เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 63 เจรจาจนหัวเสีย
บทที่ 63 เจรจาจนหัวเสีย
เจิ้งเจี้ยนกั๋วไม่ใช่คนนิสัยดีอะไร ตั้งแต่วัยรุ่นเขาก็เป็นพวกนักเลงของเมืองไป๋เหอ มั้งทำร้ายและฆ่าคนมาเยอะ เพราะใช้เส้นสายถึงได้ปิดบังมาได้ จนทุกวันนี้เขาแก่ขึ้นแล้วก็ยังนิสัยเหมือนเดิม ถ้าหากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูกชายเขา บางทีเขาอาจจะให้ลูกน้องตีเขาจนปางตายถึงจะพามาหาก็ได้
ในวันนี้เฉินห้าวไม่ให้ความร่วมมือ เจิ้งเจี้ยนกั๋วก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป และพูดด้วยความน่ากลัวว่า “ได้ อย่าตีมันจนตายละ เหลือลมหายใจไว้ให้มันหน่อย”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ก็มีลูกน้องสักลายสองคนกำหมัดพุ่งเข้าใส่คนละข้าง
เฉินห้าวมองดูแล้วก็ยกมือขึ้นจับหมัดของลูกน้องสองคนนั้นไว้หลังจากนั้นก็ใช้แรงหมุนไปทีหนึ่ง ลูกน้องสักลายสองคนนั้นก็เจ็บจนถึงกับคุกเข่าลง ข้อมือถูกจับไว้ ทรมานจนไม่สามารถจะต่อต้านได้
ลูกน้องอีกสองคนมองดูแล้วก็พุ่งเข้ามาช่วยเหลือ
เฉินห้าวยกตีนขึ้นถีบทิ้งไปคนหนึ่ง ถึงกับลอยถอยหลังไปชนกับกำแพงแล้วก็สลบไปเลย ลูกน้องอีกคนเห็นว่าเฉินห้าวแข็งแกร่งมาก ก็ไปหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะโยนใส่เขา
เฉินห้าวเองก็ขี้เกียจหลบจึงได้ถีบลูกน้องที่จับไว้ข้างขวามาบัง สุดท้ายคนที่โยนขวดเหล้าหยุดมือไม่ทันก็เลยโยนโดนหัวของพวกเดียวกัน
“เพล้ง! ”
ขวดเหล้าแตกกระจายไปทั่ว ลูกน้องคนนั้นตาเหลือก ที่หัวมีเลือดออกท่วมแล้วก็สลบไป
“เฮ้ คนของพวกแกเป็นคนทำเอง ไม่เกี่ยวกับฉันนะ” เฉินห้าวพูด
ตอนนี้ เจิ้งเจี้ยนกั๋วนึกถึงคำพูดของลูกชายที่พูดกับเขาว่าเฉินห้าวต่อสู้เก่งมาก แค่คนเดียวก็สามารถต่อกรกับพวกเขาเป็นสิบคน ในตอนแรกเจิ้งเจี้ยนกั๋วไม่เชื่อ คิดว่าลูกน้องที่ลูกชายเลือกมานั้นไม่มีความสามารถ แต่ดูแล้วตอนนี้เขาคิดผิดมหันต์ เฉินห้าวไม่เพียงแค่ต่อสู้ได้ แต่ต่อสู้เก่งมากด้วย แค่เพียงออกแรง ลูกน้องสามคนของเขาก็ล้มลง แล้วยังมีอีกคนที่ถือขวดเหล้าไว้โดยที่ไม่รู้ต้องทำยังไง
เฉินห้าวเพียงแค่กระดิกมือก็ทำให้ลูกน้องที่ถูกจับไว้ข้างซ้ายสลบลง แล้วหันมาพูดกับเจิ้งเจี้ยนกั๋วว่า “ฉันแค่เห็นว่าแกอายุเยอะแล้วเลยคุยกับแกดีๆ ไม่งั้นแกคงจะเหมือนกับพวกนี้ที่นอนสลบอยู่บนพื้น จำไว้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่งั้นแกเจอดีแน่!”
