เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 13
“ยังไม่ปล่อยฉันอีก?!”
เซี่ยหยางรีบปล่อยมือทันที จากนั้นว่ายน้ำขึ้นไปยังชายฝั่ง หันหลังมองเฉินเจียที่อยู่ในแม่น้ำ
“มองอะไร?”
เซี่ยหยางยิ้มแล้วรีบหันหลังไป สังเกตเห็นว่าหลี่เอ้อนิ้วก็กำลังมองไปที่แม่น้ำ เขารีบแตะหลี่เอ้อนิ้วทันที:“มองทำไม!”
“เฮ้อๆ ไม่รบกวนพวกคุณสองคนแล้ว!”หลี่เอ้อนิ้วหัวเราะและรีบวิ่งหนีไป ปล่อยให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน
“คุณมีเสื้อสำรองอยู่ในรถยนต์หรือเปล่า?”เมื่อเฉินเจียขึ้นมาบนชายฝั่ง เซี่ยหยางถามด้วยความห่วงใย
“ฉันไม่ได้เดินทางไปที่ไกลๆบ่อยหนัก ฉันจะเอาเสื้อผ้าสำรองไว้บนรถทำไม?”เฉินเจียพูดด้วยอารมณ์โกรธ“คุณไปหาเสื้อผ้ามาให้ฉันหน่อย”
“ในหมู่บ้านไม่มีร้านซูเปอร์มาร์เกต ฉันจะไปหาให้คุณได้ที่ไหน?”เซี่ยหยางไม่รู้จะพูดอะไร“ถ้าไม่เป่าให้เสื้อผ้าแห้ง ก็ต้องใส่เสื้อผ้าของฉัน เสี่ยวฉุ่ยที่เป็นภรรยาของเอ้อนิ้วใส่เสื้อตัวเล็กมาก ฉันคิดว่าคุณน่าจะใส่ไม่ได้”
“งันก็หาเสื้อผ้าที่คุณไม่ได้ใส่เป็นประจำมาให้ฉัน”เฉินเจียกัดฟันและพูด
เซี่ยหยางพยักหน้า รีบวิ่งกลับบ้านแล้วหาชุดกีฬาที่ตัวเองไม่ค่อยได้ใส่ จากนั้นหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วรีบวิ่งกลับไปที่บ่อปลา
เฉินเจียหน้าแดงรีบหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินไปที่บ้านไม้หลังเล็กที่อยู่ริมสวนผัก เซี่ยหยางจุดไฟที่ข้างบ่อปลาแล้วเริ่มย่างปลา ผ่านไปไม่นานกลิ่นหอมก็โชยออกมา แต่เขากลับไม่เห็นเฉินเจีย
“เฉินเจีย ถ้าคุณชักช้าและยังไม่ออกมาอีก ปลาย่างจะถูกฉันกินจนหมดแล้ว!”เซี่ยหยางตะโกนด้วยเสียงหัวเราะ
เขาเดาได้ว่าเฉินเจียน่าจะเขินอายและไม่ยอมออกมา เมื่อนึกถึงเธอในตอนปกติที่มีลักษณะอันดุร้าย และดูเธอตอนนี้ที่มีลักษณะไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้หญิง
“เสื้อผ้าชุดนี้ฉันเคยใส่แค่ไม่กี่ครั้ง”เซี่ยหยางยื่นปลาที่ย่างจนเสร็จให้เธอ และเขาก็หยิบปลาตัวหนึ่งขึ้นมากิน พูดด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนบ้านฉันจนมาก มีเสื้อผ้าดีๆหน่อยก็ไม่ค่อยกล้าใส่ ฉันซักสะอาดแล้ว เธอวางใจได้ คราวหน้ามาที่หมู่บ้านค่อยเอามาคืน”
“อ้า!”เฉินเจียอดไม่ได้ที่จะพ่นเนื้อปลาที่กัดไปออกมา ใบหูของเธอเริ่มแดง พูดด้วยความโกรธ“เสื้อผ้าที่ฉันเคยใส่ คุณยังต้องการเอาคืนอีกเหรอ?!ฮึ!คุณมันโรคจิต!ฉันไม่ให้คุณหรอก!”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!”เซี่ยหยางพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้จริงๆ ในเมื่อเฉินเจียพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้เขาตั้งตารอมันจริงๆ“เสื้อผ้าชุดนี้ฉันซื้อมาพันกว่าหยวน ฉันซื้อมันด้วยเงินที่หามาได้ครั้งแรก มันเป็นของระลึกที่มีความสำคัญต่อฉันมาก คุณเอาไปใส่แล้วไม่คืนไม่ได้?”
