เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 8 แฟนเก่า
บทที่ 8 แฟนเก่า
ระหว่างที่รอนาฬิกามาถึง เฉินห้าวตรวจสอบผลิตภัณฑ์หน้าเวบ นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้มาพร้อมกับกลไกอัตโนมัติ Cal.R27Q มีอะไหล่ทั้งหมด 467ชิ้น และอัญมณี 39เม็ด ตัวเรือนทำจากวัสดุทองคำโรสโกลด์ 18 K มีปฏิทินร้อยปี ข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์และมีกลไกบอกเวลาด้วยเสียงและฟังก์ชั่นอื่นๆ ฝาหลังโปร่งใสและมีฝาด้านล่างที่สามารถเปลี่ยนได้และยังเป็นกระจกแซฟไฟร์ นาฬิกามีเส้นผ่านศูนย์กลาง42มม.กันน้ำลึก 30เมตร สามารถพูดได้ว่ามีฟังก์ชั่นที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก และเป็นหนึ่งในนาฬิกาข้อมือระดับชั้นนำ
หลังจากผ่านไปครึ่งนาที กล่องที่ห่อไว้อย่างสวยงามก็ปรากฏบนโต๊ะกินข้าว สิ่งนี้คือกล่อง Patek Philippe
เฉินห้าวแกะกล่องและเพียงแค่แตะมันก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ยอดเยี่ยม ก่อนหน้าเคยสัมผัสเพียงแค่นาฬิกาธรรมดาเท่านั้นแล้วก็มาสัมผัสสิ่งนี้ มันให้ความรู้สึกของสินค้าที่มาจากสองโลกเป็นแน่แท้ เฉินห้าวตกหลุมรักในทันใด
เมื่อสวมลงไปบนข้อมือแล้วยังช่วยเพิ่มระดับบุคลิกภาพของตนเองมากขึ้นจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนรวยถึงมักจะสวมนาฬิกาข้อมือดีๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จเฉินห้าวก็กลับไปที่ห้องเช่า มองดูห้องอันคับแคบแล้วเขาก็เกิดความไม่พอใจ เขาต้องการคฤหาสน์ถึงจะคู่ควรกับฐานะของเขา ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบราคารีสอร์ทเจียงจิ่งบนมือถือ
รีสอร์ทเจียงจิ่งในAppยังลดราคาลงไม่มากนัก ด้วยสถานะปัจจุบันของเฉินห้าวยังไม่สามารถซื้อได้ จึงทำได้เพียงแค่มองคฤหาสน์แล้วถอนใจเท่านั้น จะต้องประหยัดไปอีกหลายวันเพื่อจะได้อยู่ในบ้านหลังราคาสี่สิบล้านนี้ในสัปดาห์หน้า
ถึงตอนเย็นอย่างรวดเร็ว เฉินห้าวขับรถลัมโบร์กีนีของเขาไปที่เค่ยเล่อตี๋ตามนัดหมาย เมื่อมองเห็นกล่องมือถือและแล็ปท็อปคอมพิวเตอร์เหล่านั้นจึงได้ใช้ถุงใบใหญ่มาใส่รวมกันแล้วถือเข้าไปด้านใน
มาถึงภายในบ๊อกซ์ที่นั่งชั้นพิเศษของKTV มองเห็นเพื่อนร่วมชั้นหลายคนมาถึงแล้ว พวกเขาเปิดเบียร์เย็นเจี๊ยบไปแล้วหลายขวดและกำลังดื่มเหล้าพูดโม้กันอยู่
“เฉินห้าวมาแล้ว มานั่งเลย” ใครบางคนทักทาย
เฉินห้าวเข้าไปนั่ง เพื่อนร่วมชั้นเห็นว่าเสื้อผ้าของเฉินห้าวนั้นมีสไตล์จึงถามด้วยความประหลาดใจ : “เฉินห้าว ใช้ได้นะเนี่ย ใส่อาร์มานี่ทั้งตัวเลย ไปรวยมาจากไหนเหรอ?”
