เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 2
พอกลับมาถึงบ้าน เซี่ยหยางก็เห็นพ่อกำลังสานตะกร้าไม้ไผ่อยู่บริเวณลานในบ้าน นับตั้งแต่ที่ขาช่วงล่างทั้งสองข้างแทบจะไม่สามารถเดินได้ เขาก็คอยสานวันละหนึ่งถึงสองใบ เมื่อถึงวันที่ไปตลาดก็จะนำมันไปขายเพื่อหารายได้เข้าครอบครัว
“พ่อ หยุดสานได้แล้ว ดื่มน้ำพักหน่อยเถอะ”เซี่ยหยางโยนอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรลงบนบริเวณลานหน้าบ้าน แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว พอนึกขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็เข้าไปยังโลกแห่งหยก เขาตักน้ำหนึ่งกระติกออกมาจากลำธาร หลังจากนั้นก็ใส่ไว้ในชามนำออกไปให้พ่อของเขาดื่ม พลางพูดขึ้นมาว่า“อากาศแห้ง พ่อต้องดื่มน้ำเยอะๆนะ”
เซี่ยซานรับน้ำแร่ดื่มไปหนึ่งอึก หลังจากนั้นก็ดื่มมันหมดภายในคราวเดียว แล้วจึงพูดขึ้นมาอย่างสงสัย“เอาน้ำมาจากไหนน่ะ?ทำไมรสชาติดีอย่างนี้?”
“ในบ้านนั่นแหละ ผมว่าพ่อน่าจะหิวน้ำถึงได้รู้สึกว่ามันอร่อย”เซี่ยหยางพูดพลางหัวเราะหึๆ
“เอามาให้ฉันอีกสองชาม”เซี่ยซานพูด
“เห้อ!”เซี่ยหยางยิ้มตาหยีแล้ววิ่งเข้าไปในห้องครัว หลังจากนั้นก็เอาน้ำแร่สองชามใหญ่ออกมาจากโลกแผ่นหยกยื่นให้พ่อ
“อ่า แปลกมาก อร่อยจริงๆ ”เซี่ยซานที่ลิ้มลองรสชาติครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นมาว่า“กับข้าวเก็บไว้ให้แกแล้วนะ ไปกินเถอะ”
เห็นผู้เป็นพ่อสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของน้ำแร่ ในใจของเซี่ยหยางรู้สึกดีใจมาก เขาอาบน้ำเสร็จ หลังจากนั้นก็มุดไปหาอะไรกินในห้องครัว รอจนเขาเดินออกมา ก็เห็นพ่อของตัวเองรีบเข็นรถเข็นพุ่งไปอย่างห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“พ่อทำอะไรน่ะ?”เซี่ยหยางพยายามกลั้นขำเอาไว้ ทั้งๆที่รู้แต่ก็ตั้งใจถาม เขารู้ว่าน้ำแร่นั่นออกฤทธิ์แล้ว เพื่อให้คนชำระล้างวิ่งปฏิกูลออกจากร่างกาย หลังจากนั้นก็นึกถึงผลการจากการเข้าห้องน้ำ
“ไม่เป็นไร แค่ถ่ายหนักน่ะ”หลังจากที่เซี่ยซานพูดทิ้งท้ายหนึ่งประโยค ก็มุดกลับเข้าไปในห้องน้ำทันที
เพราะว่าขาของพ่อไม่สะดวก ตั้งแต่ปีที่แล้วเซี่ยซานก็ได้ปรับแก้ไขโครงสร้างของห้องน้ำแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลปัญหาการเข้าห้องน้ำ
เซี่ยหยางไม่ได้เอาความลับของตนเองบอกกับผู้เป็นพ่อ เขาแอบซ่อนมันไว้ในใจ หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จ เซี่ยซานได้หลับไป เขาก็เดินออกมาข้างนอกบริเวณลานหน้าบ้านคนเดียว หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีใครมารบกวนได้ เขาก็นึกขึ้นมาได้ กลับเข้าไปในโลกแผ่นหยกอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าโลกภายนอกเป็นเวลากลางคืน ด้านในจะเป็นเหมือนกันไหม
