เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่138 นอนโซฟา
บทที่138 นอนโซฟา
คืนนั้น เฉินห้าวออกกำลังกายในห้อง เขาซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายง่ายๆมาไม่กี่อย่าง อยู่บ้านก็สามารถออกกำลังกายได้ เขารู้ว่าชีวิตขึ้นอยู่กับการออกกำลังกาย ถึงแม้ง่ากล้ามเนื้อเขาจะแข็งแรงพอ ก็จำเป็นจำต้องรักษาไว้ ไม่อย่างนั้นแรงลดลง แข็งแรงแค่ไหนแต่ไม่ฝึกฝน ไม่กี่ปีก็คงกลายเป็นชายหนุ่มลงพุงวัยกลางคน
ขณะที่เหงื่อกำลังออก เสียงกริ่งดังขึ้น เฉินห้าวเดินไปดู เห็นว่าเป็นเซี่ยจิ้ง เธอใส่ชุดนอนสายเดี่ยวเหมือนเดิม หน้าอึ๋มหลังงอน
ในกอดมีหมอนหงส์สีเหลือง แล้วยังถือข้างกล่องมาด้วย
เฉินห้าวใจกระตุก นึกถึงคำเตือนที่เฉารุ่ยเตือนเขา หรือว่าวันนี้ก็จะได้ใช้สเปรย์แล้ว?
เซี่ยจิ้งเดินเข้าห้องอย่างเคยชิน พูดเองเออเองว่า “ห้องของฉันมันว่างเปล่าไป ยังไงก็ที่ของนายดี”
ก็จริง ตอนนี้ทั้งชั้นก็มีแค่พวกเขาสองคน ต่างคนต่างอยู่คนละห้องก็ว่างเปล่าจริงๆ คงมีแต่รวมตัวกันถึงจะช่วยลดความเหงาได้
“ฉันเพิ่งต้มโจ๊กหมูสับใส่ไข่ นายสามารถกินเป็นมื้อดึกได้”
เซี่ยจิ้งวางข้างกล่องไว้บนโต๊ะ แล้วก็นั่งเล่นบนโซฟาดูทีวี ดูรายการเรียลลิตี้โชว์ของช่องมะม่วง ไม่สะดวกไล่ออกไป จึงปล่อยเธอไป แล้วเฉินห้าวก็ออกกำลังกายต่อ
“หุ่นไม่เลวนี่”เซี่ยจิ้งวางคางไว้บนโซฟา มองเขาแล้วยิ้ม
“พอได้มั้ง”
เฉินห้าวตอบกลับไปงั้น
รอออกกำลังเสร็จ เหงื่อออกทั้งตัว เฉินห้าวก็เข้าไปห้องอาบน้ำไปอาบน้ำ เนื่องจากในห้องยังมีผู้หญิงอีกคน เขาจึงจงใจล็อกประตูห้องอาบน้ำ เพื่อกันไม่ให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หลังอาบน้ำออกมา เห็นว่าเซี่ยจิ้งยังดูทีวีอยู่ แล้วก็หยิบขนมเข้าปาก เหมือนกับรู้จักรักษาหุ่นสักนิด
เฉินห้าวเห็นเธอกินข้าวกับพวกเขาทุกมื้อ ไม่อดอาหารเลย แต่หุ่นก็ยังดีเสมอ ไม่รู้ว่าเธอรักษาหุ่นยังไง ทำได้แค่พูดว่าเป็นกรรมพันธุ์ ย่อยอาหารได้ดี ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่
เฉินห้าวดูเวลา สี่ทุ่มครึ่งแล้ว จึงพูดว่า “โหล เดี๋ยวดูเสร็จแล้วปิดด้วย ฉันนอนก่อน ไม่ดูแลเธอแล้วนะ”
“เช้าขนาดนี้ก็นอนแล้ว ไม่มาดูทีวีด้วยกันก่อนหรอ?
เซี่ยจิ้งยิ้มหวานแล้วยักคิ้ว
อ่อยชัดเจนขนาดนี้ ทำให้เฉินห้าวรู้สึกไม่ชิน ผู้หญิงในความทรงจำของเขาล้วนรักนวลสงวนตัว ผู้ชายต้องคอยตามจีบ แต่เซี่ยจิ้งเหมือนกับไม่รู้ว่าอะไรคือรักนวลสงวนตัว ปล่อยตัวมาก กระดูกไหปลาร้าก็โผล่ออกมาแล้ว ยังไม่รู้ตัว
ก่อนนอน เฉารุ่ยที่อยู่ห่างไกลยังส่งข้อความวีแชทมา ถามเฉินห้าวอย่างร้อนรนว่า เซี่ยจิ้งได้ทำเรื่องอะไรมั้ย?