เฉินห้าวพูดจบก็ทำเพียงแค่ทิ้งรอยยิ้มเย็นชาไว้แล้วหันหลังเดินออกไป
เจิ้งเจี้ยนกั๋วมีความโมโหอยู่เต็มอก เขาคุมเมืองนี้มา 30 กว่าปี ยังไม่เคยต้องรับความอับอายเท่านี้มาก่อน จากนั้นเขาเลยส่งสายตาให้กับลูกน้องอีกคนของเขาว่า “ต้องฆ่า” ออกไป ลูกน้องรับคำสั่งแล้วดึงกริชบนโต๊ะออกมา ลอบแทงข้างหลัง
หลังจากที่เฉินห้าวกินยาเสริมเข้าไป การรับรู้ทางร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน คล้ายกับว่ามีดวงตาอยู่ข้างหลัง นับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าข้างหลังมีคน เฉินห้าวหันหลังจับข้อมือคนนั้นไว้ แรงมหาศาลทำให้อีกฝ่ายเจ็บจนกริชหลุดออกจากมือ
เฉินห้าวไม่ให้เวลาอีกฝ่ายได้ตอบสนอง เตะเข้าไปหนึ่งที ลูกน้องคนสุดท้ายก็กระเด็นไปชนกับโต๊ะชา สิ่งของบนโต๊ะกระจัดกระจาย สถานที่ตรงหน้าเละเทะไปหมด
“ฉันบอกแล้วไง ทำไมถึงได้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาละ”
เฉินห้าวพูดเสียงแข็ง เจิ้งเจี้ยนกั๋วแก่แล้ว คงไม่รู้สินะว่ายุคนี้มันคือผืนดินของคนรุ่นใหม่แล้ว
แน่นอนว่าเป็นเพราะเจิ้งเจี้ยนกั๋วนั้นอายุเยอะแล้ว เขาไม่อยากทำร้ายคนแก่ เพราะงั้นเขาจึงหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป
พวกชายร่างใหญ่ที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกแค่ที่เห็นเฉินห้าวเดินออกมาก็พุ่งเข้าใส่เขาคงจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งมาสินะ และเพียงไม่นานที่มีเสียงปะทะหมัดและเสียงกรีดร้อง ก็มีพวกร้องโอดครวญอยู่พื้นเพิ่มมากขึ้น เฉินห้าวขยับข้อมือเล็กน้อยก็เดินข้ามร่างของพวกนั้นออกไป
การทำร้ายพวกนักเลงพวกนั้น เฉินห้าวไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด ฝ่ายตรงข้ามนั้นทำเรื่องที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะงั้นพวกเขาไม่กล้าแจ้งตำรวจ และเรื่องที่พวกนั้นจะแก้แค้นในภายหลังเขาก็ไม่ได้กลัว เฉินห้าวแข็งแรงกว่าพวกคนธรรมดามาก เพราะงั้นเขาสามารถกำจัดพวกนักเลงพวกนี้ได้สบาย
ในกลุ่มพวกนักเลงพึ่งพาการใช้กำลังและมีคนเยอะเท่านั้น แต่สองอย่างนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับเฉินห้าว พวกนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว
เฉินห้าวคิดว่ามันจบแล้ว แต่พอเขาเดินไปถึงห้องโถงของสถานบันเทิง ก็พบกับชายหนุ่มวัยกลางคนที่ใส่แบรนด์เนมทั้งตัวอายุประมาณ 30 ปียืนอยู่หน้าประตู ทำท่าทางเหมือนเขาไม่สามารถเอาชนะได้
ในตอนนี้พวกลูกน้องที่เฉินห้าวทำร้ายเมื่อกี้ก็วิ่งมาฟ้องด้วยความเจ็บปวดว่า “พี่เชินเขาคือคนที่ทำร้ายเจิ้งตงและยังทำร้ายพวกพี่น้องทั้งหลายด้วย”
“อ้อ กล้าดีนี่น้องชาย ขับMilitary Hummerมาซะด้วย ดูแข็งกร้าวดีนี่” ชายวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้มจอมปลอม
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ฉันยุ่ง อย่ามาทำฉันเสียเวลา”เฉินห้าวรู้ดีว่าชายวัยกลางคนคนนี้ก็คือหัวหน้าของคนทั้งหมดนี้ ถ้าจัดการได้ก็สามารถกลับไปได้อย่างงายดาย
“ฉันคือหวังเชิน”
“ชายวัยกลางคนบอกชื่อของเขา ทันใดนั้น พวกลูกน้องที่โดนทำร้ายก็มองเฉินห้าวอย่างหยิ่งผยอง เหมือนกับว่าพวกเขายกตถาคตมาและสามารถทำลายทุกอย่างได้ซะอย่างนั้น
“ขอโทษด้วย ฉันกับนายไม่สนิทกัน”เฉินห้าวพูดไปตามตรง เขาไม่เข้าสังคม ก่อนหน้านั้นที่รู้จักก็มีเพียงเพื่อนนักเรียนเท่านั้น ไม่รู้จักคนพวกนี้ก็เป็นเรื่องปกติ
“อะไรนะ แม้แต่ พี่เชินแกก็ไม่รู้จักงั้นหรอ? ”มีลูกน้องรู้สึกไม่พอใจแทนหัวหน้า “ฉันจะบอกแกให้นะว่าแค่พี่เชินของพวกเราพูดแค่คำเดียว เมืองไป๋เหอยังต้องสนั่น นายกรัฐมนตรีของเราขึ้นรับตำแหน่งยังต้องมาทำความเคารพพี่เชินของพวกเราเลยแกรู้รึเปล่า! ”
“งั้นหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันละ”คำพูดของเฉินห้าวทิ่มแทงใจอีกฝ่าย ถึงแกจะเก่งแค่ไหนฉันก็ไม่รู้จักแก อย่าคิดว่าตัวเองเท่ให้มากนัก
“น่าสนใจ ไม่รู้จักฉันไม่เป็นไร แกต่อสู้เก่งขนาดนี้ฉันก็นับถือ เอาอย่างนี้แกมาอยู่กับฉันสิ มาเป็นผู้คุ้มกันของฉัน เงินเดือนแล้วแต่แกต้องการเลย”
พี่เชินพูดออกมาเต็มปากอย่างหยิ่งผยอง ลูกน้องข้างๆเอาเช็คเงินสดที่ว่างเปล่ามาให้เฉินห้าวเติมจำนวนเงินเอง