“ฉันให้คุณหนึ่งหมื่นหยวน!เสื้อผ้าชุดนี้เป็นของฉัน!”เฉินเจียพูดอย่างคนเอาแต่ใจ
พูดจบก็เกิดความอับอายอยู่ครู่หนึ่งและบรรยากาศคลุมเครือเล็กน้อย
ทั้งสองคนทานปลาจนหมด ขณะเดินย้อนกลับก็หาเรื่องพูดคุย
เฉินเจียเดินลำพังไปยังรถLandRoverสีขาวที่จอดอยู่ในหมู่บ้าน มีเสียง‘โครม’จากการปิดประตูดังขึ้น จากนั้นเธอจับเส้นผมของตัวเอง‘อ้าๆๆ’ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ก่อนที่จะสตาร์รถแล้วจากไป
เซี่ยหยางกลับถึงบ้านอาบน้ำเย็นจนทำให้เขาสงบลง หลังจากวุ่นวายมาทั้งวัน เขาก็นั่งทานข้าวเย็นกับพ่อ รอจนพ่อของเขาออกไปเดินเล่น เขาก็กลับมายังห้องตัวเอง เขาใช้พลังจิตและเข้าไปในโลกแห่งหยก
หมู่บ้านชนบทถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ขณะนี้ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
เซี่ยหยางเข้าไปในโลกแห่งหยก เห็นที่นี่ก็ใกล้จะมืดเหมือนกัน เห็นแมวสองตัวกำลังเล่นอยู่ในสนามหญ้า เหมือนเริ่มต้นวันใหม่
เมื่อเห็นเขาเข้ามา แมวสองตัวรีบวิ่งเข้ามาอ้อนเขาทันที
เซี่ยหยางสังเกตและพบว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งวัน แมวทั้งสองตัวดูเหมือนจะโตขึ้นมาก พวกมันสองตัวโตเร็วกว่าเจ้าฉายในตอนนั้นอีก อาจเป็นเพราะพวกมันเป็นสัตว์คนละชนิด?หรือเป็นเพราะอย่างอื่นกันแน่?
