เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 79 ข้าวปั้นแพนด้า
บทที่ 79 ข้าวปั้นแพนด้า
หลังจากนั้นเฉินห้าวก็ขับรถออกไปร้านซ่อมรถ เขาจะเอาไปซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากเหตุการณ์เมื่อคืน รถคันนี้คือลูกรักของเขา ต้องดูแลรักษาดีๆ
เฉินห้าวให้เงินเถ้าแก่ร้านซ่อมรถไปหนึ่งปึกใหญ่เพื่อขอให้เขาซ่อมให้เสร็จภายในวันนี้
เมื่อมีรางวัลใหญ่ก็มีย่อมคนเก่ง เถ้าแก่เรียกพนักงานสามคนที่เก่งเรื่องการซ่อมมาจัดการ รับรองว่าเสร็จก่อนค่ำแน่นอน
เวลานี้ก็ว่างแล้วเฉินห้าวคิดว่าอยู่อย่างนี้ก็เสียเวลาเปล่า เขาจึงเรียกรถไปที่ยิมซานเฟิง
เมื่อมาถึงพนักงานต้อนรับที่ยังจำเฉินห้าวได้ก็ยิ้มต้อนรับแล้วพูดว่า “คุณเฉินมาแล้ว เครื่องวัดกำลังของเราซ่อมเสร็จแล้ว แต่ว่าขอให้คุณเฉินอ่อนโยนกับมันหน่อยนะคะ”
“ฮะๆ สบายใจได้ รอบนี้ไม่ขำเป็นต้องวัดกำลังแล้วละ”
เฉินห้าวเคยวัดกำลังแล้ว ตอนนี้ก็เพียงแค่ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อรักษากำลังของกล้ามเนื้อไว้ก็พอ
เขาเปลี่ยนเสื้อกล้ามออกกำลังกายแล้วไปเล่นเครื่องเล่นทั้งหลายจนเหงื่อท่วมตัว แต่ไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาคุยกับเขา
“นาย หลอกล่อนมใหญ่จิ้งของพวกเราไปไหนแล้ว”
“ใช่ๆ ตั้งแต่วันที่นายกับเธอออกไปพร้อมกัน เธอก็ไม่เคยมาอีกเลย หรือว่านายจะซ่อนเธอไว้ในบ้าน?”
หนุ่มๆ ในยิมต่างก็เข้ามารุมถาม
“ตอนนี้เธอทำงานให้ฉัน เรียนรู้การทำอาหารอย่างหนัก เพราะงั้นเลยไม่มีเวลาว่างมาออกกำลังกายแล้ว” เฉินห้าวตอบ
“หา เจ้านายทุนชั่วร้าย บังอาจใช้เงินมาทำลายเทพธิดาของพวกเรา!” มีชายคนหนึ่งดูเหมือนจะถลำลึกเกินไปพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง
เฉินห้าวยิ้ม ดูเหมือนเซี่ยจิ้งอยู่ที่นี่จะโด่งดังนะ มีแฟนคลับหนุ่มด้วย แต่ว่าความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด
แน่นอนว่าพวกผู้ชายพวกนี้ก็แค่หัวร้อนชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็แยกย้าย เฉินห้าวอยู่ที่ยิมหลายชั่วโมง มีเหงื่อออกนับไม่ถ้วนเขาถึงได้รู้สึกถึงขีดจำกัดร่างกาย พอเหนื่อยแล้วก็เหมือนกับร่างกายนั้นเบาลง
เฉินห้าวไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ดื่มน้ำชูกำลังไปแก้วหนึ่ง ไม่นานร่างกายก็กระตือรือร้นอีกครั้ง นี่เป็นข้อได้เปรียบของผู้ชายบริสุทธิ์ละนะ ร่างกายแข็งแรงเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า
