เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 24
“ใช่แล้ว ทางคุณมีเท่าไหร่ล่ะ?” เซี่ยหยางพลันดีใจขึ้นมาทันที สระเลี้ยงปลาในหมู่บ้านมีตั้งมากมายขนาดนั้น แค่นี้ไม่พออย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกันก็สงสัยเช่นกันว่า เกิดตามธรรมชาติมักมีจำนวนน้อย ไม่รู้ที่หญิงอ้วนพูดมาเชื่อถือได้หรือไม่
หญิงอ้วนกลับสูดหายใจเข้า พิจารณาเซี่ยหยางใหม่อีกครั้ง ก่อนจะกล่าวอย่างตกใจว่า “มีประมาณพันตัวเป็นอย่างต่ำ คุณอยากได้หมดเลยเหรอ?”
“อยากได้ทั้งหมด ขอแคาเกิดตามธรรมชาติ” เซี่ยหยางพูดอย่างไม่ลังเล
หญิงอ้วนราวกับได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ รีบดึงเซี่ยหยางไปอีกทางหนึ่ง ราวกับเกิดกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน แล้วแย่งลูกค้าคนสำคัญคนนี้ไป ก่อนจะกระซิบเสียงเบาว่า “น้องชาย นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ พันตัวขึ้นไป ก็ราคาเกินล้านแล้วนะ คุณคิดให้ดีล่ะ”
เซี่ยหยางเข้าใจความหมายของเธอ พูดตรงๆ คือปัญหาเรื่องเงิน เขาจึงเอ่ยขึ้นมาตรงๆ ว่า “จะรูดบัตรหรือเงินสด หลังชั่งเสร็จแล้วจะจ่ายเงินเลย ไม่มีค้างจ่าย”
หญิงอ้วนดีใจจนปิดไม่มิด รีบให้ลูกน้องขับรถมาที่นี่ จากนั้นก็ดึงเซี่ยหยางขึ้นไป ระหว่างทางก็พูดแนะนำไม่หยุดปาก พยามตีสนิทในทุกๆ ทาง
สถานที่เพาะเลี้ยงของหญิงอ้วน เป็นปลักโคลนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รอบด้านใช้ปูนกั้นเป็นกำแพงไว้ เพื่อกันไม่ให้เต่ากับตะพาบไต่หนีไป หญิงอ้วนบอกว่า ที่เรียกว่าเกิดตามธรรมชาติ ก็เพราะไม่ได้ให้อาหารสัตว์ใดๆ ให้พวกมันใช้ชีวิตอยู่กันเอง แบบนี้จึงมีจำนวนน้อยมาก กว่าพันตัวนี่คาดว่าคงจะผ่านอดีตมาแล้วทุกตัว
พอเซี่ยหยางมาถึงสถานที่ก็จ่ายเงินมัดจำไว้ก่อน เพราะการจับยังต้องใช้เวลา จึงรับไปส่วนน้อยก่อนชั่วคราว หลังตกลงราคากับหญิงอ้วนเสร็จ เซี่ยหยางก็ทิ้งเบอร์โทรไว้
หญิงอ้วนทำอาชีพนี้มาหลายปีไม่เคยพบเห็นลูกค้ามือเติบเช่นนี้มาก่อน อยากจะรั้งเซี่ยหยางให้กินข้าวด้วยกันสักมื้อ แต่เซี่ยหยางปฏิเสธ
พูดหว่านล้อมจนปากเปียกปากแฉะ ก็สั่งให้คนขับรถมาส่งเซี่ยหยาง นำเต่ากับตะพาบน้ำเข่งหนึ่งมาด้วย ระหว่างทางที่ขับมายังตัวเมืองอำเภอ เซี่ยหยางก็คิดว่าเพียงแค่นี้ยังไม่พอ วางแผนจะไปดูที่ตลาดซื้อขายอีก คนขับรถจึงรีบรับรองว่าจะนำของไปส่งยังหมู่บ้านให้เซี่ยหยางก่อน
เซี่ยหยางบอกที่อยู่ไป จากนั้นก็มาที่ตลาดอีกครั้ง ได้ยินเสียงคนตะโกนอะไรบางอย่าง พอเพ่งดู ก็เห็นคนหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งวิ่งหนีเตลิดมาอย่างรีบร้อน ที่ด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตามพร้อมกับตะโกนว่าจับขโมยมาด้วย พอมองดูอย่างละเอียดแล้ว ก็ช่างบังเอิญจริงๆ นั่นคือเฉินเจียของร้านฝูหมั่นโหลวไม่ใช่หรือ เซี่ยหยางไม่พูดพร่ำทำเพลง สาวเท้าพุ่งปราดเข้าไปอย่างรวดเร็ว ราวกับลมหอบหนึ่ง วาดเท้าเบาๆ ทีหนึ่ง เจ้าหัวขโมยนั้นก็ล้มหน้าคะมำทันที กระเป๋าเงินที่อยู่ในมือก็กระเด็นออกไปเช่นกัน กลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้ง ก็ถูกเซี่ยหยางใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไว้กับพื้น
