เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 91 เกรงว่าเขาจะหาว่าแพงเกินไป
บทที่ 91 เกรงว่าเขาจะหาว่าแพงเกินไป
เดิมทีชายผมครูว์คัตกับเฉินห้าวก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอยู่แล้ว แต่ว่าเขากลับมองเห็นอาหารที่พวกเฉินห้าวกินเหลือไว้โดยบังเอิญ แม้เป็นแค่ของเหลือ แต่ไม่ว่าจะเป็นสีสันหรือรูปร่างของอาหาร ก็สามารถเห็นได้ว่าอาหารทะเลพวกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างน้อยชายผมครูว์คัตไม่เคยเห็นมาก่อน
“พนักงานมานี่หน่อย อาหารบนโต๊ะพวกเขานั้น เอาแบบเหมือนเขามาให้ชุดหนึ่ง เดี๋ยวเถ้าแก่ของเราจะเชิญลูกค้าวีไอพีทานข้าว” ชายผมครูว์คัตกล่าวโดยชี้ไปโต๊ะของเฉินห้าว
“ต้องขอโทษด้วยครับคุณผู้ชาย เถ้าแก่ท่านนั้นเป็นคนนำส่วนผสมอาหารมาเอง ทางเราไม่ได้จัดของเตรียมไว้ครับ” พนักงานกล่าวโดยเสียงเบา
“อันนี้ก็ไม่มีอันโน้นก็ไม่มี พวกคุณเปิดร้านกันยังไง ทำให้เขาได้ ทำให้ผมไม่ได้งั้นเหรอ?ดูถูกเถ้าแก่สวี่เราใช่ไหม?”
ชายผมครูว์คัตนี้ยิ่งพูดยิ่งโมโห จู่ๆก็ไปคว้าคอเสื้อพนักงานชายไว้ ตำหนิอย่างดุร้าย
“คุณลูกค้าครับคุณอย่าโกรธเลยครับผมเห็นหลังครัวยังพอมีส่วนผสมเหลืออยู่ แต่นั่นเป็นส่วนผสมของเถ้าแก่ท่านนั้น หากจะนำมาใช้ทำเป็นอาหารนั้นต้องได้รับความยินยอมจากของเขาก่อน” พนักงานโดนบังคับ แล้วรีบตอบออกไป
“นายไปบอกหน่อย ว่าผมเหมาหมดราคาเท่าไหร่ เถ้าแก่สวี่เรารวยอยู่แล้ว” ชายผมครูว์คัตได้ปล่อยมือออก
พนักงานยังไม่หายตกใจ เขาได้มาถึงฝั่งเฉินห้าว ได้เจรจากันเสียงเบา: “เถ้าแก่ครับ ท่านยังมีส่วนผสมอาหารเหลืออยู่ไม่มาก สามารถขายให้คุณผู้ชายท่านนั้นได้ไหมครับ?ทิ้งไว้นานไปยังไงก็เสียคุณภาพ ขายออกไปจะดีกว่านะครับ”
จะว่าไปมันก็ถูกอยู่ ส่วนผสมเหล่านั้นเฉินห้าวก็ไม่คิดจะเอากลับอยู่แล้ว จัดการขายออกไปถูกๆก็ไม่เป็นไร แต่จะว่าไปเจอลูกค้าที่ไร้มารยาทอย่างนี้ เขาไม่ได้อยากขายเลย ถ้าหากจะขายนั้น ก็ต้องขายในราคาเต็มเท่านั้น
เฉินห้าวได้ตอบแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรว่า:“ขายน่ะก็ขายได้ เกรงว่าเขาจะหาว่าแพงเกินไป”
ทั้งสองโต๊ะก็ไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่ เมื่อชายผมครูว์คัตได้ยินแล้ว จู่ๆก็เดินมา
“ดูถูกใครกัน ผมจะไม่มีปัญญาซื้ออาหารทะเลเน่าพวกนั้นของแกงั้นเหรอ?ดูนี่ แค่นี้พอไหม!”
ชายผมครูว์คัตยังทำเป็นเก๊ก คว้าเงินจากกระเป๋ามาปึกหนึ่ง วางไว้บนโต๊ะของเฉินห้าว ดูดูแล้ว เหมือนจะมีประมาณสองพันหยวน
เฉินห้าวได้หัวเราะออกมาเล็กน้อยว่า:“เงินแค่นี้ของคุณ ซื้อได้แค่หอยทากผีครึ่งกิโลเท่านั้น”
“อะไรนะ ครึ่งกิโล?นายกล้าเอาเปรียบฉันงั้นเหรอ สองพันหยวนก็น่าจะพอกินอาหารทะเลครึ่งโต๊ะแล้ว ยังไงกัน ให้หน้าไม่ไว้หน้าใช่ไหมฮ้ะ?”