เฉินห้าวพักผ่อนเสร็จแล้วก็ออกจากยิมไป แต่เขาไม่ได้สังเกตว่าด้านหลังมีรถคันหนึ่งตามเขามา
เป็นเพราะช่วงเช้ามีรถเยอะแยะ ขณะที่เฉินห้าวขึ้นรถก็ตรวจสอบดูของดีในแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้าน ดังนั้นเขาจึงไม่รับรู้
รถHummerของเขาเองก็ซ่อมเสร็จแล้ว ส่วนที่เสียก็กลับสู้สภาพเดิม รอยถลอกก็ถูกทำสีใหม่ ดูแล้วเหมือนของใหม่เลย
เฉินห้าวพอใจมาก แล้วก็ให้บุหรี่จงฮวาไปคนละซอง จากนั้นก็ขับรถออกไป
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เฉินห้าวก็นึกถึงร้านอาหารของตัวเอง ถึงแม้อาหารที่เซี่ยจิ้งทำจะเป็นอาหารง่ายๆ แต่เมื่อนึกถึงก็น้ำลายไหล เลยห้าวตัดสินใจว่าจะไปกินสักมื้อ
เมื่อเขามาถึงร้านอาหารฝรั่งเศส พนักงานในร้านต่างก็ก้มหัวทักทาย
“ไม่ต้องเกรงใจ เชฟเซี่ยอยู่ไหน?”
“เธอทำกับข้าวอยู่ในครัวค่ะ” พนักงานคนหนึ่งตอบ
เฉินห้าวจึงเดินมาห้องครัว เห็นว่าเซี่ยจิ้งกำลังยุ่งอยู่ตรงหน้าหม้อนึ่ง มีไอร้อนสีขาวพ่นออกมา ทำให้หน้าผากของเซี่ยจิ้งเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เชฟเซี่ย มื้อเย็นของวันนี้คืออะไร?” เฉินห้าวเดินมาถาม
“นายมาพอดีเลย ฉันเพิ่งทดลองทำของอร่อยสำเร็จ นายไปรอข้างนอก เดี๋ยวฉันยกตามไป!”
“ได้ ฉันจะตั้งตารอ” เฉินห้าวพูดด้วยรอบยิ้มแล้วเดินไปหาที่นั่งในร้านอาหาร
เซี่ยจิ้งที่ใส่ชุดเชฟสีขาวยกถาดอาหารที่มีฝาครอบปิดไว้ตามออกมา ภายในฝาครอบมีกลิ่นหอมของข้าวโชยออกมา
“เป็นข้าวหอม?” เฉินห้าวถามอย่างอยากรู้
“นายดูนายก็รู้เอง แต่น แต้น แต๊น!”
เซี่ยจิ้งใส่เสียงประกอบให้ตัวเองตอนเปิดฝา หลังจากเปิดฝาออกเฉินห้าวก็มองเป็นด้านในมีสีขาว ดำ เขียว รวมกันออกมาเป็นข้าวปั้นรูปแพนด้า ทั้งสวยทั้งน่ารักมาก
การออกแบบข้าวปั้นนี้ใช้สาหร่าย ข้าวและพุทราจีนดำเป็นต้น ทำเป็นรูปการ์ตูนหัวแพนด้า ตาแพนด้าสีดำ หน้าขาวและไม้ไผ่สีเขียวสด ไม่เพียงแต่หอม แต่ดูแล้วยิ่งดี
“หอมจัง ซูชินี้เก๋มาก” เฉินห้าวพูดชม
“นี่ไม่ใช่ซูชิของญี่ปุ่นสักหน่อย นี่คือข้าวอบใบบัวที่บรรพบุรุษของพวกเราทิ้งไว้ให้ต่างหาก ฉันก็แค่เพียงปรับปรุงนิดหน่อย ใช้ใบบัวรองพื้น แล้วใช้ข้าวเซียงสุ่ยเป็นหลักแล้วใช้ พุทราจีนดำ หมูหย็อง ไข่ไก่ และสาหร่ายเป็นต้นมาทำเมนูนี้ จนกลายเป็นรูปแพนด้า นายลองชิมดูสิ” เซี่ยจิ้งพูดอย่างเป็นหลักการ