เขาก้มลงหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา จากนั้นก็ปัดๆ มือ เซี่ยหยางมองเจ้าขโมยด้วยสายตาที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง เดิมคิดจะปล่อยเขาไป คาดไม่ถึงว่าเพิ่งจะปล่อยเท้า ก็รู้สึกว่าที่ด้านหลังมีลมเย็นหอบหนึ่งจู่โจมเข้ามา จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเฉินเจีย
เขาแฉลบตัวออกโดยสัญชาตญาณ ทำให้คมมีดเฉียดผ่านเสื้อไป เซี่ยหยางยื่นมือคว้าไว้ สะบัดแขนทีหนึ่ง มีดในมือของหัวขโมยก็หลุดออก ตัวกระเด็นออกไป นอนอยู่นานก็ไม่ลุกขึ้นมา
“เซี่ยหยาง ทำไมเป็นคุณไปได้ บังเอิญจัง” เฉินเจียยังไม่หายจากอาการตื่นตกใจ ในแววตาฉายความกังวล พลางมองซ้ายมองขวา ก่อนจะกล่าวว่า “คุณไม่เป็นไรนะ? เมื่อกี้อันตรายมากเลย”
“บังเอิญมาก ผมได้ยินเสียงตะโกนของคุณ ก็เลยรีบออกจากหมู่บ้านมาที่นี่” เซี่ยหยางพูดติดตลก พลางส่งกระเป๋าคืนเฉินเจีย
เฉินเจียขำพรืดออกมา หมัดขาวนวลกำลังยื่นออกไปทุบตีเซี่ยหยาง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างกระเง้ากระงอดว่า “ทุเรศ ยังจะมาพูดเล่นอีก ไม่เป็นไรจริงๆ นะ?”
เห็นเธอยังไม่วางใจ ก็ดึงแขนของเขามาสำรวจดูอย่างละเอียด เซี่ยหยางรู้สึกกลุ้มใจอยู่บ้าง แต่พอก้มหน้าชำเลืองมอง ความอวบอัด ขาวผ่องที่อยู่ด้านในคอเสื้อของเฉินเจียก็ดึงดูดสายตาเขา จึงรู้สึกจิตใจไม่สงบขึ้นมา เลยให้เธอมองดูนานอีกหน่อย ตัวเองก็จะได้มองดูนานไปด้วย
“โอ๊ย เหมือนจะเจ็บมากเลย” เซี่ยหยางกุมท้อง แสดงท่าทางเจ็บปวดเหลือแสน
ความกังวลที่เฉินเจียวางไม่ลงอยู่เป็นทุนเดิม ก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที เธอยื่นมือบางลูบไปที่ท้องของเซี่ยหยาง พลางกล่าวขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า “เป็นอะไรไป ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
“ไม่รู้สิ เมื่อกี้ไม่ได้สังเกต” เซี่ยหยางเสแสร้งแกล้งทำต่อไป
“ไหนฉันขอดูหน่อยสิ” เฉินเจียต้องการเลิกเสื้อของเซี่ยหยางขึ้น
เซี่ยหยางรับรู้เพียงความนุ่มนิ่มและจั๊กจี้ จิตใจจึงเตลิดเปิดเปิงขึ้นมาอย่างไม่อาจเลี่ยง เขาชะงักไป รีบคว้ามือของเฉินเจียไว้แล้วกล่าวว่า “นี่กำลังอยู่ในตลาดนะ ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”
“โธ่เอ๊ย ทำไมถึงไม่สะดวกล่ะ รีบให้ฉันดูหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง?” เฉินเจียมุ่ยปาก พอก้มหน้ามอง ก็เห็นว่าไม่มีบาดแผลเลยสักรอย จึงอดถามอย่างข้องใจไม่ได้ว่า “นี่มันอะไรกัน? คุณไม่ได้เป็นไรหรอกเหรอ”
