เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 215 แม่ยายในอนาคต
บทที่ 215 แม่ยายในอนาคต
ปู่และหลานสาววุ่นอยู่ในครัว ส่วนเฉินห้าวยืนรอเตรียมต้อนรับแขกอยู่ที่ประตู
ไม่นาน รถเบนท์ลีย์ที่โจวซีถงชอบขับก็เคลื่อนตัวเข้ามา เมื่อรถหยุดลง เฉินห้าวเดินเข้าไปช่วยเปิดประตู เขาเห็นโจวซีถงประคองแม่ลงจากรถ
คุณแม่โจวดูน่าเกรงขามและผอมกว่าเมื่อเทียบกับในรูป แต่ว่าวันนี้ดูเหมือนว่าเธอจะแต่งหน้าออกจากบ้าน ดูมีสง่าราศี เหมือนคนอายุ 46-47 ปี ดูไม่ได้แก่ขนาดนั้น
“สวัสดีครับคุณป้า” เฉินห้าวโค้งทักทาย ผู้ชายที่ไม่ว่าจะเจ๋งแค่ไหนในสังคม เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ยายในอนาคตต่างก็มีท่าทีนอบน้อมและจริงใจ
คุณแม่โจวมองเฉินห้าวตั้งแต่หัวจรดเท้า และแอบพยักหน้าในใจ เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ ด้วย
คนแก่มักจะว่าใครเป็นยังไง เฉินห้าวดูเป็นการเป็นงาน หน้าตาดูมีราศี เป็นคนที่ดูมีระดับจริงๆ
“สวัสดี” คุณแม่โจวพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเธอจึงผละแขนออกจากมือของโจวซีถง เธอต้องเข้มแข็งและเดินขึ้นบันไดด้วยตัวเอง
เฉินห้าวเห็นแล้วรู้สึกตลก ที่โจวซีถงเป็นสาวแกร่ง คงจะได้เชื้อมาจากแม่ของเธอ
ตอนนี้ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว เฉินห้าวให้คนดูแลสถานที่ไปเปิดไฟ หมู่คฤหาสน์จงหัวสว่างไสวขึ้นมาทันที แสงไฟต่างๆ และไฟ RGB หลากหลายสีสันส่องสว่างไปทั่ว
โจวซีถงกับแม่รวมถึงเฉินห้าวเดินชมลานบ้าน ที่นี่วิวสวยเหมือนเดินเล่นในสวนสาธารณะ
“คุณซื้อลานแห่งนี้เหรอ” จู่ๆ คุณแม่โจวก็ถามขึ้น
“ครับ” เฉินห้าวตอบอย่างจริงใจ
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะต้องพูดโม้ถึงราคาของที่นี่ว่าสุดยอดขนาดไหน แต่เฉินห้าวกลับไม่ชอบพูดโอ้อวด อีกอย่างแม่ของโจวซีถงเลื่อมใสในพุทธศาสนา ไม่ใช่คุณนายทั่วไป เธอจึงไม่มีความโหยหาด้านเงินทองอย่างแน่นอน
ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความคิดของเฉินห้าวถูกต้อง คุณแม่โจวไม่พูดอะไร จากนั้นก็เดินชมนกชมไม้ต่อไป เมื่อถึงคฤหาสน์หลักที่เป็นห้องสไตล์โบราณของเฉินห้าว วันนี้จะทานอาหารเย็นกันที่นี่
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง คนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกอย่างโจวซีถงรู้สึกตกใจ ที่นี่เหมาะกับการถ่ายทำละครโบราณมาก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นที่พักของเฉินห้าว เธออดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมในใจ การตกแต่งนี้ต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมาก
แต่โจวซีถงกลับไม่รู้ว่านี่คือผลงานที่เชฟสาวอย่างเซี่ยจิ้งพอใจมาก
“เชิญคุณป้านั่งก่อนครับ”
เฉินห้าวให้คุณแม่โจวนั่งตรงตำแหน่งหลักของโต๊ะแปดเซียน
เพราะว่ายังไม่ได้จ้างแม่บ้าน เฉินห้าวไปชงชาด้วยตัวเอง นำมาเสิร์ฟให้โจวซีถงและแม่ของเธอ
ชาที่ใช้ในครั้งนี้ก็คัดมาพิเศษ ชาซีหูหลงจิ่งต้นตำรับ ครึ่งกิโลกรัมราคาสองหมื่น สีของน้ำชาเป็นสีเขียวใส กลิ่นหอมฟุ้ง เป็นชาที่มีชื่อเสียงมาก
สองแม่ลูกและเฉินห้าวนั่งกันอยู่ โจวซีถงกับเฉินห้าวสื่อสารกันผ่านสายตา ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณแม่โจวคิดอะไรอยู่
จู่ๆ คุณแม่โจวก็ถามขึ้นว่า “คุณรู้จักกับถงถงมานานแค่ไหนแล้ว”
คำถามนี้ทำให้ทั้งสองคนอึ้งไป ไม่มีใครจำวันเวลาได้เลย
เฉินห้าวกำลังคิด ตอนที่เจอโจวซีถงช่วงแรก คือช่วงที่ขายโสมร้อยปีให้เธอในวันนั้น เหมือนว่าจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ทั้งสองคนกลับมีความรู้สึกดีให้กัน และเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และพัฒนาอย่างรวดเร็วจนแทบจะคิดไม่ถึง
