เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข้า ตอนที่ 28
เจาะเวลาสู่ต้าถัง – ตอนที่ 28 เสียงาน
ตระกูลอวิ๋นเก็บกวาดลานบ้านกันด้วยความยินดีแต่เช้า ป้าหญิงใหญ่ควบคุมดูแลทั้งนอกทั้งในคนเดียว แม้แต่มุมซ่อนเร้นที่ปกติไม่ได้สนใจก็ยังไม่ยอมปล่อยผ่าน เสียงสั่งการเหล่าสาวใช้ดังมากราวกับเสียงแผดจากปิศาจ เหล่าสาวใช้สุดแสนจะรำคาญ ให้ถูหน้าต่างก็ถูแล้วยังต้องบ่นหาอะไรกันอีก วุ่นวายอยู่กับซินเย่ว์มาแล้วทั้งคืน ทั้งเมื่อยแขนเมื่อยขาเมื่อยเอวไม่ยอมให้นอนหลับได้ยาวหน่อย
ซินเย่ว์ตื่นแต่เช้าตรู่ไม่รู้ไปยุ่งอะไรวิ่งเข้าวิ่งออกสามสี่รอบ มีครั้งหนึ่งที่ดันอวิ๋นเยี่ยเข้าไปด้านในเตียงยังนึกว่านางมีอารมณ์ ดีอกดีใจเตรียมจัดการนางให้เสร็จในคราวเดียวจะไม่เปิดโอกาสให้นางหายใจหายคอได้
ที่ไหนได้นางไม่ได้มีอารมณ์นั้นเลย พอดันอวิ๋นเยี่ยเข้าไปด้านในเตียงหยิบของใต้ที่นอนออกมาอย่างหนึ่งแล้วก็วิ่งออกไปอีก อวิ๋นเยี่ยมองน้องชายที่ตั้งท่าเก้ออยู่แล้วถอนหายใจนอนต่อไม่สำเร็จแล้ว
ล้างหน้าขาดคนปรนนิบัติหวีผมก็ขาดคนปรนนิบัติคับแค้นใจนัก หาสายอะไรสายหนึ่งได้ก็รวบผมลวกๆเป็นหางม้าอยู่ด้านหลังแกว่งไปแกว่งมา ไม่มีใครดูแลแล้ววันนี้ก็ปล่อยตัวไปเลยปล่อยให้ขายหน้าไปวันหนึ่ง
วันนี้ไม่ใช่เขยใหม่จะมาหรือ?…เจ้าหนูน้อยตระกูลเผยคนนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีจดหมายจากบิดาเขยใหม่เขียนมาด้วยลายมือตัวเอง บิดาเขยใหม่เวลานี้เป็นอี้โจวเปี๋ยเจี้ย ใช้เวลาเพียงสองปีเลื่อนตำแหน่งก้าวกระโดดจากนายอำเภอเป็นขุนนางหมายเลขสองของอี้โจวซึ่งเป็นเมืองสำคัญหนึ่งในสี่ทั่วหล้า ไม่พูดไม่ได้ว่าเป็นเส้นทางที่สดใสของชีวิตขุนนาง
เป็นขุนนางใหญ่แล้วย่อมต้องวางแผนอนาคตให้บุตรชาย เขามีบุตรชายสามคน นอกจากคนเล็กที่มีอายุเพียงแปดขวบยังห่างไกลบิดามารดาไม่ได้ ที่เหลือสองคนย่อมต้องต้องการความก้าวหน้า ตระกูลอื่นจะเข้าสถานศึกษาอวี้ซันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บุตรชายคนตระกูลเกี่ยวดองกันใช้เพียงแค่คำพูดก็ได้แล้ว บิดาเขยใหม่ก็ผยองพอตัว นอกจากบุตรชายตัวเองสองคนแล้วยังถือโอกาสส่งบุตรชายเจ้าเมืองมาด้วย บอกว่าอยากเป็นลูกศิษย์ให้อวิ๋นโหวชี้แนะ
ในจดหมายยังพูดถึงเรื่องที่ตระกูลอวิ๋นซื้อไม้หายากหนานมู่ทองเป็นจำนวนมาก ท่านเจ้าเมืองได้ช่วยลงแรงให้ไม่น้อย เวลานี้ไม้จำนวนนั้นได้ล่องลงมาแล้วอีกไม่นานก็จะถึงเมืองฉางอัน