เซี่ยหยางกังวลว่าจะความแตก จึงกล่าวอย่างฉุกคิดได้ว่า “ผมคิดว่าคงจะได้รับบาดเจ็บภายใน ถึงรู้สึกไม่สบาย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันพาคุณไปส่งโรงพยาบาลดีไหม? คุณนี่นะ ทำอวดเก่งไปได้ นั่นมันโจรชั่วเชียวนะ อันที่จริงในกระเป๋าฉันก็ไม่ได้มีเงินสดมากมายอะไรหรอก” เฉินเจียพูดจบก็พยุงแขนของเซี่ยหยางพาไปขึ้นรถ
เซี่ยหยางภายในใจรู้สึกอิ่มเอม รอจนขึ้นรถแล้ว ก็พิงไหล่ของเฉินเจียเสียเลย ยังคงพูดอย่างเป็นทุกข์ว่า “เพื่อคุณ ผมยินดีทำเช่นนี้”
เฉินเจียที่ไม่รู้ว่าเป็นการเสแสร้ง ถึงกับกอดเซี่ยหยางเอาไว้ แถมยังกดท้องของเขาไว้ด้วย ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างกังวลว่า “เดี๋ยวก็ไม่เป็นไรแล้ว ทนไว้นะ ฉันจะรีบขับรถเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องไปโรงพยาบาล แบบนี้แหละดีมาก” เซี่ยหยางปรือตา เวลานี้กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเธอ รู้สึกมีความสุขอย่างมาก
เฉินเจียขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากแดงก่อนจะกล่าวว่า “แบบนี้ได้จริงๆ เหรอ?”
“ได้สิ ผมพักสักเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” เซี่ยหยางถือโอกาสกอดเอวบางของเธอไว้ กลิ่นหอมเย็นตลบอบอวล ตรงนี้ช่างอบอุ่นและอ่อนโยนจริงๆ
เฉินเจียสับสนเล็กน้อย เธอกอดเขาไว้อย่างนั้น ทำเช่นนี้อยู่สักพัก ก็ถามขึ้นอีกว่า “ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“เหมือนจะไม่เจ็บแล้ว” เซี่ยหยางรู้สึกหากอยู่อย่างนี้ต่อไป ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เผยพิรุธออกมา แม้จะอยากพิงอยู่ในอ้อมกอดของเธอมากแค่ไหน ก็ได้แต่ผละออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” เฉินเจียถามอย่างสงสัย
“มาดูตลาด หาของบางอย่างที่สามารถลงทุนได้ คุณล่ะ?” เซี่ยหยางมองสำรวจเฉินเจียโดยไม่รู้ตัว วันนี้เธอสวมกระโปรงสั้น ขาเรียวขาวสะดุดตาเป็นพิเศษ ดูเปล่งประกายราวกับหยก ทำให้คนจินตนาการเลยเถิดได้เลย
“ฉันมารับซื้อพวกเนื้อสัตว์ คิดไม่ถึงว่าจะเจอขโมยเข้า ขอบคุณคุณมากนะ” เฉินเจียกล่าวขึ้นอย่างซาบซึ้งใจ
เซี่ยหยางในใจคิดว่าควรขอบคุณเธอถึงจะถูก ก่อนจะตบไปที่ท้อง แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้ว คุณไปจัดการธุระเถอะ”
“ช่างมันเถอะ ฉันเห็นคุณเหมือนจะไม่สบาย คุณไม่อยากไปโรงพยาบาล ทำไมไม่ไปนั่งที่ร้านฉันสักเดี๋ยวล่ะ พักหายใจหน่อย ฉันสั่งให้ผู้จัดการมาซื้อหาแล้วล่ะ” หลังเฉินเจียโทรศัพท์ ก็สตาร์ทรถยนต์
“เกี่ยวกับเรื่องการเพาะเลี้ยงปลา คุณมีวิธีอะไรดีๆ บ้างไหม?” เซี่ยหยางรู้สึกว่าการจ้างเฉินเจียมาสอนน่าจะดีกว่า เพราะอย่างไรเธอก็เป็นเจ้าของร้านอาหาร สิ่งไหนมีกำไร เธอจะต้องรู้ดีแน่