เซี่ยหยางที่พอเข้ามาถึงด้านในมองดู ด้านในก็เป็นเวลากลางคืนเช่นกัน อีกทั้ง พระจันทร์ดูเหมือนจะสว่างกว่าโลกภายนอกมาก อาจจะเป็นเพราะอากาศก็ได้
“ในเมื่อน้ำแร่นี่สามารถชำระล้างสิ่งปฏิกูลที่หลงเหลือภายในร่างกายของมนุษย์ได้รวดเร็วขนาดนี้ ถ้าใช้มาปลูกพืชจะเป็นอย่างไรนะ?”เซี่ยหยางคิดในใจ เขาหยิบขันตักน้ำขึ้นมาตักน้ำในโลกแผ่นหยกแล้วยืนอยู่ที่ลานหน้าบ้าน เตรียมที่จะเลือกรดน้ำพืชหนึ่งต้น
ชาวบ้านในตำบลเฮยถู่ชอบกินกระเทียมมากกว่าต้นหอม ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมต้นหรือเม็ดกระเทียม เพราะฉะนั้นในชนบทจึงปลูกกระเทียมต้นเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลเซี่ย เพียงแต่ขาของผู้เป็นพ่อเดินได้ไม่สะดวกนัก ก่อนหน้านี้ตนเองก็ใช้เวลาเรียนมาแรมปี ฉะนั้นต้นกระเทียมในบ้านจึงแห้งเหี่ยวเฉาไป ก่อนหน้านั้นสองวันหลังจากที่เขากลับมาจากโรงเรียน เขาได้ปลูกแค่กระเทียมกับต้นหอมเล็กน้อย วันนี้ยังไม่มีเมล็ดงอกขึ้นมา
“งั้นกระเทียมต้นแล้วกัน”เซี่ยหยางคิดพลาง สาดน้ำไปที่กระเทียมต้นที่อยู่ในสวนผืนน้อยๆตรงลานหน้าบ้านไปหนึ่งขัน เหมือนจะรู้สึกว่าไม่พบ เขากลับเข้าไปตักน้ำในโลกแผ่นหยกอีกสองขัน พอสาดให้เท่าๆกันแล้ว หลังจากนั้นถึงได้กลับเข้าบ้านไป ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ผล็อยหลับไป
“กุ๊กๆ!”ไก่ตัวผู้ที่เลี้ยงอยู่ในบ้านร้องเป็นเสียงแรก เซี่ยหยางถึงได้ตื่นขึ้นมา เขาสวมเสื้อผ้าอย่างง่วงนอน เดินไปทยังลานหน้าบ้านเพื่อซักเสื้อผ้า จากนั้นก็เตรียมตัวเข้าครัวเพื่อทำบะหมี่กิน
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนเขาได้รดน้ำให้กับกระเทียมและหอมหัวใหญ่ เซี่ยหยางเหลือบตาไปมองดู จากนั้นเขาก็งงเป็นไก่ตาแตกทันที
“ปึ้ก!”แปรงสีฟันที่อยู่ในมือของเซี่ยหยางตกลงพื้น เซี่ยหยางที่ตะลึงพรึงเพริด
เมื่อวานเขาเห็นเพียงเมล็ดของกระเทียมต้นที่ยังไม่งอก เวลาผ่านไปแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น กลับโตขึ้นมาจนน่ากลับอะไรขนาดนี้!
สำหรับว่ามันใหญ่ขนาดไหน เซี่ยหยางคาดคะเนไม่ได้ เขาเบิกตากว้างวิ่งกลับเข้าห้องของตนเองไปด้วยเหลียวหลังมองไปด้วย กลัวว่ากระเทียมหลายสิบเมล็ดนี้จะวิ่งหนีหายไป
เซี่ยหยางหยิบตลับเมตรวิ่งมายังลานหน้าบ้านเพื่อวัด กระเทียมทุกเม็ดงอกออกมาหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตร!