เฉินห้าวใช้ตะเกียบตักมาคำหนึ่ง ความหอมโชยออกมาพร้อมความร้อน เขาเป่าแล้วเอาเข้าปาก ในตอนนี้มีความหอมละมุนกระจายทั่วในปาก สะกิดต่อมรับรสไม่หยุด แสดงออกถึงความ “หอมอร่อย” แก่เฉินห้าวไม่หยุด
เฉินห้าวออกเสียง “อื้ม” อย่างไม่รู้ตัว ข้าวปั้นแพนด้านี่มันอร่อยมากจริงๆ
ดั่งคำที่ว่า “ข้าวไม่ทำให้คนเมา แต่คนเมาเอง” ข้าวอบใบบัวนี้มีกลิ่นใบบัวติดมาด้วย และยังความหอมของข้าวหอม และยังมีรสชาติก็ส่วนผสมอื่นๆ รวมกัน จนกลายมาเป็นเมนูข้าวปั้นนี่ได้
“อืม ไม่เลวเลย ข้าวปั้นแพนด้านี้ประหยัดกับข้าวไปด้วย อร่อย” เฉินห้าวเคี้ยวสองสามคำแล้วก็กลืนข้าวปั้นนี่ลงท้องไป
“อร่อยใช่มั้ย นี่เป็นสิ่งที่ฉันอบตั้งแต่เช้าจนค่ำถึงจะคิดค้นขึ้นมาได้สำเร็จ จ้างฉันไม่เสียเปล่าใช่มั้ยละ?” เซี่ยจิ้งถามด้วยเสียงหัวเราะ
“ไม่เสียเปล่าแน่นอน กลับกัน ฉันยังได้กำไรด้วยซ้ำ” เฉินห้าวตอบยิ้มๆ
เมื่อเฉินห้าวกำลังจะกินคำที่สอง อยู่ๆ ในร้านก็มีหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาเห็นเซี่ยจิ้งก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ “จิ้งจิ้ง เธออยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!”
เฉินห้าวกับเซี่ยจิ้งหันไปมอง เฉินห้าวเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้แต่งตัวได้แฟชั่นมาก เชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ รองเท้าหนัง ฉีดสเปรย์ผม ก็ถือเป็นชายหนุ่มวัยรุ่น ดีกว่าเจิ้งตงมาก
แต่เมื่อเซี่ยจิ้งเห็นเขาแล้วก็ขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงขยะแขยง “นายมาได้ไง?”
“กลับไปกับฉันเถอะ อย่าหลบหน้าฉันอีกเลย ฉันจะพาเธอไปตุรกีที่แสนโรแมนติก ไปจัดงานหมั้นที่นั่น!” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับมอบช่อดอกกุหลาบสีแดงสด
“ใครตกลงจะหมั้นกับนายกัน!” เซี่ยจิ้งโมโหแล้วผลักดอกไม้ทิ้งลงกับพื้น
“พ่อของพวกเราพูดไง เขาว่ากันว่าบ้านใครมีคนแก่ก็เหมือนมีสมบัติ คนแก่อย่างเขาดูใครก็แม่น” เด็กหนุ่มคนนี้นิสัยก็ดีนี่ ขนาดนี้ยังไม่โมโห
“ใครเป็นคนตกลงก็ไปหมั้นกับคนนั้นไป!” เซี่ยจิ้งโมโหแล้วหันไปพูดกับเฉินห้าว “เจ้านาย เขาก่อกวนพนักงานของคุณ คุณคิดว่าต้องทำยังไง?”
“ว่าที่เจ้าบ่าวของเซี่ยจิ้ง?” ในสมองเฉินห้าวมีคำนี้ผุดขึ้นมา แต่ดูแล้วเหมือนกับรักข้างเดียวมากกว่า