เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 15
“ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?ทำไมเขาถึงไม่เช่าที่ดินของฉัน พวกเจ้าลองคิดดู?นั้นเป็นเพราะที่ดินของฉันมันน้อย เขาไม่อยากได้เพราะกำไรไม่เยอะ แต่พวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน พวกเจ้ามีที่ดินเป็นร้อยมู่(1มู่=0.412ไร่) หนึ่งมู่เขากำไรจากพวกคุณเท่าไหร่?ปีๆหนึ่งเขาทำกำไรจากพวกคุณได้เท่าไหร่? เก็บไว้ปลูกเองไม่ดีกว่าเหรอ”เฉียงจื่อพยายามพูดจาก่อกวน
ชาวบ้านทุกคนต่างพูดคุยปรึกษากัน ดูเหมือนพวกเขากำลังลำบากใจ แต่เซี่ยหยางไม่ได้พูดอะไร สูบบุหรี่อย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางที่มั่นใจในตัวเอง
“พวกเจ้าดูสิ เขาไม่พูดอะไรเลย?เพราะเขาละอายแก่ใจอยู่”เฉียงจื่อยิ่งพูดยิ่งลามปาม เงยหน้าขึ้นมาและพูด:“ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ฉันไม่เคยบอกพวกคุณ คืนนั้นฉันอยู่ข้างกำแพงและได้ยินโดยบังเอิญ เซี่ยหยางเป็นคนพูดออกมาเอง หนึ่งมู่(1มู่=0.412ไร่) สามารถกำไรจากพวกเจ้าหนึ่งพันหยวน คิดดูสิ เขาเป็นคนใจดำและหน้าเลือดแค่ไหน”
หลังจากที่เขาพูดจบ ชาวบ้านก็เริ่มสุมหัวคุยกัน อารมณ์ของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป บางคนลังเลขึ้นมาทันที เฉียงจื่อยังคงพูดก่อกวนต่อ:“ที่พูดเรื่องนี้เพราะคิดว่าพวกเราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ฉันก็เลยบอกตามตรง ที่ดินของฉัน จะไม่เช่าให้เขาแน่นอน ฉันไม่อยากให้เงินมันฟรีๆหลายพันหยวน ฉันปลูกทำเองดีกว่า คนอย่างเขาทุกคนไว้ใจเอาที่ดินตัวเองเช่าให้เขาเหรอ?ขนาดฉันเป็นลุงเขายังทำเลย ทุกคนก็รอโดนเขาหลอกเอาเปรียบละกัน”
ตอนนี้ ชาวบ้านทุกคนแตกตื่น มองไปที่ผู้แทน ผู้แทนเองก็ลำบากใจเหมือนกัน เมื่อเห็นเซี่ยหยางไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเลย เขาเดินเข้าไปและถาม:“เซี่ยหยาง เรื่องที่เฉียงจื่อเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
เซี่ยหยางมองไปที่ชาวบ้านทุกคน พูดอย่างใจเย็นว่า:“ฉันเข้าใจความกังวลของทุกคน ทุกคนมีรายได้จากการเพาะปลูกและต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้น ถ้าทุกคนคิดว่าฉันกำไรมากเกินไป ฉันจะเพิ่มราคาให้ทุกคนอีก”
“โม้ คุณโม้ต่อไป หนึ่งมู่(1มู่=0.412ไร่) คุณกำไรเป็นพัน คุณจะยอมเพิ่มราคาเหรอ?”เฉียงจื่อพูดยั่วยุอยู่ข้างๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ หนึ่งมู่(1มู่=0.412ไร่) กำไรหนึ่งพันหยวนสำหรับเซี่ยหยางมันน้อยมากอยู่แล้ว
“ใช่ งั้นคุณยอมเพิ่มให้เท่าไหร่?”ผู้แทนชาวบ้านถาม
เซี่ยหยางชูขึ้นมาสองนิ้ว เฉียงจื่อรีบพูดเยาะเย้ยทันที:“เพิ่มแค่สองร้อย คุณทำไมไม่ไปปล้นกันเลยละ คุณมันจิตใจโหดเหี้ยมสุดๆ ทำไมหมู่บ้านเราถึงได้มีคนที่เลวทรามต่ำช้าอย่างคุณ”
เซี่ยหยางไม่สนใจเฉียงจื่อ พูดอย่างช้าๆ:“ที่ฉันจะพูดคือเพิ่มให้สองเท่า ที่ดินหนึ่งมู่(1มู่=0.412ไร่) ให้สี่พัน ถ้าทุกคนรับได้ ตอนนี้ก็เซ็นสัญญาเลย เรื่องนี้เป็นความสมัครใจ ฉันไม่ได้บังคับ”