ส่วนด้านล่างของกระเทียมใหญ่เหมือนกับจอบ ใบสีเขียวเข้มมองดูไปแล้วช่างน่ารับประทานยิ่งนัก ดูรวมๆแล้ว มันแข็งแรงกว่าต้นกล้าข้าวโพดเสียอีก
“เยสเข้ ได้รับการพัฒนาแล้ว!”เซี่ยหยางกลืนน้ำลายลงคอดังเอือก เขาเด็ดใบที่เล็กที่สุดแล้ววิ่งไปยังห้องครัว เขารีบทำบะหมี่มาหนึ่งชาม ใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ หั่นใบกระเทียมเสร็จก็โยนมันลงไปในชาม ได้กลิ่นหอมฉุยแปลกๆ ผ่านไปไม่นานบะหมี่ในชามก็ถูกกวาดจนเกลี้ยงชาม เขาเลียริมฝีปาก กลับยังคงรู้สึกไม่พอ
“หยางจื่อ นี่มันคืออะไร?”ในเวลานี้เอง เสียงของเซี่ยซานก็ดังลอดออกมาจากลานหน้าบ้าน
“พ่อ นี่คือกระเทียม นี่เป็นพืชที่ผมคิดค้นขึ้นมา”เซี่ยซานพูดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ“ผมพึ่งลองกินไปแป๊บเดียวเอง รสชาติอร่อยมาก ผมว่าจะเก็บไว้ทำกินเองสองสามเม็ด ที่เหลือก็เอาไปขายที่ร้านอาหารในเมือง”
“เรื่องจริงหรอเนี่ย?”ใบหน้าของเซี่ยซานเหลือเชื่อมาก มองประเมินลูกชายของตนเอง แล้วใช้สายตาจ้องมองไปที่กระเทียมเหล่านั้นเหมือนเห็นผี ผ่านไปนานมากกว่าจะพูดขึ้นมาว่า“แค่คืนเดียวทำไมถึงได้ใหญ่ได้ขนาดนี้?อีกทั้ง แกโกหกพ่อแกคิดว่าพ่อแกไม่รู้หนังสือไม่มีความรู้ใช่ไหม กระเทียมบ้านใครหน้าตาเหมือนต้นอ่อนข้าวโพดแบบนั้?”
“พ่อ พ่ออยู่แต่ในหมู่บ้าน คงจะมีแค่ความรู้งูๆปลาๆ!”เซี่ยหยางพูดขึ้นอย่างได้ใจ“อะไรเนี่ย ทางอเมริกายังปลูกฟักทองใหญ่เท่ารถยนต์ได้เลย อย่าพึ่งพูดอะไรเลย พ่อลองชิมดู”
เซี่ยหยางยื่นบะหมี่ไปให้พ่อ หลังจากนั้นก็ใส่กระเทียมที่เขาใช้น้ำแร่ในโลกแผ่นหยกเพื่อเร่งการเจริญเติบโต รสชาตินั้นได้ดึงดูดเซี่ยซานที่ใช้ชีวิตมาแล้วค่อนชีวิตเข้าให้แล้ว
ภายใต้การหลอกล่อของเซี่ยหยาง ในที่สุดเซี่ยซานก็ค่อยๆยอมรับและลองชิมดู
พอกินข้าวเช้ากันเสร็จ เซี่ยหยางก็ไม่ได้ไปที่สวนมะเขือเทศ เขาวิ่งไปยืมรถสามล้อในหมู่บ้าน คิดว่าจะลองเอากระเทียมเหล่านี้เข้าไปขายในเมืองดูสิว่าจะขายได้ไหม
จำนวนคนในหมู่บ้านตงเจียวค่อนข้างน้อย วัยรุ่นส่วนมากไปทำงานข้างนอกกันเยอะมาก ทั้งหมู่บ้านมีแค่คนหลักร้อยเท่านั้น บ้านที่มีมอเตอร์ไซต์ก็มีเพียงแค่ไม่เกินสิบบ้าน ราคารถสามล้อคันหนึ่งต้องใช้เงินประมาณหนึ่งหมื่นหยวน ไม่มีบ้านไหนจริงๆที่จะซื้อรถคันหนึ่งที่ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อม เพราะถนนลูกรังในหมู่บ้านแย่มาก
คนเดียวที่มีรถสามล้อคือบ้านของจางฝู้กุ้ยผู้ประกอบการท้องถิ่นในหมู่บ้าน เซี่ยหยางคิดว่าถ้าตนเองสามารถเอากระเทียมกลายพันธุ์หลายสิบเม็ดเหล่านี้ไปขายได้ราคางาม นับประสาอะไรกับรถสามล้อ อีกทั้ง ถ้าน้ำแร่ในโลกแผ่นหยกมีผลต่อพืชทุกชนิดแล้วล่ะก็ งั้นสิ่งที่อยู่ในมือของเขาก็คงจะไม่ง่ายเหมือนกระเทียมไม่กี่สิบเม็ดนี้แล้ว
“ลุงจาง?อยู่บ้านไหมครับ?”เซี่ยหยางเดินไปถึงหน้าประตูบ้านของจางฝู้กุ้ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม พอเห็นภรรยาของจางฝู้กุ้ยนั่งกินข้าวเช้าอยู่ในลานหน้าบ้าน เขาก็ยื่นบุหรี่ออกไปหนึ่งม้วน แล้วพูดพลางยิ้มขึ้นมา
“เฮ้ นี่มันเซี่ยหยางไม่ใช่หรอเนี่ย?”จางฝู้กุ้ยมองสบตากับภรรยาของเขา แล้วพูดขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน“ไม่สูบๆ ตอนเช้าลุงไม่สูบบุหรี่ มีเรื่องอะไรหรอ?”