“พวกเจ้าสองตัวจับปีศาจหนูได้หรือยัง?”ขณะที่เซี่ยหยางพูดไปด้วย เขาก็เดินไปไร่สวรรค์ที่อยู่ด้านหลังสวนป่า แมวสองตัวส่งเสียง‘เหมียว เหมียว’และเดินตามหลังเขา น่ารักน่าเอ็นดูมาก
“หนึ่งสองสามสี่—-”เซี่ยหยางเริ่มนับ เพื่อดูว่าโสมหายไปหรือเปล่า หลังจากเขานับไปสองรอบปรากฏว่าโสมมีอยู่หนึ่งร้อยห้าต้น จากนั้นนับเห็ดหลินจือ ไม่หายไปเลยสักต้น ดูเหมือนว่าปีศาจหนูตัวนี้จะไม่สนใจเห็ดหลินจือ
ปล่อยแมวสองตัวไว้ที่นี่ก็ทำให้ปีศาจหนูตัวนั้นตกใจกลัวเหมือนกัน!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซี่ยหยางก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริง มาเอากระดูกให้แมวทั้งสองตัว และสร้างกระท่อมหลังเล็กๆในโลกแห่งหยกให้พวกมันสองตัว หลังจากทำเสร็จทั้งหมด เขาก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริงและนอนหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยหยางตื่นมาแต่เช้าแล้วไปอาบน้ำ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เขาสูบบุหรี่และมือไขว้หลังเดินเล่นไปทั่วหมู่บ้าน หลังจากให้หลี่เอ้อนิ้วจัดการเรื่องต่างๆ เขาก็เริ่มใช้ชีวิตที่สงบสุขและไม่ธรรมดาแบบนี้ ทุกเช้าเขาจะออกมาเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน
เขาเดินอย่างไม่รู้ตัวจนไปถึงบ่อปลาของหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกล เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำงานอยู่ในบ่อปลา ดูเหมือนพวกเขากำลังปล่อยลูกปลาลงบ่อ เมื่อเซี่ยหยางเห็นเขาก็สนใจขึ้นมาทันที เขารีบเดินเข้าไปดู เขาเห็นหัวหน้าหมู่บ้านหวังหยุนจู้กับคนที่ชอบอวดรวยในหมู่บ้านชื่อจางฝู้กุ้ยกำลังออกคำสั่งให้คนในพื้นที่หรือคนนอกพื้นที่ที่พวกเขาจ้างมาทำงาน
“โอ้ หัวหน้าหมู่บ้าน พวกคุณจะเลี้ยงปลาเหรอ?”เซี่ยหยางถามด้วยความสงสัย“สายพันธุ์อะไร นี่คือ”
“ปลาตะเพียน!”ตั้งแต่เซี่ยหยางมีเรื่องกับพวกเขา หวังหยุนจู้ก็ไม่เคยแสดงสีหน้าที่ดีต่อเขาเลย ตอบกลับแบบง่ายๆและไม่คิดจะคุยกับเขาอีก
หลังจากที่จางฝู้กุ้ยถูกเซี่ยหยางใช้มือข้างเดียวบีบคอแล้วยกเขาขึ้นในสวนผัก ทุกครั้งที่เจอกันเขาจะพยายามหลบหน้าเสมอ เพราะกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะบ้าคลั่งและลงไม้ลงมือกับเขาอีก
เมื่อเห็นเซี่ยหยางเดินเข้ามาตั้งแต่เช้า เขารีบหยุดทำงานทันที ถอยไปอยู่ด้านหลังฝูงชน เพราะกลัวไอ้สารเลวคนนั้นจะทำร้ายเขาอีก
ถึงแม้เขาจะกลัว แต่จางฝู้กุ้ยเป็นคนที่ชอบเก็บความแค้นไว้ในใจ ถ้าให้โอกาสเขา เขาคงจะเอาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแน่นอน
“โอ้ ลุงฝู้กุ้ย ก็อยู่ด้วยเหรอ?”เซี่ยหยางเดินไปที่ข้างๆจางฝู้กุ้ยอย่างช้าๆ พูดด้วยรอยยิ้ม“ลูกปลาในบ่อเลี้ยงปลานี้ คุณมีส่วนแบ่งด้วยใช่ไหม?”
“ฮึ ถ้าคุณเลี้ยงปลาได้ ทำไมพวกเราจะเลี้ยงบ้างไม่ได้?”จางฝู้กุ้ยอดไม่ได้ที่จะโกรธ ในขณะพูดก็พยายามรักษาระยะห่างกับเซี่ยหยาง ดูเหมือนครั้งที่แล้วที่พวกเขาสู้กันตัวต่อตัวจะทำให้เขากลัวเซี่ยหยางมากๆ
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”เซี่ยหยางพูดอย่างตลก“คุณอยู่ไกลขนาดนั้นทำไม?ไกลขนาดนั้นคุยกันมันเหนื่อยรู้ไหม”
เขาโบกมืออย่างดูถูก หันหลังกลับไปพูดกับผู้ใหญ่บ้าน:“ผู้ใหญ่บ้าน ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วฉันไปหาคุณที่บ้านเพื่อต้องการเช่าบ่อเลี้ยงปลาพวกนี้ ตอนนั้นคุณบอกว่าเป็นของส่วนรวม ไม่สามารถเช่าได้ คุณยังบอกอีกว่าคนในหมู่บ้านจะนำดินมาถมบ่อเลี้ยงปลาเพื่อจะสร้างร้านขายของชำ ทำไมตอนนี้ฉันถึงเห็นพวกคุณมาปล่อยลูกปลา?”