“สี่ สี่พัน……”เฉียงจื่อพูดอะไรไม่ออกเหมือนคอตัวเองโดนอะไรอุดอยู่ พูดอู้อี้อยู่หลายครั้งและเขาก็ตกตะลึงมากๆ
“นี่มันขาดทุนชัดๆ ฉันจะพูดอย่างไรดี ตอนนี้เซี่ยหยางเป็นเถ้าแก่แล้ว เขามั่งคั่งร่ำรวย เขาไม่ลืมทุกคนในหมู่บ้านอยู่แล้ว ทุกคนรีบไปลงทะเบียนเร็วๆ”
ในเวลานี้ชาวบ้านทุกคนไม่มีความกังวลใดๆอีก และพวกเขาก็รีบไปทำสัญญาทันที เอ้อนิ้วยุ่งเกินกว่าจะรับไหวจนต้องเรียกพนักงานต้อนรับสองคนให้เข้ามาช่วย
เฉียงจื่อหมดกำลังใจ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครขัดขาตัวเอง ทำให้เขาล้มลงกับพื้น เขาล้มลุกคลุกคลานออกมา เนื้อตัวสกปรกไปหมด เขาจ้องไปที่เซี่ยหยางผ่านฝูงคน กระทืบเท้าและด่าพึมพำ จากไปด้วยความเศร้าหมอง
เซี่ยหยางยอมเช่าที่ดินทั้งหมดของชาวบ้าน ขั้นตอนต่างๆดำเนินการไปอย่างราบรื่น เขาติดตามและอธิบายข้อควรระวังบางประการให้แก่ชาวบ้าน และยังมีชาวบ้านยอมมาช่วยเขาปลูกพืชผักด้วยความสมัครใจ เรื่องค่าจ้างตกลงกันได้
ทำให้เขามีคนช่วยทำสวนปลูกพืชผักด้วย ที่ดินอันกว้างใหญ่ในหมู่บ้าน ตอนนี้มีการปลูกพืชผักไว้หลายชนิด
เซี่ยหยางได้จ้างคนมาสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ไว้หลายแห่ง จากนั้นเขาเข้าไปในโลกแห่งหยกอีกครั้ง เพื่อเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ในลำธารออกมาเพื่อทำชลประทาน
หลังจากนั้นก็นำเมล็ดพืชจำนวนมากมาปลูก โดยใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากโลกแห่งหยกมาเพราะปลูก วันรุ่งขึ้นเมล็ดก็เริ่มงอกออกมา วันที่สามก็เริ่มเจริญเติบโตขึ้นมา
เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านการเพาะปลูกอยู่แล้ว และบวกกับการจัดสรรคนที่มีประสิทธิภาพ ภายในหนึ่งสัปดาห์ ที่ดินทั้งหมดที่ปลูกพืชผักเอาไว้ ก็เริ่มผลิดอกและออกผล
เมื่อมองจากที่ไกลๆ ทั่วพื้นที่มีแต่สีแดงกับสีเขียวสลับกัน มันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ผักและพืชเจริญเติบโตอย่างงดงาม มองแล้วทำให้มีความสุข
เซี่ยหยางคำนวณคร่าวๆ เมื่อสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลทั้งหมด ผลผลิตของมันมากพอที่จะจัดส่งให้ร้านฝูหมั่นโหลวของเฉินเจียกับร้านอาหารฟาร์มออร์เเกนิคของตัวเอง ในอนาคตผลผลิตของเขาจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ทำให้เขาต้องหาร้านอาหารเพิ่ม
หักค่าแรงและค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อเทียบกับกำไรในครั้งก่อน ครั้งนี้คงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ดูเหมือนเซี่ยหยางจะเห็นกองเงินกองทองกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่ ทำให้เขามีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ทำให้เซี่ยหยางดีใจที่สุดคือ หลังจากที่พ่อของเขาดืมน้ำศักดิ์สิทธิ์จากโลกแห่งหยกอย่างต่อเนื่อง ขาของเขาก็ดีขึ้น สองวันนี้ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดินแล้ว สามารถเดินเล่นไปทั่วหมู่บ้าน แม้แต่ใบหน้าก็ดูสดใสมากขึ้น
หลังจากยุ่งอยู่เกือบหนึ่งสัปดาห์ วันนี้เซี่ยหยางพาเจ้าฉายเข้าไปในโลกแห่งหยก เขาไปดูโสมที่ปลูกไว้ในไร่สวรรค์ โสมเจริญเติบโตได้ดี เขาขุดเบาๆที่หน้าดิน ก็เห็นต้นโสมใหญ่เท่านิ้วก้อยแล้ว