“ตอนนี้ยังว่างงานอยู่เลย” เฉินห้าวพูด
“ทำไมถ่อมตัวขนาดนี้ ไม่ไปยืมเงินนายหรอกน่ะ!”
นี่คือมุขตลกที่คุ้นเคย แต่ทว่ามีเสียงที่ไม่ค่อยจะลงรอยนักดังขึ้นที่ด้านข้าง : “อาร์มานี่ของจริงราคา3-4หมื่นหยวน ของนายเป็นของแผงลอยข้างทางสินะ? วัสดุไม่เลวเลย หนึ่งร้อยหรือสองร้อยเหรียญล่ะ?”
คำพูดเป็นของจูจื้อสองที่เรียนอยู่ในสาขาเดียวกันกับเขา นับตั้งแต่ตอนที่เรียนด้วยกันก็ชอบพูดจาอย่างคลุมเครืออยู่ตลอด มนุษยสัมพันธ์กับคนในสาขาจึงไม่ดีเท่าไหร่นัก
“นายพูดผิดแล้ว ชุดนี้ซื้อมาในราคาไม่กี่หยวนเท่านั้นเอง” เฉินห้าวพูดอย่างจริงใจแต่กลับไม่มีใครเชื่อทั้งหมดคิดว่าเขาพูดเล่น
หวังเฉียงเป็นพนักงานขาย เคยเห็นเจ้าของกิจการกระเป๋าหนักมากมาย และรู้จักสินค้าด้วยจึงแก้ไขที่จูจื้อสองพูดให้ถูกต้องทันที : “เหล่าจู บนตัวของเฉินห้าวคือของแท้นะ ยอดรวมน่าจะประมาณเกือบหนึ่งแสนเหรียญ”
“หนึ่งแสนเหรอ? เจ้าเด็กดี เฉินห้าวรวยแล้ว!” เหล่าเพื่อนนักเรียนพากันร้องอุทานอย่างเซ็งแซ่ มีหลายคนที่รายได้ต่อปีไม่สูงมากนัก
“แค่ใช้ได้น่ะ” เฉินห้าวพูดอย่างถ่อมตัว เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่มีอะไรให้คุยโว
“ต่อจากนี้ทำธุรกิจอะไรแล้วร่ำรวย ต้องดูแลเพื่อนร่วมชั้นเก่าด้วยนะ” มีเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนที่มีความลำบากทางการเงินเข้ามากอดต้นขา
“ได้สิ” เฉินห้าวเริ่มวิเคราะห์ปัญหาในการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง พอถึงเวลาที่ต้องการกำลังคน เพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้รู้ดีทุกอย่าง สามารถเอามาพิจารณาดูได้
เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่อยู่ในเมืองมาเกือบครบทุกคนแล้ว และเงาที่สวยงามคนสุดท้ายได้เปิดประตูเข้ามา มันดึงดูดสายตาของเหล่าชายหนุ่มหลายต่อหลายคน เธอก็คือจางเช่นแฟนเก่าของเฉินห้าว
ดูเหมือนว่าจางเช่นจะสวยและเซกซี่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการแต่งหน้าหนาและสวมเสื้อเกาะอกกระโปรงสั้นสีดำพร้อมกับถือกระเป๋าHermesรุ่นสุดฮิตเมื่อสองปีก่อน มองดูแล้วผสมปนเปไม่เป็นระเบียบ
“เฮ้ จางเช่นมาแล้ว” เพื่อนร่วมชั้นชายต่างทักทายและให้เธอนั่งลงอย่างสุภาพ
