เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 361 ต่อสู้กลัวเจอคนหนุ่ม
“ฮึ่ม!”
บอดี้การ์ดคนนี้ส่งเสียงให้กำลังใจตัวเอง จากนั้นก็หมุนตัว ใช้ประโยชน์จากการหมุนตัวยกขาขึ้นเตะ
การจู่โจมครั้งนี้แฉลบเป็นแนวราบ เฉินห้าวไม่สะดวกที่จะหลบ จึงทำได้แค่ปะทะหรือไม่ก็ต้องเล็งเข้าจุดสำคัญของอีกฝ่าย
เฉินห้าวได้ปรับเข้าสู่วิชาท่าเสือแล้ว ตัดสินใจที่จะใช้วิชาท่าเสือที่ถนัดที่สุดมาต่อสู้กับศัตรู
เขาไม่ลนลานสักนิด เลือกใช้กระบวนท่าตามสถานการณ์ นั่นก็คือเสือร้ายล่าเหยื่อ มีท่าทางของเสือร้ายล่าเหยื่อ กระโดดออกไป สองหมัดแผ่ออกไปต่อยเข้าที่หน้าผากและลำคอของบอดี้การ์ด
สองตำแหน่งนี้ล้วนเป็นจุดอ่อนของร่างกายคน เพียงแค่ต่อยโดนตำแหน่งเดียว ก็จะได้เปรียบอย่างมาก
“กระบวนท่าของเขาเหมือนเสือมาก หรือว่าเป็นทายาทของหมัดเสือ? แต่ก็เหมือนจะไม่เคยได้ยินกระบวนท่าหมัดแบบนี้!”
ในใจของบอดี้การ์ดมีความคิดหนึ่งผุดออกมา แต่ความเป็นจริงไม่ปล่อยให้เขาคิดอย่างอื่น กระบวนท่าที่ใช้ขาของเขานั้นใช้ไปหมดแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่เพียงคาดหวังสองแขนของเขาแล้ว สองแขนของเขานั้นเบ่งแรงออกจากภายในเพื่อมาบังหมัดของเฉินห้าว
“ปึงๆ!”
เสียงดังสองที บอดี้การ์ดรู้สึกเพียงแค่ว่าแขนสองข้างเหมือนถูกไม้ฟาด ในขณะเดียวกับที่เจ็บปวดก็มีแรงดันเข้ามา ทำให้เขาที่เดิมทีก็ทรงตัวไม่มั่นคงอยู่แล้วถึงกับถอยไปสองก้าว ชนเข้ากับรถที่อยู่ด้านข้าง
เสียงดังขึ้นอีกทีหนึ่ง บอดี้การ์ดวัยกลางคนแสดงสีหน้าเจ็บปวด แผ่นหลังเองก็เจ็บอย่างมาก เมื่อเขาขยับออกจากรถ สภาพภายนอกรถถึงกับมีรอยบุบเป็นร่างคน เห็นได้ถึงพลังสองหมัดนี้ของเฉินห้าว
“กำลังมหาศาลมาก นายเป็นใครกันแน่?”
บอดี้การ์ดลูบหมัดอย่างเจ็บปวด เพื่อบรรเทาอาการชาของมือ และถามอย่างตื่นตกใจ
“ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น”
ในตอนที่เฉินห้าวตอบเขาก็รู้สึกว่าสองกระบวนท่านี้นั้นน่าภูมิใจมาก เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาอย่างมาก ดูแล้วจะต้องหายอดฝีมือมาปะทะด้วยจริงๆนั่นแหละ คนธรรมดาถ้าโดนหมัดของเขาสองหมัด คงจะนอนกระดูกหักบนพื้นแล้ว แต่บอดี้การ์ดคนนี้แค่รู้สึกไม่ดีเพียงบางจุด มีความแข็งแกร่งพอที่จะต้านทาน และยังทำให้เฉินห้าวมีแรงกดดันได้ เฉินห้าวชอบการต่อสู้ที่มีความท้าทายแบบนี้
บอดี้การ์ดวัยกลางคนเห็นว่าเฉินห้าวไม่ยอมบอกตัวตนจึงไม่ถามต่อ เขาหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆขยับตัววนรอบเฉินห้าว เพื่อหาจุดบกพร่อง
ตอนนี้เฉินห้าวอยากจะทำการต่อสู้อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มการจู่โจมก่อน ครั้งนี้ใช้กระบวนท่าคลาสสิคฝ่ามือเสือควักใจ พุ่งเข้าไปใส่หัวใจของอีกฝ่าย
บอดี้การ์ดวัยกลางคนเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบตั้งท่ารับการต่อสู้ แต่เมื่อคำนึงถึงกำลังของเฉินห้าว เขาจึงใช้วิธีที่แยบยล คล้ายกับวิธีการใช้พลังที่น้อยกว่าเพื่อจะเอาชนะ ถ้าหากว่าใช้แรงปะทะแรง จะต้องเป็นเขาที่เสียเปรียบแน่นอน
จังหวะชั่วพริบตาเท่านั้น หมัดของเฉินห้าวไม่โดนก็รีบเปลี่ยนกระบวนท่า กระบวนท่าโอ้หู่ฉางหลงและหลงเจิงหู่โต้วในวิชาท่าเสือก็เอาออกมาใช้ และไม่ทำตามลำดับที่มีกำหนดไว้ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนใช้ตามสถานการณ์จริง ยังไงก็ทำให้บอดี้การ์ดวัยกลางคนเป็นทุกข์อย่างไม่ปกติ
