ทุกคนไม่ต้องแปลกใจขนาดนั้นแล้ว รอถึงอาทิตย์หน้า พวกนายก็สามารถไปเป็นแขกได้แล้ว” เฉินห้าวเอ่ยตอบ
“เยี่ยมเลย พวกเราก็ไปชื่นชมคฤหาสน์แนวสวนป่าแบบโบราณสักหน่อย”
เหมียวเสว่แฟนสาวของหวังเฉียง ก็ตื่นเต้นในใจ อดไม่ได้ที่จะมองอย่างปลื้มใจไปที่แฟนหนุ่มของเธอ รู้สึกภูมิใจที่แฟนหนุ่มมีเพื่อนนักเรียนที่ร้ายกาจอย่างเฉินห้าว