เซี่ยหยางอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ใช้เวลาอีกไม่กี่วัน โสมหนึ่งต้นก็สามารถขายได้หนึ่งล้าน ถ้าขายทั้งร้อยกว่าต้นจะได้เท่าไหร่?ไม่ได้ ฉันจะรอให้โสมใหญ่มากกว่านี้อีกหน่อยค่อยขาย คงขายได้หลายร้อยล้าน และฉันก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐี
เมื่อดูที่เห็ดหลินจือ ก็เห็นมันแตกหน่อเหมือนกัน และโสมเปรูที่ปลูกด้วยกันก็เจริญเติบโตเช่นกัน เพียงแต่เซี่ยหยางยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีการปลูกพืชเหล่านี้ คงต้องหาโอกาสไปถามปรมาจารย์แพทย์แผนจีนเย้นหงเม่าหน่อย
ขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องพวกนี้อย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องออกมา ทำให้เซี่ยหยางตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว เขามองอย่างระมัดระวัง เห็นเจ้าฉายกับแมวสองตัวกำลังสู้กันอยู่
เมื่อมองแมวสองตัวอย่างละเอียด พบว่าพวกมันดูมีสง่า ขนลุกทั้งตัว อ้าปากแยกเขี้ยว พวกมันมีขนาดเท่าสุนัขโตเต็มวัย พวกมันบีบบังคับให้เจ้าฉายต้องเดินถอยหลัง
ดูเหมือนเจ้าฉายกำลังหวาดกลัว หันไปมองเซี่ยหยาง ตอนนี้มันงุนงงมาก เพราะไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนี้มาก่อน
เซี่ยหยางรีบเดินเข้าไปทักทาย เพื่อเลี่ยงการต่อสู้ระหว่างสุนัขกับแมวที่หาดูได้ยาก แมวสองตัวรีบเดินเข้ามาอ้อนเซี่ยหยาง ทำให้เจ้าฉายรู้สึกน้อยใจและส่งเสียงร้องออกมา ดูเหมือนมันกำลังอิจฉาอยู่
ผ่านไปหลายวัน ระหว่างกลับจากการเรียนขับรถ เซี่ยหยางวางแผนจะแวะไปที่สวนผัก หลังจากเห็นพืชผล เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะว่าพืชผลเติบโตไม่ดี แต่เป็นเพราะในสวนผักที่อุดมสมบูรณ์เขียวขจีไปด้วยพืชผัก แต่กลับมีที่ดินที่ปลูกแตงกวาไว้ทำให้เสียบรรยากาศ
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเห็นคนรู้จักคนหนึ่งกำลังนั่งย่องๆอยู่ในสวนแล้วถอนหายใจ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฉียงจื่อ
ที่ดินตรงนี้เป็นของเฉียงจื่อเอง แต่พื้นที่โดยรอบโดนเซี่ยหยางเช่าไว้หมดแล้ว พืชผักเจริญเติบโตได้ดีมาก แต่เมื่อมองดูพืชผลในสวนของเฉียงจื่อ พืชผักทั้งหมดกำลังเหี่ยวเฉา แตงกวาพวกนั้นก็ดูเหมือนว่าขาดสารอาหาร เล็กใหญ่ไม่เท่ากันและกำลังจะเหี่ยวตาย
เมื่อนึกถึงท่าทางของเฉียงจื่อในวันนั้น เซี่ยหยางก็รู้สึกสะใจมากๆ ขณะกำลังจะจากไป พบว่าปากของเฉียงจื่อกำลังขยับอยู่ และเฉียงจื่อก็มองดูรอบๆตลอด
เซี่ยหยางเข้าใจได้ในทันที เฉียงจื่อกำลังขโมยกินของอยู่ เขาจงใจเดินเข้าไปแล้วไอออกมา ทำให้เฉียงจื่อตกใจจนรีบปิดปาก เขาสำลักจนหน้าแดง
“นี่คุณลุงเฉียงจื่อใช่ไหม มาดูที่สวนของลุงหน่อย?”เซี่ยหยางพูดและมองดูพืชผักที่น่าสงสารของเขา
เฉียงจื่อรีบปิดปากตัวเอง รีบกลืนของที่อยู่ในปากเข้าไป รีบกลืนเร็วไปจนเกือบติดคอ และเก็บแตงกวาที่กินไม่หมดใส่กระเป๋าและพูดด้วยความตื่นตระหนก:“อ้า ใช่แล้ว แกว่างมาดูสวนลุงด้วยเหรอ?”