“คุณยังจะเลี้ยงปลาอีกหรือ?” เฉินเจียถาม
เซี่ยหยางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ปลาทั่วไปทำกำไรไม่ได้เท่าไหร่นัก อยากจะลองเปลี่ยนดู ขอความเห็นหน่อย”
“ขนาดคุณยังทำกำไรได้ไม่เท่าไหร่อีกเหรอ อย่างนั้นคนอื่นเลี้ยงปลาไม่ต้องขาดทุนตายเหรอ” เฉินเจียแลบลิ้น กล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“ผมเตรียมจะเลี้ยงพวกเต่ากับตะพาบน้ำ ระยะนี้เช่าสระน้ำไว้ไม่น้อยเลย” เซี่ยหยางมองไปนอกกระจกรถ ในเมืองคึกคักมาก จู่ๆ ก็มีความหวังสายหนึ่งผุดขึ้นมา รู้สึกว่าสักวันหนึ่ง จะต้องมีที่ดินตั้งอยู่ที่นี่ให้ได้
“ทำไมคุณไม่เลี้ยงพวกกุ้งล่ะ หรือไม่ก็พวกหอย พวกนี้รสชาติค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ราคาก็สูงกว่าหน่อยด้วย” เฉินเจียเสนอความเห็น
“แค่นี้? ผมจะลองดู”
“ไม่คิดสักหน่อยก่อน จะลองดูเลยเหรอ?” เฉินเจียหักพวงมาลัยรถ รถก็มาจอดอยู่หน้าร้านฝูหมั่นโหลว
“ที่คุณแนะนำมา ผมจะพลาดได้เหรอ” เซี่ยหยางกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม
เฉินเจียหัวเราะ แล้วเปิดประตูลงจากรถ มีพนักงานต้อนรับหญิงรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาสะสวยสองสามคนที่อยู่หน้าประตูมาทักทาทายเธอ จากนั้นก็จ้องมองเซี่ยหยาง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้ากระซิบกระซาบกันขึ้นมา พวกหล่อนเพิ่งเคยเห็นเถ้าแก่เนี้ยเฉินเจียพาผู้ชายมาเป็นครั้งแรก ทั้งยังหนุ่มและหล่อมากเสียด้วย จึงเกิดความสนใจอย่างไม่อาจเลี่ยง
ประสาทหูของเซี่ยหยางในตอนนี้แปลกกว่าคนทั่วไป ว่องไวและเฉียบแหลมเป็นพิเศษ หลังได้ยินก็แสยะปากหัวเราะ
“คุณหัวเราะอะไร” ตอนที่ขึ้นลิฟท์ เฉินเจียก็ถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“ลูกน้องคุณกำลังนินทาพวกเราน่ะ” เซี่ยหยางเลิกคิ้ว
“พวกเธอพูดอะไร?”
“บอกว่าผมเป็นแฟนคุณ” เซี่ยหยางยิ้มร้าย
เฉินเจียมึนงงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นใบหน้าก็ขึ้นสีแดงเรื่อ ยื่นมือออกมาทุบตี เอ่ยขึ้นอย่างกระเง้ากระงอดว่า “ทุเรศ พูดเหลวไหลอะไร?”
“ไม่ใช่ผมพูดสักหน่อย ใส่ความ” เซี่ยหยางทำท่าทางไร้เดียงสา
เฉินเจียกลับไม่ปล่อยผ่าน กำหมัดขาวนวลยังต้องการจะทุบตีอีก ลิฟท์ก็หยุดลง พอประตูเปิดออก ที่ด้านนอกมีพนักงานเดินเข้ามา เฉินเจียรีบหดมือกลับไปทันที ก่อนจะแสร้งทำท่าทางเคร่งขรึม
เซี่ยหยางแอบยิ้มขำ ตามเฉินเจียไปที่ห้องทำงานของเธอ เดินตรงไปยังมุมที่ตั้งโซฟา ควักบุหรี่ออกมาเตรียมจะจุดสูบอย่างเคยชิน
แต่ถูกเฉินเจียแย่งไปทันที พลางกลอกตามองบนใส่เขา “เฮ้ ตรงนี้ห้ามสูบบุหรี่ คุณเพลาๆ สูบลงบ้างเถอะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
เซี่ยหยางเกาศีรษะ กล่าวขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “งั้นผมออกไปสูบข้างนอกได้ไหม?”