จดหมายตอบของอวิ๋นเยี่ยเพิ่งส่งไปเดือนเดียว เมื่อวานนี้ก็ได้ข่าวจากคนตระกูลเผยที่ล่วงหน้ามาว่าคุณชายเขาจะมาถึงอวี้ซันวันนี้ ดูแล้วด้านโน้นคงรอจดหมายตอบอยู่ พอได้รับจดหมายก็ออกเดินทางทันที หากไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถมาถึงรวดเร็วเช่นนี้ได้
ชื่อน้องเขยคือเผยอวี้หรือเหยียนโซ่ว น้องชายเขาชื่อเผยยางหรือเหยียนซี คนหนึ่งสิบเจ็ดคนหนึ่งสิบห้าทั้งสองคนต่างเป็นเยาวชนชั้นดีมีสกุลรุนชาติ อวิ๋นเยี่ยไม่ขัดข้องที่หานักเรียนดีให้สถานศึกษาเพิ่มอีกสองคน เพียงแต่ลูกชายของเจ้าเมืองอี้โจวชื่อลิ่งหูเต๋อเชาทำให้อวิ๋นเยี่ยมีกังวล เวลานี้พอเห็นแซ่ที่ซ้อนคำเขาจะปวดเศียรยิ่งนัก ไม่ใช่เพราะสาเหตุอะไร แต่คนที่มีแซ่ซ้อนคำสร้างความยุ่งยากให้เขามามากมาย ไม่มีคนไหนเลยที่น่าคบ ตั้งแต่ฮองเฮาจนถึงพี่ชายฮองเฮา ไม่มีคนไหนคบได้ พอเผ่าพันธุ์นี้มีการผสมข้ามสายพันธุ์สายเลือดจะปั่นป่วนบังเกิดปิศาจร้าย ไม่ได้ใสซื่อหลอกได้ง่ายเหมือนฮั่นหรือหูสายเลือดบริสุทธิ์ ต่างมีสมองว่องไวปราดเปรียวราวกับลิงมาเกิด
โหวเหยียที่น่าสงสารนั่งดื่มน้ำชาในห้องโถงใหญ่ แม้แต่อาหารเช้าก็ไม่มีใครสนใจ ดื่มน้ำชาไปแล้วสามถ้วยยิ่งดื่มยิ่งหิว ท่านย่าเข้ามารอบหนึ่งเรียกหลานรักเพียงคำเดียวแล้วก็ออกไปน่าจะไม่ทันดูหน้าหลานให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นได้เห็นอวิ๋นเยี่ยผูกผมหางม้าคงต้องร้องโวยวายกันแล้ว
หาใครช่วยไม่ได้เลยต้องช่วยตัวเองหาของกิน เข้าครัวเจอเนื้อหมูเพิ่งตุ๋นสุกชิ้นใหญ่ยังมีควันกรุ่นอยู่ พอเปิดฝาหม้อออกเห็นเนื้อหั่นเป็นชิ้นเท่าฝ่ามือหนาขนาดนิ้วหนึ่ง เดิมตั้งใจจะคีบขึ้นมาชิ้นเดียวแต่อารามคับแค้นใจเลยคีบไปสองชิ้น พอออกประตูไปคนครัวที่เพิ่งเจอก็หายไปด้วยทำให้มีไฟฟืนมากขึ้นเลยกลับเข้าครัวคีบเพิ่มอีกชิ้นให้สบายใจ
อวิ๋นเยี่ยประเมินความหิวตัวเองมากเกินไป ชาร้อนหนึ่งกาหมูตุ๋นสามชิ้นใหญ่หมั่นโถวอีกครึ่งซึ้ง กินอิ่มจนตาถลนทั้งเรอทั้งสะอึกไม่จบไม่สิ้นต้องออกไปยืดเส้นสายให้สบายพุงหน่อย แต่ยังเช้าตรู่ประตูใหญ่ไม่ได้เปิด เจ้าวั่งไฉมองลอดช่องประตูหลายรอบรออยู่อย่างกระวนกระวาย นี่มันเรื่องอะไรกันแค่มีเขยใหม่มาก็ทิ้งเจ้าบ้านไม่มีใครเหลียวแล?