พอเห็นจางฝู้กุ้ยไม่รับบุหรี่ของตนเอง และก็ไม่ถามว่าตัวเองจะกินข้าวเช้าด้วยกันไหม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาเก้าอี้ให้ตัวเองนั่ง แต่เซี่ยยางก็ไม่ได้โกรธ ยังคงพูดอย่างยิ้มๆ“ลุงจาง วันนี้ที่ฉันมาน่ะ ฉันอยากจะขอยืมใช้รถสามล้อของลุงหน่อยได้ไหม ลากของไปที่ในเมืองหน่อยน่ะ จะได้ไหม?”
“ขอโทษด้วยจริงๆนะ”จางฝู้กุ้ยพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเสแสร้งว่าเสียใจ“วันนี้ฉันต้องใช้รถลากของไปที่หมู่บ้านข้างๆน่ะ ยืมให้นายไม่ได้จริงๆ อีกทั้ง รถของฉันก็มีอาการเยอะ พวกนายไม่ค่อยได้ขับถ้าเอาออกไปใช้งานเจอปัญหาขึ้นมาจะลำบากเอา”
เซี่ยหยางที่เห็นเขาจอมปลอมมาก ก็แค่คิดว่าว่าตนเองจนแค่นั้นเองไม่ใช่หรอ ไม่เคยขับรถสามล้อมาก่อน เวลาเจอปัญหามาจะไม่มีปัญญารับผิดชอบใช่ไหม?เขาโกรธมากแต่กลับยังยิ้มอยู่ แล้วพูดขึ้นมาว่า“ลุงจาง ไม่ยืมจริงๆหรอ?”
“ไม่ได้จริงๆ”จางฝู้กุ้ยมองดูสภาพจนๆของเซี่ยหยางทั้งตัว แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า“บ้านของนายมีเกวียนอยู่ไม่ใช่หรอ?ใช้เกวียนลากไปสิ?”
เซี่ยหยางไม่อยากสนใจไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับคนหน้าเลือดประเภทนี้ หันหลังและเดินกลับบ้านไปทันที
“พี่หยาง!”ในตอนที่เซี่ยหยางพึ่งเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างกำยำแต่น่าเอ็นดูพุ่งตรงเข้ามากอดเขา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าพี่กลับบ้านมาสองวันแล้ว กำลังอยากจะชวนพี่ไปจับปลาที่แม่น้ำพอดีเลย ไปไหม?”
“เอ้อนิ้ว?”เซี่ยหยางผลักชายหนุ่มอย่างหลี่เอ้อนิ้วออก แล้วโยนบุหรี่ไปให้เขาหนึ่งม้วน พูดด้วยรอยยิ้มไปว่า“วันนี้ฉันมีธุระต้องเข้าไปทำในเมืองหน่อยน่ะ ไว้วันหลังค่อยไปจับปลากับนายนะ”
“ธุระอะไรน่ะ?ฉันจะไปกับพี่!”หลี่เอ้อนิ้วตบไปที่หน้าอกหลายครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า“พี่หยาง ขอเพียงแค่ไม่ใช่การฆ่าคน ถึงจะให้ฉันไปจัดการกวาดคนที่หมู่บ้านเกาตี้ฉันก็ทำ”
“วันๆรู้จักแต่ชกต่อย”เซี่ยหยางตบเขาไปหนึ่งที แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“ฉันน่ะ เรียนวิธีการค้นคว้าพืชผักสายพันธุ์ใหม่มา พึ่งปลูกกระเทียมต้นได้ มันใหญ่เกินไปเอาไปขายในเมืองยาก เมื่อกี้พึ่งไปยืมรถสามล้อกับจางฝู้กุ้ยมา เขาไม่ยืมให้ฉัน ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะไปยังไง ไม่งั้นนายแบกไปกับฉันไหม?”
