เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 383 คุณพ่อป่วยหนัก
โจวซีถงเห็นจูหมิ่นที่แต่งตัวเรียบร้อยก็พูดว่า “ผู้สื่อข่าวจูหมิ่นสวยมากเลย แล้วยังเก่งด้วย”
เฉินห้าวรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี นี่เป็นคำถามที่อันตราย ดังนั้นจึงพูดว่า “แต่ก็ไม่สวยเท่าถงถง”
“ใช่หรอ?” โจวซีถงถามกลับ
“แน่นอน เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก!”
เฉินห้าวไม่เก็บคำชมไว้เลยสักนิด ยังไงซะเรื่องการพูดชมคู่รักทำๆไปก็โอเคแล้ว เลี่ยนยังไงทำอย่างนั้น จะต้องได้รับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงแน่นอน
และก็ใช่ สีหน้าเคร่งเครียดของโจวซีถงตอนนี้คลายออกแล้ว ความอันตรายหายลับไป
เฉินห้าวเล็งริมฝีปากแดงของโจวซีถงแล้วขยับเข้าไป อยากจะจู๋จี๋สักหน่อย ปรากฏว่าโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
“ชู่!”
โจวซีถงวางนิ้วชี้ไว้ที่ริมฝีปาก แสดงออกว่าให้เงียบ จากนั้นก็รับสาย
“สวัสดีค่ะคุณหมอหลี่”
โจวซีถงพูดไปแค่ประโยคเดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ตอบรับ “ค่ะ” อยู่ไม่กี่คำแล้วก็วางสายไป
“ทำไมหรอ?” เฉินห้าวถาม
“พ่อฉันอาการหนัก ฉันต้องรีบไปที่โรงพยาบาล”
โจวซีถงไม่ทันเอากระเป๋าด้วยซ้ำ แล้วก็ออกไปอย่างเร่งรีบ
เฉินห้าวช่วยเธอเอากระเป๋า แล้วออกไปกับเธอ
ถึงแม้ตัวเขาและโจวซีถงจะยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ แต่ว่าพ่อของเธอป่วยหนัก เขาที่เป็นว่าที่ลูกเขย ก็จำเป็นต้องไปด้วยกัน
โจวซีถงรู้สึกไม่ดี เฉินห้าวจึงเสนอตัวเป็นคนขับรถ พาเธอไปที่โรงพยาบาล
ระหว่างทาง โจวซีถงไม่พูดอะไรสักคำ นั่งเหม่อนิ่งอยู่ตรงที่นั่งอย่างเดียว
เฉินห้าวดูแล้วก็รู้สึกแย่ แต่ว่าตอนนี้ปลอบอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ รู้เพียงแค่ว่าโจวซีถงอาศัยอยู่กับคุณแม่ และก็พูดถึงบ่อยครั้ง แต่ว่าได้ยินเธอพูดถึงคุณพ่อน้อยมากๆ
เฉินห้าวอยากจะรู้ถึงรายละเอียดก่อนไปเจอพ่อของโจวซีถง จึงถามว่า “ต้องเอาพวกโสมอะไรพวกนี้มั้ย ฉันเตรียมตอนนี้”
โจวซีถงส่ายหัว “ไม่ต้อง พ่อของฉันไม่เชื่อแพทย์แผนจีน ใช้การรักษาแบบแผนปัจจุบันมาโดยตลอด”
“คุณลุงเป็นโรคอะไร?” เฉินห้าวถาม
“ลิ่มเลือดอุดตันในสมอง โรคหัวใจ โรคแทรกซ้อนมากมาย” โจวซีถงพูด
จากปฏิกิริยาของโจวซีถง เฉินห้าวรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกนั้นไม่ดีเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่พ่อแม่ของเธอแกล้งทำเป็นรักกัน
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมือง ทั้งสองก็ลงรถ เดินเข้าไปด้วยกันอย่างเร็ว
เมื่อมาถึงด้านนอกห้องผ่าตัด ก็เห็นว่าด้านนอกมีญาติพี่น้องสิบกว่าคนรออยู่แล้ว ต่างก็มาเพราะได้ยินข่าว แต่โจวซีถงที่เป็นลูกสาวกลับมาช้า
เฉินห้าวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ แจ้งให้ลูกสาวมา ควรจะเป็นญาติที่เป็นคนแจ้งไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเป็นคุณหมอที่โทรมา และท่าทางของญาติพวกนี้ก็ดูไม่ปกติอย่างเห็นได้ชัด
“คุณอา คุณลุง…..”