ในที่สุดเฉินห้าวก็นับวันได้แล้ว เขาพูดออกมาว่า “21 วันครับ”
โจวซีถงได้ยินตัวเลขก็ตกใจ เราทั้งสองคนยังรู้จักกันไม่ถึงเดือนเลยเหรอ ทำไมกลับรู้สึกว่ามันนานกันนะ
“21 วัน…” คุณแม่โจวไม่ได้มีท่าทีอะไร แต่เฉินห้าวรู้สึกว่าเธอกลับไม่พอใจสักเท่าไร อาจจะเพราะเวลาที่ยังไม่นาน และเข้าใจว่าทั้งสองคนทำอะไรผลีผลามเกินไป
เฉินห้าวพูดอย่างจริงจังว่า “คุณป้าครับ ถึงผมจะรู้จักกับโจวซีถงได้ไม่นาน แต่ผมจริงใจกับเธอครับ”
คุณแม่โจวพูดขึ้นมาว่า “คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณเน้นหนักเรื่องความรักและความรู้สึก แต่คนแก่อย่างเรามองไกลกว่านั้น บางทีความรักไม่ใช่เรื่องชั่วครู่ แต่มันจะอยู่กับเราตลอดไป การใช้ชีวิตคู่ไม่ว่าจะเรื่องอะไร คุณสามารถรับประกันได้ไหมว่าเมื่อซีถงแก่ตัวลงและไม่งดงามอีกแล้ว คุณจะยังรักเธออยู่ไหม”
คำถามนี้ช่างแทงใจ แต่ว่าเฉินห้าวแน่ใจกับความคิดของตัวเองแล้ว เขารีบพยักหน้าแล้วตอบว่า “รักครับ”
“ต้องพิสูจน์จากการกระทำ แต่ฉันไม่ได้มองโลกในแง่ดี ซีถงไม่เคยมีความรัก คุณเองก็ยังเด็กมาก จะต้องเจอกับข้อผิดพลาดมากมาย”
สีหน้าและท่าทางของคุณแม่โจว แสดงให้เห็นว่าเธอไม่เห็นด้วยที่ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกัน มันเห็นได้ชัดเป็นอย่างมาก
“แม่!”
โจวซีถงไม่พอใจเล็กน้อย เธออยากอธิบาย แต่คุณแม่โจวโบกมือห้ามเอาไว้ “เธอเป็นลูกสาวของฉัน ฉันรู้จักนิสัยของเธอดี ให้ตายยังไงเธอก็ไม่ฟังที่ฉันพูดอยู่ดี แต่ฉันแสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว หวังว่าพวกเธอจะรักษาระยะห่างของกันและกัน พวกเธอไม่เหมาะสมกัน”
เฉินห้าวขมวดคิ้ว ทำไมอยู่ดีๆ คุณแม่ยายในอนาคตก็ทำให้เสียบรรยากาศ และยังมาสร้างอุปสรรคด้านความรักให้เขาอีก
เฉินห้าวห้ามไม่ให้โจวซีถงทะเลาะกับแม่ ทะเลาะกันตอนนี้ คุณแม่โจวไม่โทษลูกสาวของตัวเองหรอก คงจะมาลงกับเขานี่แหละ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้คืออารมณ์ที่นิ่งสงบ
เฉินห้าวพูดว่า “ไม่เป็นไรครับคุณป้า วันนี้ถือว่ามาเป็นแขกที่บ้านของผม พวกเราไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เรามาพูดเรื่องอาหารกันดีกว่า วันนี้ผมตั้งใจเชิญเชฟจากข้างนอกมาทำอาหารเจให้ทาน หวังว่าคุณป้าจะชอบ”
“ฉันไม่ค่อยชอบทานอะไรสักเท่าไร ไม่ทานแล้วล่ะ เดินชมบ้านของคุณแล้ว งั้นขอลาเลยแล้วกัน”
คุณแม่โจวลุกขึ้นยืนเพื่อจะกลับ นี่คือจังหวะของการตัดขาดบุญคุณ มิตรภาพ ระหว่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าเกิดให้เป็นอย่างนี้จะต้องยุ่งแน่นอน เฉินห้าวรีบส่งสายตาให้โจวซีถง เพื่อให้รั้งแม่เอาไว้
“แม่ มาแล้วกลับไปแบบนี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีมารยาทนะคะ แม่สอนให้หนูปฏิบัติกับคนอื่นอย่างโอบอ้อมอารีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมแม่ถึงทำแบบนี้ เฉินห้าวเพิ่งช่วยหนูตอนที่ประชุมคณะกรรมการ ไม่งั้นหนูคงโดนอวี๋หงและคนอื่นกลั่นแกล้งไปแล้ว แม่จะให้หนูทำกับเพื่อนแบบนี้เหรอ”
คำพูดของโจวซีถงทำให้คุณแม่โจวชะงักฝีเท้าลง เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนั่งลงเพื่อเตรียมทานข้าว
เฉินห้าวถอนหายใจเฮือก ตอนนี้คนอื่นต่างอ้อนวอนเพื่อที่จะได้ทานข้าวกับเขา แต่ตอนนี้เขากลับอ้อนวอนคุณแม่โจวให้ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ใครใช้ให้เธอเป็นแม่ของโจวซีถงกันล่ะ หวังว่าอาหารเจมื้อนี้จะพลิกสถานการณ์ได้ และสามารถส่งเสริมความสัมพันธ์ของลูกเขยกับแม่ยายได้