“ฉันก็มาดูพืชผักที่ปลูกไว้ อะไรอยู่ในกระเป๋าของลุง ขอฉันดูหน่อย?”เซี่ยหยางขณะพูดก็จงใจเดินเข้าไปใกล้
เฉียงจื่อรีบใช้มือปิดกระเป๋า พูดอย่างประหม่า:“ไม่มีอะไร ฉันพึ่งเด็ดแตงกวาในสวนของตัวเอง มีอะไรเหรอ?”
“ของสวนตัวเอง ฉันคิดว่าเป็นสวนของฉันมากกว่า?”เซี่ยหยางพูดตามตรง
“อย่าพูดมั่ว บนแตงกวาเขียนชื่อแกไว้เหรอ?”เฉียงจื่อไม่พอใจ เขาหยิบแตงกวาออกมาอย่างเปิดเผย
เซี่ยหยางหัวเราะออกมา:“สวนผักของลุงมีแตงกว่าใหญ่ขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
“ไม่ต้องมาหลอกล่อให้ฉันกลัว ไม่ใช่แค่สวนผักของแกมีอย่างเดียว สวนผักของฉันก็มี”เฉียงจื่ออดไม่ได้ที่จะกัดกินแตงกวาในขณะที่เขาพูด เพราะมันทั้งหวานและอร่อย
“งั้นลุงหาแตงกวาที่ใหญ่เท่ากันในสวนของลุงให้ฉันดูหน่อยสิ?”เซี่ยหยางชี้ไปที่สวนผักของเฉียงจื่อ
เฉียงจื่อเริ่มกังวลใจ เมื่อมองไปรอบๆ เขาไม่พบแตงกวาที่ใหญ่เท่ากันในสวนผักของตัวเองเลย เขาไม่เข้าใจจริงๆ แตงกวาในสวนของเซี่ยหยางปลูกทีหลัง แต่ทำไมแตงกวาในสวนผักของเขาทั้งใหญ่กว่าและหวานกว่า
“ใช่ ใช่แล้ว ในสวนผักของฉันมีแตงกวาใหญ่ขนาดนี้อยู่อันเดียว ดังนั้นฉันจึงลองชิม”เฉียงจื่อไม่ยอมรับและพูด
“อืม แตงกวาอร่อยไหม?”เซี่ยหยางถาม
“อร่อย!”เฉียงจื่อพูดออกมาทันที เขาอดไม่ได้ที่จะกัดแตงกวาอีกครั้ง เมื่อเขานึกได้บางอย่าง เขารีบคายมันออกมาและโยนแตงกวาทิ้งไปแล้วพูดว่า:“มันอร่อยหรือเปล่าก็ไม่เกี่ยวกับแก แกอวดเก่งทำไม?”