บอดี้การ์ดวัยกลางคนยิ่งสู้ยิ่งตกใจ กระบวนท่าของเฉินห้าวมั่นใจแล้วว่าเป็นการเลียนแบบเสือ น่าจะเป็นสักอย่างในหมัดเสือ และการเคลื่อนไหวกระบวนท่าก็ไม่ซับซ้อน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็แค่กระบวนท่าพวกนั้นที่ดัดแปลง แต่ก็ไม่สามารถทำลายได้
ศิลปะการต่อสู้ที่มีในโลก มีเพียงความเร็วและกำลังที่ไม่สามารถทำลายได้ เฉินห้าวล้วนมีทั้งสองอย่าง
บอดี้การ์ดวัยกลางคนคุ้นเคยกับกระบวนท่าของเฉินห้าวแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหาโอกาสที่จะทำการโจมตีกลับได้ กลับกันที่ถูกการกดดันของเฉินห้าวนั้นทำเอาต้องถดถอยพ่ายแพ้ และในขณะเดียวกันแขนขาที่ถูกปะทะนั้นเจ็บปวดเป็นอย่างมาก คาดว่าคงจะเขียวช้ำไปหมดแล้ว กลับไปจะต้องทาน้ำมันแดงแล้ว
ต่อสู้กลัวเจอคนหนุ่มนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เฉินห้าวอยู่ในวัยที่รุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิต แต่บอดี้การ์ดวัยกลางคนนั้นกำลังถดถอยลง จุดนี้เองก็ได้เปรียบ
“สะใจ!”
เฉินห้าวสู้จนสนุกสนานมาก เขาได้เปรียบอยู่ตลอด จะต้องสะใจอยู่แล้ว นี่ทำเอาบอดี้การ์ดลำบากเลย
ตั้งแต่ที่เขาฝึกฝนเสร็จและออกจากเขา ก็ไม่เคยได้มีการต่อสู้ที่น่าหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน ทั้งๆที่รู้ว่าเฉินห้าวจะใช้กระบวนท่าไหน แต่ก็ห้ามไม่อยู่ ทุกครั้งที่ตัวเขาเองใช้กำลังปะทะกับเฉินห้าวก็จะถูกแรงมหาศาลทำเอาถดถอย ไม่รู้ว่าทำไมเฉินห้าวถึงได้มีกำลังมหาศาลขนาดนี้
ถูกกดขี่ในทุกๆด้านนั้นไม่มีวิธีจะต่อสู้ได้เลย
การไม่ได้ทำกการโจมตีที่ว่า ทำเอาบอดี้การ์ดวัยกลางคนพ่ายแพ้ให้กับวิชาท่าเสือที่เก่งกาจของเฉินห้าว เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย เขาใช้การเตะขาออกไป แต่ว่าเฉินห้าวใช้หลงเซียงหู่ปู้ จึงสามารถหลบการโจมตีของเขาและอ้อมอยู่ที่ข้างตัวเขาในทันที และใช้หมัดต่อยเข้าไปที่ไหล่ของเขา
“ปัก!”
ความโหดร้ายในครั้งนี้ทำเอาบอดี้การ์ดวัยกลางคนถึงกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เซถอยหลังไปหลายก้าวแล้วล้มนั่งลงกับพื้น ไหล่ขวาของเขาเจ็บมาก รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อและข้อต่อล้วนได้รับบาดเจ็บ แค่ขยับก็เจ็บสุดๆ แขนข้างนี้คงจะใช้งานไม่ได้ไปชั่วคราวแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแขนซ้ายที่ยังดีอยู่
ทุกๆด้านของบอดี้การ์ดวัยกลางคนล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินห้าว แล้วถ้าตอนนี้ยังจะสู้ต่อ ก็จะมีแต่ถูกทำร้ายอย่างเดียว
“ฉันยอมแพ้!”
บอดี้การ์ดวัยกลางคนก้มหัวอย่างเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ไหล่นั้นเป็นรอง ที่สำคัญคือพ่ายแพ้ให้กับคนหนุ่มต่อหน้าคนมากมาย ทำเอาเขาสงสัยในตัวเองที่ฝึกฝนวิชามาสามสิบปีนั้นเปล่าประโยชน์
“เหี้ย เถ้าแก่เฉินยังเป็นศิลปะการต่อสู้ด้วย เก่งขนาดนี้เชียวหรอ?”
“ไอดอลเลย ทั้งรวยทั้งต่อสู้เก่ง ฉันขอไหว้ครูได้มั้ย?”
ทหารหนุ่มกลุ่มหนึ่งของอำเภอลี่ทงต่างก็ตะโกนโหวกเหวก ส่งเสียงดัง
ในตอนนี้ ทุกคนที่ใส่ชุดทหารอุปกรณ์ครบชุดต่างก็มองเฉินห้าวด้วยสายตานับถือ