เฉินห้าวฟังเสียงหัวเราะที่ยังดังอยู่ในห้องนั่งเล่น เพื่อไม่ให้เฉารุ่ยเป็นห่วง จึงตอบว่า “ไม่มี”
“งั้นก็ดี อย่าลืมช่วยฉันขอบคุณเธอที่เอาสูตรมาให้ โรงเหล้ากำลังหมักแล้ว”เฉารุ่ยส่งสติ๊กเกอร์ฝันดี
เฉินห้าวก็พูดฝันดีแล้วก็ปิดไฟนอน
นอนไปไม่กี่ชั่วโมง เฉินห้าวหิวน้ำจึงตื่นขึ้นมาจะไปดื่มน้ำ แต่ว่าในห้องนั่งเล่นทีวียังเปิดอยู่ เล่นละครภาคค่ำ ส่วนเซี่ยจิ้งหลับไปบนโซฟาแล้ว ท่านอนหลับสบาย มุมปากยังมีน้ำลายยืด
เฉินห้าวไม่มีคำจะพูด ผู้หญิงคนนี้ใจกล้าจริงๆ ถึงได้กล้านอนในห้องผู้ชายอย่างไม่มีอะไรป้องกัน ก็มีเพียงแค่สุภาพบุรุษอย่างเขา ไม่อย่างนั้นคงลงมือกับเธอไปแล้ว
เฉินห้าวดื่มน้ำเสร็จ หาผ้าห่มมาห่มให้เซี่ยจิ้ง เพียงครู่เดียวก็ละสายตาไม่ได้แล้ว เนื่องจากท่าทางการนอนของเซี่ยจิ้ง ชุดนอนยับขึ้นมา เฉินห้าวมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
เพียงครู่เดียวเฉินห้าวก็เหลือเพียงแค่คำเดียวคือ ใหญ่……
สาวสวยแบบนี้กลับมันป้องกันตัวจากเขา ทดสอบความสุภาพบุรุษของเขามาก เฉินห้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่กลายร่างเป็นปีศาจลงมือกับลูกน้อง ก็รีบหันสายตาหลบแล้วห่มผ้าให้เธอ
เฉินห้าวกลับเข้าห้องนอน กว่าจะทำให้ใจสงบลงได้ ในใจคิดว่าถ้ามีเรื่องอย่างนี้ทุกวัน ตัวน้อยของเขาคงทนไม่ไหว ดูแล้วเหมือนเขาจะต้องหาที่อยู่ใหม่ ถูกเซี่ยจิ้งอ่อยแบบนี้ทุกวัน สักวันคงจะเกิดเรื่อง
เมื่อเจอเรื่องนี้ เฉินห้าวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอยู่นาน แล้วก็หลับไป จนเช้าเจ็ดโมงกว่าถึงจะตื่น ไปห้องน้ำอย่างเบลอๆ
เปิดประตูห้องน้ำ กลับเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ ทั้งสองท่าทางเพิ่งนอนตื่น ยังไม่ค่อยรู้สึกตัวดี จ้องมองกันสักพัก กว่าจะรู้สึกตัว เซี่ยจิ้งนั่งอยู่บนชักโครก
“อ๊า!นายมันโรคจิต!ถึงได้มาแอบมองผู้หญิง!”
เซี่ยจิ้งตะโกนลั่น เอากระดาษทิชชูข้างตัวและอื่นๆโยนมา
เฉินห้าวถอยออกมาจาก “ข้าวของทั้งหลาย”รอวิ่งออกมาถึงจะรู้สึกตัวว่าตัวเองเข้าห้องน้ำในห้องตัวเอง ทำไมถึงได้กลายเป็นโรคจิตละ?อีกอย่างเขาไม่เห็นอะไรด้วยซ้ำ ถูกชุดนอนบังหมดทั้งนั้น ยังไม่ชัดเท่าเมื่อคืนเลย
“ฉันว่า เธออยู่ห้องฉัน ด่าฉันว่าโรคจิตก็เกินไปหน่อยมั้ง?รีบกลับไปห้องตัวเองไป”เฉินห้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“หึ นายก็คือโรคจิต!”
เซี่ยจิ้งเข้าห้องน้ำเสร็จก็เดินออกมา แล้วยังทำท่าทางว่าตัวเองถูก แต่ไม่นานเธอก็ช่วยเฉินห้าวลดความอึดอัดทิ้ง
“ถือว่าเมื่อคืนที่นายห่มผ้าให้ฉันฉันอภัยให้แล้วกัน”
พูดจบ เธอหาวแล้วเปิดประตูเดินออกไป เรื่องเมื่อกี้เหมือนลืมไปจนหมดสิ้น