“ไป!แบกก็แบก!”หลี่เอ้อนิ้วลากเซี่ยหยางไปยังบ้านของเขา“สมน้ำหน้าไอ้จางฝู้กุ้ยสองผัวเมียหมาตั้งลูกชายออกมาไม่ได้!”
แล้ว เซี่ยหยางก็ถอนกระเทียมต้นกลายพันธุ์หลายสิบต้นออกมา ทั้งสองเริ่มทำการแบกขึ้นมาเดินเท้าด้วยระยะทางห้าหกกิโลเมตรไปยังตำบลเฮยถู่
พึ่งเดินมาถึงตลาดก็ถูกผู้คนต่างพากันชี้ไปมาอย่างสนอกสนใจ เซี่ยหยางพาหลี่เอ้อนิ้วแบกกระเทียมต้นเดินไปยังร้านหนึ่งที่มีชื่อว่าร้านอาหารอาไห่
“พวกนายมาทำอะไร?”ตอนนี้เป็นเวลาตอนเช้า ภายในร้านอาหารยังไม่มีแขก เถ้าแก่กำลังดูโทรทัศน์ หันกลับมาก็เห็นเด็กหนุ่มสองคนแบกของบางอย่างเดินเข้ามาภายในร้าน จึงพูดขึ้นอย่างสนใจ“นี่เป็นอะไร?ต้นอ่อนกระเทียมงั้นเหรอ?”
“เถ้าแก่ตาดีจริงๆ นี่เป็นกระเทียมต้นที่ผมคิดค้นปลูกขึ้นมาใหม่เชียวนะ!”เซี่ยหยางพูด“ทั่วโลกเป็นราคาที่ไม่เมินไม่ได้ นี่เป็นวันแรกที่ผมเอามาทำโปรโมชั่น ผมเห็นว่าร้านของคุณกิจการไม่เลวเลย จะซื้อสักต้นสองต้นไหมครับ?”
“ใหญ่ขนาดนี้จะกินได้เหรอ?”เถ้าแก่ใช้สายตาประเมินต้นกระเทียมอย่างสงสัย แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า“น้ำหนักเท่าไหร่ ต้นหนึ่งขายเท่าไหร่?”
“ทุกเม็ดล้วนมีน้ำหนักห้ากิโลหมดเลยนะ เพราะว่าเป็นราคาโปรโมชั่น เลยถูกขนาดนี้ ขายต้นหนึ่งราคาสองร้อย”เซี่ยหยางพูด“รสชาติเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยลิ้มลองมาก่อนอย่างแน่นอน คุณสามารถชิมดูก่อนได้”
“ไม่เอาๆ แพงเกินไปแล้ว”เถ้าแก่ที่ได้ยินว่าราคาสองร้อย ก็รู้สึกหมดความสนใจในทันที โบกมือไปมาเป็นสัญลักษณ์ให้พวกเขาเดินออกไป“ไม่เอา พวกนายลองไปขายที่ภัตตาคารใหญ่ในตัวอำเภอดูนะ”
เซี่ยหยางกับหลี่เอ้อนิ้วทั้งสองเหงื่อออกมากจนเสื้อผ้าเปียกโชก นั่งสูบบุหรี่อยู่ในตลาด
“ไป ไปตัวอำเภอกัน!”เซี่ยหยางกัดฟัน พาหลี่เอ้อนิ้วเดินทางไปยังตัวอำเภอ
เวลาสิบโมงกว่า ทั้งสองเดินมาถึงอำเภอซานเฉิง เซี่ยหยางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจเช็กดูครู่หนึ่ง เดินทางมาจนถึงภัตตาคารหลายดาวที่ชื่อว่าร้านฝูหมั่นโหลว ทั้งสองเดินมาจนถึงข้างๆประตู ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ถูกรปภ.ขวางเอาไว้
“นี่ นายสองคนทำอะไรน่ะ?”รปภ.คนหนึ่งถามขึ้น“เข้าไปไม่ได้นะ ถ้าไม่มีบัตรผ่าน เชร้ด พวกนายแบกอะไรเนี่ย?กระเทียม?”