พอเปิดประตูข้างเจ้าวั่งไฉก็ดันกันออกไปข้างนอกได้ แสงแดดนอกบ้านน่าสบายมากทำให้ผิวหนังร้อนผะผ่าว เดินได้สองก้าวก็ชักกระหายน้ำวั่งไฉก็หมดอารมณ์เดินเล่น ทั้งคู่เดินคอตกตามทางทันใดนั้นก็พบร้านเล็กของซ่านอิง เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาเดินไปด้านหลังยื่นมือคลำที่ขอบประตูพบกุญแจอยู่ที่นั่น
เปิดประตูลานบ้านตักน้ำบ่อที่เย็นเฉียบให้วั่งไฉถังหนึ่งให้มันดื่มให้พอใจ ตัวเองใช้ผ้าเปียกเช็ดหน้าแล้วเอนตัวนอนบนคานไม้ใหญ่นั้น ช่างเย็นสบายน่าชื่นใจนัก
เมื่อคืนใช้ร่างกายเปลืองจนตอนนี้นอนลงก็อยากหลับ บอกวั่งไฉให้จำไว้อีกครึ่งชั่วยามให้ปลุกด้วย วั่งไฉยืนตาหยีร้องฮี้ถือว่าตอบตกลงแล้ว
ในที่สุดก็ได้หลับสบายสักงีบหนึ่ง เรือนเล็กของซ่านอิงดีมาก ไม่เพียงแต่ห่างผู้คนยังมีต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงาเป็นสถานที่น่าหลับสบายจริงๆ
พอตื่นขึ้นมาอารมณ์สดใสดีมากแต่ได้กลิ่นคาวรุนแรงเข้าจมูกรู้สึกมีอะไรอยู่ด้านหลัง ลุกขึ้นมาดูเห็นหมูอ้วนตัวเปล่าเปลือยโดนแขวนอยู่ ซ่านอิงนั่งยองๆกำลังจัดการไส้พุงหมูไม่มีเสียงดังแม้เพียงนิดเดียว เป็นไปได้อย่างไร อวิ๋นเยี่ยข้องใจยิ่งนักต่อให้หลับเป็นตายแค่ไหนก็ต้องได้ยินเสียงหมูร้องตอนโดนเชือดแน่นอน
“ทำไมเจ้าเชือดหมูได้เงียบเชียบนักเล่า”
“ท่านเป็นแขกกำลังหลับสบายในบ้านข้าไม่อยากรบกวนให้ท่านต้องตื่น ก่อนเชือดก็เลยมัดปากหมูไว้ถึงแม้ทำให้ปล่อยเลือดลำบากแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร” ซ่านอิงพูดตามสบายโดยไม่ได้หันศีรษะมา
“ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้วทำไมเจ้าไม่ไปเข้าเรียน นี่ไม่ดีหรอกพื้นฐานเจ้าถือว่าแย่มาก ทำเช่นนี้จะเรียนตามเพื่อนไม่ทันยิ่งถ่างยิ่งกว้าง เจ้าจะยิ่งขาดความสนใจในการเรียน สุดท้ายแล้วไม่สามารถเรียนอะไรสำเร็จกลายเป็นคนโง่เง่าไป”
ซ่านอิงลุกพึ่บขึ้นมา มองหน้าอวิ๋นเยี่ยแล้วก็ลงไปนั่งยองๆจัดการไส้พุงหมูต่อ เขาคิดว่าจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว ตัวเองเป็นครูบาอาจารย์ปล่อยปละละเลยนักเรียนหลบมานอนหลับสบาย เกียจคร้านจนน่าละอายยังมีหน้ามาอบรมสั่งสอน เขารู้สึกว่าอวิ๋นเยี่ยเหมาะที่จะเป็นโจรมากว่าตัวเองเสียอีก
“นี่ก็เลยเที่ยงนานแล้วเป็นเวลาพักผ่อนของข้า ข้าเคยรับปากอาหลิวปลายซอยช่วยเชือดหมูให้เขาไว้ใช้ในงานแต่งงานลูกชายตัวเอง เป็นคนต้องรักษาสัตย์รับปากแล้วต้องทำ”