หวังหยุนจู้ไม่พูดอะไร เพราะรู้ว่าตัวเองพูดอะไรก็ไม่มีเหตุผล ที่สำคัญคือตรงนี้ยังมีคนในท้องถิ่นและคนต่างถิ่นอยู่ เขาเลือกที่จะไม่สนใจเซี่ยหยาง
“ปลาไม่ได้เลี้ยงง่ายขนาดนั้น”คนฉลาดอย่างเซี่ยหยางรู้ได้ทันทีถึงความคิดของผู้ใหญ่บ้าน เขาหัวเราะเบาๆและเดินเล่นต่อไปโดยเอามือไขว้ไว้ที่หลัง“ถ้าอนาคตพวกคุณเลี้ยงปลาไม่รอด สามารถขอความช่วยเหลือจากฉันได้”
“นี่มันแช่งกันชัดๆ เป็นคำพูดที่ไม่ดีมากๆ!”จางฝู้กุ้ยเป็นคนออกเงินส่วนใหญ่ที่เอามาซื้อลูกปลาชุดนี้ เงินตั้งหลายหมื่นหยวน เพราะนึกได้ว่าตัวเองสู้เซี่ยหยางไม่ไหว ไม่งั้นเขาคงขึ้นไปสั่งสอนเซี่ยหยางแล้ว
ผ่านไปสองชั่วโมง เซี่ยหยางกลับมาที่บ้านหลังจากที่ไปดูสวนผักว่าปลูกได้อย่างราบรื่นไหม เขาเข้าไปในโลกแห่งหยกอีกครั้ง หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน แมวสีทองทั้งสองตัวก็รูปร่างใหญ่โตขึ้นอีก แวบแรกที่เห็น นึกว่าเป็นลูกเสือตัวน้อย!
“โอ้พระเจ้า ถ้าผ่านไปอีกไม่กี่วัน พวกมันจะกลายเป็นเสือตัวใหญ่หรือเปล่า?”เซี่ยหยางตกตะลึง และกำลังคิดอยู่ว่าจะเลี้ยงพวกมันไว้ในโลกแห่งหยกดีหรือเปล่า
“เหมียว”ในเวลานี้ มีแมวตัวหนึ่งเข้ามาอ้อนเขา ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนลูกเสือตัวน้อยพร้อมกับเสียงร้องของแมว ทำให้เซี่ยหยางแปลกใจและตกใจจนยอมรับไม่ได้ไปชั่วครู่
ถ้าไม่เลี้ยงไว้ในโลกแห่งหยก ปีศาจหนูตัวนั้นก็คงกินโสมที่ตัวเองปลูกไว้จนหมด?นั่นเป็นของมีมูลค่านับสิบล้าน!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซี่ยหยางได้แต่ส่ายหัวแล้วออกมาจากโลกแห่งหยก คงต้องเลี้ยงต่อไป เลวร้ายที่สุดก็แค่เลี้ยงแมวสองตัวที่มีรูปร่างภายนอกใหญ่โตเหมือนเสือ สุดท้ายก็คงขายให้สวนสัตว์หรือไม่ก็ขายให้คนรวยเหล่านั้นเอาไปเป็นสัตว์เลี้ยง
“เซี่ยหยาง คุณอยู่บ้านไหม?”