“ถ้างั้นก็กินเยอะหน่อย แต่อย่าสำลักแล้วกัน”เซี่ยหยางส่ายหัวอย่างตลกขบขัน เขาขี้เกียจโต้เถียงกับเฉียงจื่อ หันหลังแล้วเดินจากไป
เฉียงจื่อกระทืบเท้าและกังวลใจ จ้องมองเซี่ยหยางด้วยความโกรธ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เมื่อเห็นเซี่ยหยางเดินจากไป เขาก็รีบไปเก็บแตงกวาที่โยนทิ้งไปเมื่อสักครู่ขึ้นมาแล้วเช็ดให้สะอาด กัดอย่างแรงหลายครั้งและพูดพึมพำ:“ฉันจะกินแล้วจะทำไม?ไอ้เด็กเปรต แกรอดู ดูว่าฉันจะจัดการแกยังไง”
หลังจากที่เฉียงจื่อพูดจบก็มองไปที่สวนผักอันอุดมสมบูรณ์ เขากลอกตา กัดฟันและพยักหน้า ในหัวคิดแผนชั่วร้ายออกมาได้ สวนผักของเซี่ยหยางอุดมสมบูรณ์ใช่ไหม งั้นฉันจะทำลายมันซะ ทำให้สวนผักของแกเสียหาย
เมื่อคิดแบบนี้ ทำให้เฉียงจื่ออดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชา
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยหยางตื่นแต่เช้า ตัดสินใจไปที่ร้านอาหารฟาร์มออร์เเกนิค หลังจากเขาถึงร้านก็เห็นพนักงานต้อนรับหลายคนวิ่งไปข้างนอกอย่างเร่งรีบ เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“พวกเจ้าจะไปที่ไหน?”เซี่ยหยางถามพนักงานคนหนึ่ง
“เถ้าแก่เซี่ย พวกเราไปช่วยกันเข็นรถ เพราะล้อรถติดอยู่ในโคลน”พนักงานต้อนรับคนหนึ่งพูดและรีบวิ่งออกไป
เซี่ยหยางเกาหัวแล้วเดินตามไป หรี่ตาแล้วมอง และเห็นรถบรรทุกคันหนึ่งล้อติดหล่ม มีควันดำโพยพุ่ง แต่รถก็ออกจากหลุมไม่ได้สักที
พนักงานต้อนรับหลายคนช่วยกันเข็น ช่วยกันเข็นจนหน้าดำคร่ำเครียดรถก็ออกมาไม่ได้ คนขับรถเกาหัวอย่างกังวลใจ เขาเหยียบคันเร่งจนสุด แต่ล้อรถก็ติดหล่มอยู่ ไม่สามารถออกมาได้
รถคันนี้ใช้ขนของมาที่ร้านอาหารฟาร์มออร์เเกนิค ด้านบนขนโต๊ะเก้าอี้มาด้วย ทำให้มีน้ำหนักเยอะ และถนนในหมู่บ้านก็เป็นหลุมเป็นบ่อทำให้เดินทางเข้ามาอย่างยากลำบาก
“พวกเจ้าออกไปให้หมด เดียวข้าลองเอง”เซี่ยหยางพูดและโบกมือไปด้วย เขากำลังเตรียมใช้กำลัง
พนักงานต้อนรับหลายคนสงสัย หันหัวไปมองเซี่ยหยาง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
เซี่ยหยางสีหน้าจริงจัง ใช้มือทั้งคู่จับหลังรถแล้วยกขึ้น ไม่คาดคิดว่ารถคันนี้จะออกจากหลุมเลย คนขับตะลึงชั่วครู่แล้วรีบหันพวงมาลัยรถทันที และขับผ่านไปได้อย่างราบรื่น
พนักงานต้อนรับมองหน้ากัน แล้วยกนิ้วโป้งให้เซี่ยหยาง เซี่ยหยางยิ้มแล้วมองไปที่ไหล่ของตัวเอง เพราะเขาก็ประหลาดใจตัวเองเหมือนกัน
ดูเหมือนว่าตั้งแต่เขากินอาหารและดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากโลกแห่งหยก นอกจากทำให้ตัวเองปราดเปรียวว่องไวแล้ว ยังทำให้เขามีพละกำลังมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
รีบไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี้ลงจากรถหน่อย เซี่ยหยางมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นหลี่เอ้อนิ้ว โดยปกติคนร่างใหญ่ตัวโตอย่างเขาต้องมาช่วยยกของพวกนี้อยู่แล้ว
หลังจากถามพนักงานหลายคน ทุกคนบอกว่าไม่เห็นหลี่เอ้อนิ้วเลย เซี่ยหยางรู้สึกงุนงง กำลังจะไปสวนผักเพื่อดูการเจริญเติบโตของพืชผัก ตอนนี้เขาเห็นเอ้อนิ้ววิ่งมาที่เขาอย่างรีบร้อน