“โอยเลยเที่ยงแล้ว ไอ้หนูทำไมไม่ปลุกข้า บ้านข้ามีแขกวันนี้เสียงานแน่ๆแล้ว”
“ข้าถามวั่งไฉแล้วมันสั่นหัวไม่ยอมให้ข้าเข้าใกล้ คิดว่าท่านไม่ยอมให้ใครมารบกวนเวลาหลับของท่าน จึงได้เป็นเช่นนี้” ซ่านอิงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขาย่อมไม่บอกอวิ๋นเยี่ยว่าบ้านอวิ๋นตามหาเขาจนแทบจะบ้ากันหมด
อวิ๋นเยี่ยยิ้มจ๋อยๆตบที่วั่งไฉ จะฝึกให้มันรู้ภาษาคนคงต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปี ขยี้หน้าแล้วโดดลงมาจากไม้คานเปิดประตูลานบ้านจะเดินออกไป ได้ยินซ่านอิงพูดว่า “ท่านมัดผมหางม้าเช่นนี้ดูดีมาก พรุ่งนี้ข้าทำเช่นนี้ในสถานศึกษาจะได้หรือไม่”
“ไม่ได้ สถานศึกษามีกฎระเบียบของสถานศึกษาเจ้าต้องปฏิบัติตาม ข้าเป็นอาจารย์ไม่ต้องทำเหมือนกัน”
“ท่านไม่กลัวว่าจะเป็นตัวอย่างที่เลวให้นักเรียนเห็นหรือ”
“ปกติข้าไม่ได้ทำเช่นนี้แต่วันนี้ขาดคนปรนนิบัติ ตั้งใจจะออกมาให้ขายหน้าคนอื่น” พูดจบก็ออกไปทันที
ซ่านอิงปิดประตูแล้วจัดการไส้พุงหมูต่อแต่ทำช้าลงทันใดพูดกับตัวเองว่า “รู้อยู่ว่าข้าเป็นโจรยังกล้ามาหลับสบายอยู่ในบ้านข้า…อวิ๋นเยี่ย จิตใจท่านเช่นนี้ข้าจะต้องเป็นน้องเขยท่านให้ได้”
ยังไม่ทันถึงบ้านก็เจอคนรับใช้รายทางหลายคนร้องโวยวายกันว่าเจอตัวโหวเหยียแล้ว หากยังหาไม่เจออีกท่านย่าจะเผาบ้านทิ้ง คุณนายน้อยก็ร้อนรนจนแทบบ้าไม่ได้ห่วงแขกเหรื่อที่บ้านกันเลย
พออวิ๋นเยี่ยก้าวเท้าเข้าบ้าน บ้านอวิ๋นที่ชุลมุนวุ่นวายก็สงบลงทันที บ่าวไพร่ที่เปิดฝาบ่อน้ำค้นหาอยู่ก็แกล้งทำเป็นกำลังตักน้ำ สาวใช้ที่ก้มหาในสระน้ำก็ทำเป็นให้อาหารปลาคาร์ป พวกป้าน้าอาเปิดหน้าต่างมองอวิ๋นเยี่ยแวบหนึ่ง เช็ดน้ำตาแล้วอีกไม่ถึงนาทีเสียงกระทบกันของตัวไพ่นกกระจอกก็ดังแว่วออกมา
พอซินเย่ว์เห็นอวิ๋นเยี่ยก็กัดฟันบิดเนื้ออ่อนที่สีข้างเต็มแรงบิดร่วมสองรอบ
“พอแล้วหยุดๆ ถ้าบิดอีกคืนนี้ข้าจะไม่กลับมาอีก”
“เขยใหม่เข้าบ้านชั่วยามกว่าแล้วเจ้าบ้านหายไปหากันไม่พบ ในบ้านยุ่งเหยิงกันหมด ท่านย่าคุยกับเขยใหม่ไม่มีรอยยิ้มกันเลย อี้เหนียงก็หลบไปร้องไห้ในห้อง พวกป้าน้าอาหยุดเล่นไพ่นกกระจอกกันหมด ค้นหาทั่วบ้านทุกกระเบียดนิ้วก็ไม่พบแม้แต่เงา คนครัวบอกว่ากินหมั่นโถวแล้วก็ไม่เห็นอีก วั่งไฉก็หายไปถึงรู้ว่าออกไปข้างนอก ท่านมัวแต่ไปทำอะไรอยู่”