เซี่ยหยางพึ่งออกมาจากโลกแห่งหยก ได้ยินน้ำเสียงขี้อายดังขึ้น และเขาก็เห็นศีรษะเล็กๆโผล่เข้ามาจากหน้าประตู
“ฉันอยู่นี่”เซี่ยหยางเงยหน้าขึ้นมองและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“โอ้ คุณลุงเฉียงจื่อนี่เอง?ทำไมคุณลุงมีเวลาว่างมาที่บ้านฉันละ?”
เฉียงจื่อคือชายวัยกลางคนที่เป็นเพื่อนบ้าน เขาเป็นคนปรับตัวตามสถานการณ์ เป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นพวกนกสองหัว ทุกคนต่างมีนิสัยแตกต่างกัน เรื่องพวกนี้เซี่ยหยางก็รับได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาแค้นที่สุดคือ ในขณะที่พ่อของเขาป่วยหนัก ไปขอยืมเงินกับเขาแต่โดนเขาปฏิเสธ
ตอนนั้นเซี่ยหยางจำสีหน้าดูถูกของเขาได้ดี เคยสาบานกับตัวเอง ถ้าตัวเองประสบความสำเร็จ เขาจะเอาศักดิ์ศรีที่เคยเสียไปคืนมา
“ลุงเฉียงจื่อมีเรื่องอะไรครับ?”เซี่ยหยางย้อนนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดในอดีตและพูดด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ“เชิญนั่ง”
“เฮ้อ”เฉียงจื่อนั่งลงอย่างระมัดระวัง ไม่กล้านั่งเต็มเก้าอี้ ก้นของเขานั่งอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของเก้าอี้ เขาเตรียมการอยู่ชั่วครู่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“เซี่ยหยาง ลุงขอร้องให้แกช่วยเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
ขณะนี้เซี่ยหยางเดาได้คราวๆแล้วว่าเขาต้องการให้ช่วยอะไร น่าจะเป็นเรื่องเอาที่ดินมาเช่าให้ตัวเอง เขาแอบดีใจ ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มและพูด:“ลองพูดมาสิ”
“ได้ ได้ ดูสิ ตอนนี้แกก็เป็นเถ้าแก่แล้ว แกเป็นคนเก่งมาก ลุงยังไม่ได้อวยพรแกเลย”เฉียงจื่อถูมือตัวเอง พูดอย่างเก้ๆกังๆ
“อะแฮ่มๆ ได้ยินว่าแกอย่าจะเช่าที่ดิน?ที่ดินทั้งหมด5มู่(1มู่=0.412ไร่)ของลุงให้แกเช่าเอาไหม?”
“ลุงก็ปลูกของลุงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”เซี่ยหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
“โอ๊ย ปลูกไม่ดีเลย รายได้จากการปลูกพืชหนึ่งปียังสู้พืชผักที่แกปลูกสิบวันยังไม่ได้เลย”เฉียงจื่อส่ายหัวและพูด“ฉันเห็นว่าแกปลูกผักได้ดี ถ้าแกสามารถขยายการปลูกเพิ่ม อนาคตคงเป็นเถ้าแก่ที่ร่ำรวยมากๆแน่นอน!แกเช่าที่ดินของลุงได้ไหม?”
“แล้วไง?”เซี่ยหยางถามต่อ
“ถ้าแกให้ลุงไปทำงานในสวนผักด้วยจะดีมากๆ”เฉียงจื่อกล่าวอย่างอิจฉา“แกรู้ไหม คนหลายคนในหมู่บ้านอิจฉามากๆที่ได้ไปทำงานที่สวนผัก!แกคิดว่าไง?”
“ตอนนี้รู้จักขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้วเหรอ?”เซี่ยหยางหัวเราะออกมาและพูด“สองปีที่แล้วพ่อของฉันป่วยหนัก ลุงพูดอะไรไว้ตอนที่ฉันไปขอยืมเงิน?”