เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 43 โจวซีถงลงมือ
บทที่ 43 โจวซีถงลงมือ
สองคนกินข้าวกันต่อไป แต่เฉินห้าวสังเกตว่า เซี่ยจิ้งได้จ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มตลอด
เฉินห้าวก็เลยเคาะโต๊ะด้วยมือ:“เฮ้ จ้องไปที่ผักสิ เธอกินข้าวแล้วจะมาจ้องที่ผมทำไม ผมกินได้ที่ไหน”
“นายมีแฟนหรือยัง?”จู่ๆเธอก็ถามขึ้น
“ไม่มี ทำไมเหรอ?”
“งั้นนายมาเป็นแฟนฉันได้ละ?”เซี่ยจิ้งได้พูดออกมาให้อีกฝั่งตกใจ
เฉินห้าวกำลังดื่มซุปอยู่ หลังได้ยินคำพูดนี้แล้วน้ำซุปเกือบกระเด็นออกมา เขาเลยเช็ดๆมุมปาก พูดอย่างไม่สบอารมณ์:“ผมว่า เราเพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงเอง?แค่นี้ก็สามารถคบหาเป็นเพื่อนได้แล้วเหรอ?”
“แล้วมันยังไงล่ะ?อย่างเช่นพระนางเอกของเรื่องไททานิค พวกเขายังเป็นรักแรกพบเลย หนังฉายไปไม่ถึงสองชั่วโมงก็เล่นด้วยกันบนเตียงแล้ว ”เซี่ยจิ้งได้อธิบายถึงเหตุผลบ้าๆนี้
“ขอโทษนะ ผมไม่มีความคิดนี้ ความรู้สึกนั้นมันต้องเป็นการสะสมออกมา ”
เฉินห้าวได้ปฏิเสธคำขอของเซี่ยจิ้งไป ถึงแม้ว่ารูปร่างของเซี่ยจิ้งก็ไม่เลว หุ่นนี่ยิ่งชวนคนหลงใหล แต่สิ่งที่เฉินห้าวมีให้กับเซี่ยจิ้งนั้นไม่มากไปกว่าการชื่นชม เขาไม่ใช่คนสุรุ่ยสุร่าย ที่จะเห็นผู้หญิงสวยแล้วก็จะมีความรักกันได้
“ให้โอกาสยังไม่รู้จักคว้าอีก หัวโบราณจริงๆ ”
เซี่ยจิ้งหมดอารมณ์ลงทันที สุดท้ายก็เริ่มกินอาหารซะที
หลังกินเสร็จ เซี่ยจิ้งจ่ายเงินแล้ว เขาทั้งสองได้เดินออกจากร้านอาหาร
เพิ่งออกจากร้านอาหาร ก็สังเกตได้ว่าข้างทางมีรถตำรวจขับมาจอดคันหนึ่ง มีตำรวจลงจากรถมาสี่นาย พอเห็นเฉินห้าวก็พุ่งไปทางเขาทันที และก็แสดงบัตรออกมา
“นายคือเฉินห้าวหรือเปล่า?”ตำรวจนายหนึ่งถามขึ้น
“ใช่ครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ตำรวจกล่าวว่า:“นายเข้าข่ายคดีทำร้ายผู้อื่น เชิญที่โรงพักด้วยครับ ”
เฉินห้าวเข้าใจทันทีเลย ต้องเป็นเรื่องที่ต่อยกับเจิ้งตงแน่ ไอ้นักเลงพวกนี้กล้าไปแจ้งความกับตำรวจก่อน
นักเลงสมัยนี้ไม่ได้น่ากลัว กลัวก็กลัวแค่ว่านักเลงไม่มีวัฒนธรรม พวกเขาเจอคนซื่อก็มักคนเยอะรังแกคนน้อย หากเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าก็เล่นกฎหมาย เป็นเรื่องยากจริงๆเลย
อันที่จริงเฉินห้าวสามารถหลุดพ้นจากตำรวจอย่างง่ายดาย แต่ยังไงซะพวกเขาก็เป็นผู้ที่รับใช้ประชาชน เรื่องนี้ก็ต้องไปคุยให้รู้เรื่อง ดังนั้นเขาจึงขึ้นรถตำรวจไปกับตำรวจ ส่วนเซี่ยจิ้งก็เข้าข่ายเหมือนกัน ก็ไปโรงพักพร้อมกันเลย
อยู่บนรถตำรวจนั้น เซี่ยจิ้งได้พูดเบาๆกับเฉินห้าวว่า:“นายโยนเรื่องนี้ให้ฉันเลย พวกเขาไม่กล้าทำไรฉันหรอก ไอ้หัวหน้านักเลงนั้นทำมิดีมิร้ายกับฉันก่อน ”
“ไม่เป็นไร ผมสามารถจัดการได้ ”เฉินห้าวตอบแบบนิ่งๆ
พอถึงโรงพัก ก็มีตำรวจมาสอบสวนเฉินห้าวกับเซี่ยจิ้ง กล่าวว่ารวมเจิ้งตงทั้งหมด14คนได้รับบาดเจ็บในระดับต่างกัน เข้าข่ายการทำร้ายคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บ ต้องควบคุมตัวเฉินห้าวไว้
เฉินห้าวได้อธิบายว่า:“คุณตำรวจครับ พวกคุณเข้าใจไรผิดหรือเปล่า?เป็นพวกเขาที่ใช้อาวุธโจมตีผมก่อน ผมก็แค่ป้องกันตัวเอง หากเป็นอย่างที่คุณว่า ผมคนเดียวได้ทำร้ายพวกเขา14คนงั้นเหรอ?”