ชายผมครูว์คัตร้ายกาจมาก ท่าว่าไม่เห็นด้วยก็จะลงมือเลย
เกิดความวุ่นวายในเหตุการณ์มาก เฉินห้าวได้จ้องไปที่โจวซีถงแวบหนึ่ง กลัวเธอจะตกใจกลัว แต่ดูเธอแล้วได้สวมใส่แว่นกันแดด เธอที่กินอิ่มแล้วยังเติบลิปสติกอีก เหมือนไม่ได้เกรงกลัวหรือกังวลอะไรเลย
ก็ถูก ทายาทผู้สืบทอดคนต่อไปของกลุ่มใหญ่ หากไม่มีความกล้าซะหน่อย ไม่สามารถเล่นต่อไปได้เลย
เฉินห้าวได้เห็นเธอแบบนี้แล้ว ภายในใจก็โล่งอกไปที ในเมื่อโจวซีถงไม่กลัว งั้นเขาก็ไม่กังวลอะไรที่จะทำออกมาแล้วที่ทำให้เธอตกใจกลัวเลย
อาจเป็นเพราะเห็นเฉินห้าวไม่พูดไม่จาสักคำ ก็นึกว่าโดน “การครอบงำ”ของตัวเองสะกดไว้ ชายผมครูว์คัตก็เลยสั่งพนักงานไปหลังครัวจัดการนำส่วนผสมที่หายากทำเป็นอาหารแล้วยกออกมา
เฉินห้าวเป็นผู้ที่กินไม้อ่อนไม่กินไม้แข็งนั้น ไอ้ชายผมครูว์คัตนี้ได้สร้างความก้าวร้าวโอ่อ่าไปทั่ว เขาเลยไม่มีใจที่จะขายมันไป ยืนขึ้นแล้วพูดกับพนักงานว่า: “ส่วนผสมอาหารผมไม่ขายแล้ว กลับไปบอกกับเชฟกู่ว่า ช่วยผมแช่ไว้ตกดึกทำเป็นอาหารแล้วไปส่งให้ผมที่โรงแรม”
พูดจบ เขาก็ทักโจวซีถงเตรียมตัวไปจากที่นี่
“ไม่ได้ นายไปไม่ได้!” ชายผมครูว์คัตนี้ยังไม่จบ ไม่ปล่อยเฉินห้าวไป ต้องการบังคับซื้ออาหารทะเลเหล่านั้นที่ไม่เคยเห็นมาก่อนให้ได้
เนื่องจากชายผมครูว์คัตได้รับมอบหมายจากเถ้าแก่ มาจองอาหารทะเลโต๊ะหนึ่งที่นี่เพื่อจะเลี้ยงข้าวลูกค้า ความต้องการคือต้องเป็นของเกรดดีมีคุณภาพเท่านั้น อาหารทะเลธรรมดาทุกคนกินจนเลี่ยนแล้ว ดังนั้นได้เห็นส่วนผสมเหล่านั้นของเฉินห้าว ชายผมครูว์คัตเลยเกิดความคิดในใจว่า ต้องเอามันมาให้ได้
ความคิดของเขาก็ดี แต่กลับเลือกผิดคู่กรณี
เฉินห้าวได้ผายมือเล็กน้อย ชายผมครูว์คัตก็เซไปมาจนยืนไม่นิ่ง กับพลังแรงของเฉินห้าวไม่ใช่ระดับเดียวกัน คนหนึ่งก็พุงใหญ่ย้อยมีแต่ไขมัน คนหนึ่งก็เป็นหนุ่มสาวที่แข็งแกร่ง แค่ดูก็รู้ได้เลยว่าใครเก่งใครระดับปานกลาง
“แม่งเอ๊ย เล่นกับพี่ใช่ไหม?”
ชายผมครูว์คัตด่ากราดไปทั่ว เห็นเฉินห้าวมีกำลังแรงที่ดุร้าย เขาก็เลยหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งขว้างออกไป
เฉินห้าวกลับยิ้มแบบเย็นชา รับขาเก้าอี้ด้วยมือเดียว แล้วกลับใช้แรงกดดันลงไป ใช้พื้นที่ของเก้าอี้ที่ว่าง กดทับมือของขายผมครูว์คัตไว้บนโต๊ะกินข้าวหนึ่ง จนขยับไม่ได้
“ปล่อยมือซะ มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้กูเอามึงตายแน่!” ชายผมครูว์คัตด่าว่าอยู่
ว่าด้วยการใช้แรงของเฉินห้าว เก้าอี้ตัวนั้นได้มีเสียงหักร้าวขึ้นมา จนกลายรูปร่างแล้วทำให้ชายผมครูว์คัตหายใจแทบไม่ทัน ใบหน้าก็ซีดไปหมด
จนถึง ณ ตอนนี้ เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองได้มีเรื่องกับคู่กรณีที่เก่ง เฉินห้าวผู้ที่เป็นคนต่างถิ่นนี้ยั่วโมโหไม่ได้จริงๆ
“อย่าหาเรื่องให้มันเกินนัก พวกเรายังจะไปเที่ยวต่ออีกนะ” เวลานี้โจวซีถงที่ยืนข้างๆก็ได้พูดห้ามออกมาคำหนึ่ง เฉินห้าวยิ้มเล็กน้อย ก็ได้ปล่อยมือไป
ตอนนี้ชายผมครูว์คัตได้นั่งหายใจอยู่กับพื้นอย่างบ้าคลั่ง ดั่งเหมือนผู้รอดชีวิตจากหายนะ และเขาในตอนนี้แม้แต่คำดุด่าก็ไม่กล้าที่จะพูดแล้ว เพราะถูกเฉินห้าวกำราบไว้แล้ว
ตอนนี้เชฟกู่ได้ยินเสียงเอะอะ เดินมาจากหลังครัว ฟังเรื่องราวของความขัดแย้ง ก็ได้อธิบายให้ชายผมครูว์คัตฟังว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย เถ้าแก่ท่านนี้พูดถูก อาหารทะเลของเขาไม่ใช่ราคาถูกๆ ถ้าหากเขาขาย คุณอาจไม่สามารถซื้อได้”
“มั่วแล้ว เถ้าแก่สวี่ของเราทำธุรกิจการเดินเรือ กับแค่อาหารทะเลมื้อเดียวของคุณจะไม่มีปัญญากินหรือยังไง?” ชายผมครูว์คัตได้นวดไปที่ต้นคอที่ปวด เอะอะโวยวายโดยที่ไม่พอใจ และยังมีท่าทางที่ไม่เชื่ออีก