ซินเย่ว์บ่นอุบอิบเป็นกระบุงจนอวิ๋นเยี่ยแสนจะรำคาญ ลากนางเข้าไปในห้องเดินพลางพูดพลางว่า “ถ้าอยากฟังเรื่องโกหกให้ไปฟังที่ห้องรับแขกจะได้ไม่ต้องพูดหลายรอบ คราวหน้าหากยังกล้าเห็นข้าเป็นแค่เงาอีกข้าจะหนีขึ้นเขาไปเป็นคนป่า”
ซินเย่ว์เพิ่งสังเกตเห็นอวิ๋นเยี่ยเปลี่ยนทรงผมใหม่ รีบลากเขาเข้าห้องจัดการผมเผ้าให้เรียบร้อยสวมที่ครอบผมทองม่วงแล้วจึงอนุญาตให้เขาออกไปรับแขก
เสียงท่านย่าในห้องรับแขกเห็นชัดว่ากลับคืนสภาพปกติ เริ่มมีการคุยเล่นกับเผยอวี้ไต่ถามเรื่องไร้สาระที่ถามแล้วถามอีกหลายรอบ
“เหยียนโซ่วขอโทษด้วยข้าออกไปขี่ม้าแต่เช้า เห็นผีเสื้อกำลังออกจากปลอกดักแด้ เกิดความสนใจอยากดูว่าผีเสื้อกลายมาจากหนอนได้อย่างไร ไม่นึกว่าใช้เวลาไปหลายชั่วยามอย่าได้ถือสากัน”
อวิ๋นเยี่ยหัวเราะฮ่าๆก้าวเข้าประตูทำความเคารพท่านย่าแล้วพูดกับเผยอวี้ที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่
ไม่ทันที่เผยอวี้ปริปากท่านย่าก็พูดว่า “ดีแล้ว เจ้าหนุ่มน้อยอยู่กับยายเฒ่ามาแล้วทั้งเช้าคงรำคาญแย่ พวกเจ้าพี่เมียน้องเขยคุยกันตามสบาย ข้าชักเพลียแล้วขอตัวไปงีบสักประเดี๋ยวอายุมากเกินไม่ไหวแล้ว” ท่านย่าบ่นพึมพำแล้วก็ให้สาวใช้พยุงไปพักผ่อนด้านหลัง
“คุณชายคนนี้คงเป็นคุณชายลิ่งหูสง่าผ่าเผยแท้ๆ บิดาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในพื้นที่ ครั้งก่อนที่เขาเข้าเมืองหลวงรับตำแหน่งพวกเราเคยพบปะกัน ไม่รู้ว่าสบายดีหรืออย่างไร”
ลิ่งหูเต๋อเชาได้ยินอวิ๋นเยี่ยทักถึงบิดาตัวเองจึงรีบลุกขึ้นยืนขอบคุณอวิ๋นเยี่ยแล้วพูดว่า “ท่านพ่อคุยตลอดเวลาว่าแข็งแรงราวช้างสาร เป็นขุนนางใกล้ชิดราษฎรต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเวลานี้ยังคงกินได้ดีหลับได้สนิทไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ พูดถึงอวิ๋นโหวบ่อยๆแต่ละครั้งล้วนชื่นชมไม่หยุดปากว่าอวิ๋นโหวเป็นคนหนุ่มอันดับหนึ่งของต้าถัง สั่งกำชับให้ข้ามาครั้งนี้จะต้องขอรับผลดีจากอวิ๋นโหวทั้งเช้าเย็น”
“ไม่ต้องพูดเรื่องขอรับผลดีอะไรหรอก ว่าแต่พวกเจ้าเข้าสถานศึกษาแล้วจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับความยากลำบาก คิดว่าพวกเจ้าคงพอรู้ถึงกฎกติการะเบียบวินัยของสถานศึกษา ทุกอย่างจะต้องลงมือด้วยตัวเองยืมใช้แรงงานภายนอกไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะต้องถูกลงโทษรุนแรง พวกเจ้ารู้กันหรือไม่”