“ไม่ได้ ห้ามสูบ ดื่มชาค่ะ” เฉินเจียส่งถ้วยชาให้เซี่ยหยาง พลางกล่าวอย่างวางอำนาจ
“ผมไม่ใช่แฟนคุณจริงๆ สักหน่อย คุณจะมายุ่งทำไม?” เซี่ยหยางเบ้ปาก
เฉินเจียเบิกตากว้าง มือบางเท้าสะเอวก่อนจะกล่าวอย่างฉุนๆ ว่า “ห้ามอยู่ดีนั่นแหละ ที่นี่คือที่ของฉัน”
เซี่ยหยางได้แต่ใจอ่อน มองดูสภาพแวดล้อมของห้องทำงาน ตกแต่งได้อย่างโก้หรู ทั้งยังจัดวางตำราอาหารแต่ละชนิดรวมถึงหนังสือการจัดการการตลาดไว้ด้วย บนกำแพงยังมีภาพวาดสีน้ำมันอีกสองสามใบ ดูมีรสนิยมมาก
“คุณนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อายุแค่นี้ก็ดูแลร้านอาหารใหญ่ขนาดนี้ได้แล้ว มีเคล็ดลับอะไรเหรอ สอนผมหน่อย” เซี่ยหยางถามออกมาจากใจจริง จริงจังอย่างหาได้ยาก
“นี่จะนับเป็นอะไรกัน คุณรู้สึกว่าฉันยังสาวอยู่เหรอ? ฉันแก่กว่าคุณมากนะคะ” เฉินเจียไม่คิดเช่นนั้น เพราะมีความคิดอย่างหญิงสาวที่เกิดมาจากตระกูลร่ำรวย
เซี่ยหยางไม่อยากเถียงกับเธอ เพียงแต่เขารู้สึกว่าเฉินเจียดูไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แม้นิสัยจะเปลี่ยนง่ายเป็นอย่างมาก บางครั้งดื้อ บางครั้งก็มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถมีกลิ่นอายเช่นนี้ได้ เขารู้สึกว่าไม่ธรรมดาเลย พริบตาเดียวนั้น จู่ๆ เซี่ยหยางก็คิดว่าเข้าใจเฉินเจียขึ้นมาบ้างแล้ว เกี่ยวกับภูมิหลังของเธอและสิ่งที่เธอเคยประสบมา
“ที่บ้านคุณเป็นแบบไหนกัน พ่อแม่คุณทำอาชีพอะไร” เซี่ยหยางถามขึ้นอย่างหยั่งเชิง
จู่ๆ คิ้วเฉินเจียก็ขมวดขึ้นมา ความกังวลใจสายหนึ่งวาบผ่านอย่างรวดเร็วยากจะสังเกตเห็น เธอลังเลอยู่เล็กน้อย มีแววคิดไม่ตกอยู่ในดวงตา ราวกับลำบากใจที่จะพูดออกมา
“ทำไมต้องบอกคุณด้วย จะสืบค้นสำมะโนครัวเหรอ?” เฉินเจียยิ้มอย่างฝืนๆ อยู่บ้าง ราวกับกำลังทำอย่างขอไปที
เซี่ยหยางกำลังจะถามต่อ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เฉินเจียพูดว่าเข้ามา ก็เห็นผู้จัดการร้านวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก หอบหายใจก่อนจะตะโกนว่า “ประธานเจีย เกิดเรื่องแล้ว คุณรีบไปดูหน่อยเถอะ”
“เกิดอะไรขึ้น? ใจเย็น ค่อยๆ พูด” เฉินเจียเอ่ยขึ้นอย่างเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง
“คุณลงไปดูก็รู้เองครับ เร็วเข้า” ผู้จัดการทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว
เฉินเจียส่งสัญญานบอกให้เซี่ยหยางรออยู่ที่นี่ แล้วเธอก็รีบตามผู้จัดการออกไปทันที
เซี่ยหยางเดินเตร่อยู่ในห้องทำงานรอบหนึ่ง ก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย คิดจะใช้คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงและการปลูกพืชสักหน่อย ก็ไปกดเปิดโปรแกรมแชทโปรแกรมหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เข้าไปในนั้นอย่างอยากรู้อยากเห็น จึงพบบันทึกที่เฉินเจียเขียนไว้
เขาอ่านโดยไม่รู้ตัว พบว่าเนื้อหาในบันทึกพิเศษเป็นอย่างมาก นี่เป็นบันทึกลับฉบับหนึ่ง น่าจะเข้าได้แต่บัญชีของตัวเองถึงจะอ่านได้
ตอนแรกไม่ตั้งใจ แต่เวลานี้อดดูไม่ได้แล้ว เซี่ยหยางไม่ลังเลอีก