โจวซีถงเข้าไปทักทายญาติ ล้วนเป็นญาติฝั่งพ่อ
พูดแล้วก็แปลก ผู้ใหญ่พวกนี้ไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นมิตรต่อโจวซีถง แต่กลับเย็นชามาก บางคนไม่ตอบรับด้วยซ้ำ นี่มันเย็นชายิ่งกว่าคนแปลกหน้าซะอีก
“ความสัมพันธ์ระหว่างญาติแย่ขนาดนี้เชียวหรอ?” ในใจเฉินห้าวเกิดคำถามขึ้น
ไม่นาน คุณหมอออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกคนรีบเข้าไปล้อมเพื่อสอบถาม
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ รอยาชาหมดก็สามารถออกมาได้แล้ว แต่ว่าคนไข้อ่อนแรงมาก อย่าพูดคุยกับเขานะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหมอ ทุกคนต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
โจวซีถงถูกรังเกียจจากญาติพี่น้องอย่างเห็นได้ชัด เธอถูกเบียดไว้นอกวง ดูไร้ที่พึ่งมาก และก็ไม่มีคนเข้าไปคุยกับเธอก่อน
เฉินห้าวยืนอยู่ด้านข้าง อยากจะจับมือเธอเพื่อปลอบโยน โจวซีถงกลับส่ายหัวเบาๆ แสดงออกว่าอย่าทำแบบนี้ บางที การที่เธอไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ก็อาจมีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวพวกนี้
ไม่นาน ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก คุณพ่อโจวถูกเข็นออกมา
เฉินห้าวเจอพ่อของโจวซีถงเป็นครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หน้าตาของท่านดูแก่ น่าจะอายุประมาณ 60-70 ปี เฉินห้าวเริ่มเข้าใจแล้ว โจวซีถงน่าจะเป็นประเภทได้ลูกสาวตอนแก่ ตามหลักแล้วน่าจะต้องได้รับการโอ๋เอาใจถึงจะถูกสิ แต่ว่ากลับไม่เป็นไปตามที่ควรเป็นเลย
“ให้ฉันเข้าไปหน่อย ฉันจะดูพ่อของฉัน” โจวซีถงอยากจะเบียดเข้าไป แต่ว่ารอบเตียงคนไข้ถูกล้อมไว้เต็ม แต่แรงของเธอคนเดียว เบียดไม่เข้าสักนิด
เฉินห้าวรู้สึกโกรธ จะมีปัญหากันระหว่างญาติพี่น้องยังไงก็ไม่ควรทำแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงเบียดเข้าไป แล้วเปิดทางให้โจวซีถง เธอถึงเข้าไปได้ แล้วจับมือของคุณพ่อไว้
พวกญาติคนที่ถูกเบียดออกสีหน้าไม่พอใจ ถามเฉินห้าวอย่างโมโหว่า “นายเป็นใคร?”
“ผมคือเพื่อนของโจวซีถงครับ” เฉินห้าวพูด
“เพื่อนจากไหน ไปไกลๆ ทำไมไม่รู้จักกาลเทศะเลย!” มีป้าวัยกลางคนๆหนึ่งจะทะเลาะกับเฉินห้าว
เฉินห้าวมองเธอด้วยสายตาเย็นชา อำนาจแผ่ออกมา ทำเอาป้าคนนี้เงียบไปทันที และด่าคำหยาบไม่ออกเลย
โจวซีถงพูดเสียงเบาว่า “เงียบให้หมด คุณพ่อต้องพักผ่อน”
พวกญาติพี่น้องถึงได้หยุดทะเลาะอย่างไม่พอใจ
ในตอนนี้มีชายหนุ่มชุดสูทคนหนึ่งเดินมาจากไกลที่โถงทางเดิน อายุน่าจะประมาณ 21-22 ปี หน้าตาธรรมดา แต่การแต่งตัวกลับเป็นแบรนด์เนมทั้งตัว และมีท่าทางติดเล่นอยู่ เวลาเดินก็ไม่เรียบร้อย
“คุณชายมาแล้ว!”
ไม่คิดเลยว่าพกญาติกลุ่มนี้จะกรูเข้าไปล้อมในทันที ถามสารทุกข์สุกดิบต่อชายหนุ่ม ท่าทางการต้อนรับแตกต่างกับโจวซีถงอย่างสิ้นเชิง
“พ่อผมไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ชายหนุ่มคนนั้นถามอย่างไม่สนใจ
“ไม่เป็นไร แต่ต้องพักผ่อน” ญาติคนหนึ่งตอบ
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วก็ไปรับหน้าที่เข็นเตียงต่อ กะว่าจะเข็นกลับเข้าห้องพัก และนี่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับเฉินห้าวและโจวซีถง