ตำรวจเงียบไปซะพัก แล้วพูดขึ้นทันทีว่า:“เจิ้งตงได้กล่าวว่า นายตัวคนเดียวมือถือท่อนไม้ ได้ข่มขู่และต่อยตีพวกเขาอย่างหนัก พวกเขาเลือกที่จะอดทนและไม่ได้ตอบโต้กลับ ใครจะไปรู้ว่านายยิ่งต่อยยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บจนคนต่อคน ”
ทีนี้เป็นเฉินห้าวเองที่ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่คิดเลยว่าบนโลกนี้ยังมีคนหน้าด้านแบบนี้อยู่ สามารถพูดดำให้เป็นขาวได้ เจิ้งตงผู้กระทำกลับกลายเป็นผู้ถูกกระทำซะงั้น
“คุณสหายตำรวจคะ พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้กระทำ ไอ้หัวหน้านั้นจะลวนลามฉัน บอกว่าจะทำฉันอย่างนั้นก่อนแล้วอย่างนั้นต่อ เฉินห้าวแค่จะปกป้องฉันเท่านั้น ถึงได้โจมตีกลับไป ไม่เชื่อก็ดูคลิปได้เลยค่ะ ”
เซี่ยจิ้งก็ได้เอาคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ออกมาเปิดให้ดู เห็นภาพในนั้นเป็นเจิ้งตงกับพรรคพวกแท้ๆ ที่มือถือท่อนไม้ไล่ล่าล้อมสกัดกั้นเฉินห้าวไว้ ท้ายสุดโดนเฉินห้าวจัดการเรียบ และนี่ก็ไม่ตรงกับคำพูดของเจิ้งตงเลยแม้แต่นิด
อันที่จริงตำรวจก็รู้อยู่แก่ใจดี เจิ้งตงมีพฤติกรรมที่ไม่ดี มีบัญชีดำอยู่ที่ตำรวจอยู่แล้ว ในเมื่อฝั่งเซี่ยจิ้งมีคลิปวิดีโองานนี้มันก็ง่ายขึ้นมาหน่อย ต่อมาพวกเขาได้เข้าไปถามเจิ้งตงและคนอื่นๆ สุดท้ายก็ยืนยัน เจิ้งตงเคยพูดจาล่วงเกินเซี่ยจิ้ง
งั้นตอนนี้เนื้อความได้เปลี่ยนไป เจิ้งตงกับพรรคพวกจะก่ออาชญากรรมกับเซี่ยจิ้งในกลางวันแสกๆ จากนั้นเฉินห้าวถึงได้มีการจู่โจมกลับ สถานการณ์พลิกกลับอย่างกะทันหัน
ระหว่างที่เฉินห้าวยังคงรอผลสรุปที่โรงพักอยู่ จู่ๆก็ได้มีสายเรียกเข้าจากโจวซีถง
“ได้ข่าวว่านายไปต่อยเจิ้งตงใช่เปล่า?”โจวซีถงได้ถามขึ้น
“ใช่ จากนั้นมันก็ได้ฟ้องผม”เฉินห้าวตอบ
“ได้ฉันรู้ละ อีกซะพักนายก็ไม่เป็นไรละ คราวนี้เจิ้งตงล้มเหลวละ”โจวซีถงได้วางสายไป
จากบทสนทนาเพียงสั้นๆเฉินห้าวได้รู้ถึงข้อมูลสำคัญ โจวซีถงต้องลงมือแน่ บางทีเธออาจรำคาญคางคกตัวนี้ที่อยากกินเนื้อหงส์ แต่ก็ไม่สะดวกลงมือจัดการ ครั้งนี้เฉินห้าวได้สร้างโอกาสครั้งหนึ่ง จากนั้นโจวซีถงก็จะได้เล่นไปตามน้ำ ไปจัดการกับเจิ้งตง
เฉินห้าวก็ไม่ได้กังวลอีกต่อไป แต่กลับไปปลอบเซี่ยจิ้ง ให้เธอนั้นไม่ต้องเป็นกังวลมาก
สุดท้าย สิบกว่านาทีหลังจากนี้ ตำรวจได้แจ้งเฉินห้าวให้กลับไปได้ละ พฤติกรรมครั้งนี้ของเขาได้บ่งบอกว่าเป็นผู้กล้าหาญที่ไปช่วยผู้อ่อนแอ ไม่เพียงแต่ไม่มีไรเกิดขึ้น ภายหลังยังจะมีรางวัลและเกียรติบัตรมอบให้อีก มองย้อนกลับไปที่เจิ้งตง ถูกนำตัวเข้าห้องขังไปแล้ว และยังถูกตราหน้าว่าเป็นเป็นแก๊งค์ไอ้ดำที่มีอำนาจ คงต้องอยู่ในห้องขังอีกหลายปี
“อย่างนี้สิถึงจะถูก”เซี่ยจิ้งชื่นชมการกระทำของตำรวจ ที่จริงเฉินห้าวรู้อยู่แก่ใจดี ว่านี่เป็นผลที่โจวซีถงจัดการอยู่เบื้องหลัง ไม่งั้นคงไม่ตัดสินคดีได้เร็วขนาดนี้แน่
จากที่ดูๆแล้ว เบื้องหลังโจวซีถงมีอำนาจที่ใหญ่มาก เป็นนักธุรกิจหญิงที่เป็นทายาทบริษัทดัง1ใน500 มันไม่ได้เล่นๆเลยนะ ออกจากโรงพัก เซี่ยจิ้งก็หมดอารมณ์ที่จะเดินเที่ยวต่อ เฉินห้าวก็เลยส่งเธอกลับบ้าน
ที่แท้รู้ว่าเซี่ยจิ้งพักอยู่ที่โรงแรม แล้วก็พักมาเป็นเดือนกว่าแล้ว นับว่าโรงแรมเป็นบ้านแล้วจริงๆ