จางเช่นกวาดสายตามองเฉินห้าวจนทั่ว ทันใดนั้นแนวสายตาก็หรี่แคบลง เพราะว่าเฉินห้าวสวมแบรนด์เนมทั้งตัว มันช่างแตกต่างจากภาพจำของแฟนหนุ่มที่ยากจนในอดีต แต่ทว่าแสงไฟในห้องนั้นมืด จางเช่นจึงนึกว่าเฉินห้าวใส่ของเลียนแบบเกรดเอ จึงไม่ได้สนใจมากนักและไปนั่งกับเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนอื่นๆ
สายตาของทุกคนมองดูจางเช่น เธอไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในโรงเรียนเลย เพื่อนร่วมชั้นที่สอดรู้สอดเห็นคนหนึ่งได้เอ่ยถามว่า : “เดี๋ยวนี้ทำงานตำแหน่งสูงที่ไหนเหรอถึงได้ใช้Hermes”
“ไม่มีอะไรนี่ ฉันเปิดร้านของตัวเองน่ะ” จางเช่นสงบนิ่งแต่กลับมีความขมขื่นอยู่เล็กน้อย
เมื่อเร็วๆนี้เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ร้านค้ามีอยู่จริงแค่เพียงชื่อเท่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนปิดไปหมดแล้ว จางเช่นก็กำลังกัดฟันและพยุงตัวโดยใช้เงินกู้มารักษาร้านเอาไว้
อย่างไรก็ตามเหล่าเพื่อนร่วมชั้นก็ยังคงมีความอิจฉาริษยา เพราะเพื่อนร่วมชั้นที่นี่ส่วนใหญ่แล้วเป็นชนชั้นแรงงาน สำหรับการเป็นเจ้านายเล็กๆทำธุรกิจของตัวเองย่อมมีความอิจฉาอยู่ในใจ
“จางเช่น จะดื่มอะไร? เธอสั่งตามสบายเลยนะ” เพื่อนร่วมชั้นชายหลายคนกล่าว นี่คือการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษสำหรับดอกไม้ของชั้นเรียน
“ทำไมทุกคนถึงดื่มเบียร์กันล่ะ จะรวมตัวกันได้สักครั้งมันยากนะ อย่างน้อยต้องสั่งไวน์แดงสิ” จางเช่นกล่าว
เธอเรียกบริกรมาทันทีแล้วบอกว่าให้นำไวน์แดงที่ดีที่สุดของร้านมาเลย บริกรถามว่าเธอต้องการกี่ขวด จางเช่นมองดูคนจำนวนมากที่อยู่ที่นี่แล้วจึงบอกว่าให้เอามาก่อนสิบขวด
ก่อนหน้านี้จางเช่นเคยติดตามแฟนหนุ่มลูกเศรษฐีที่ใช้จ่ายสูงจนเคยชิน และยังปลูกฝังนิสัยใช้จ่ายเงินเกินตัวเวลาอยู่ข้างนอกบ้านด้วย ใช้จ่ายเงินโดยไม่คำนึงถึงราคาจนเป็นปกติ
ในเวลานี้ใจของเพื่อนร่วมชั้นเรียนชายต่างเต้น “ตึกตัก” เพราะพูดไว้ว่าวันนี้เป็นการหารค่าใช้จ่าย โดยค่าใช้จ่ายจะถูกแบ่งเท่าๆกัน ไวน์แดงสิบขวดนี้ดูเหมือนว่าราคาโดยพื้นฐานแล้วจะอยู่ที่หนึ่งพันหรือสองพันเหรียญ จู่ๆการบริโภคก็มากขึ้นเป็นสองหมื่นหยวน แต่ละคนจะต้องแบ่งกันจ่ายสองพันหยวนขึ้นไป สำหรับพวกเขาแล้วมันคือภาระใหญ่
“ฉันไม่ชอบดื่มไวน์แดง พวกเราดื่มเบียร์กันเถอะ จางเช่นสั่งให้ตัวเองขวดเดียวก็แล้วกันนะ” ในฐานะผู้จัดงานหวังเฉียงพูดความคิดของทุกคนออกมาได้อย่างละมุนละไม