เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 26
ในตอนแรกเซี่ยหยางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาตรงไหน หลังสำรวจจนทั่วอย่างละเอียดถึงพบ ที่แท้แม่น้ำในโลกแผ่นหยกดูเหมือนจะน้อยลง
การค้นพบครั้งนี้ทำให้เซี่ยหยางรับรู้ถึงการเกิดวิกฤต ดูท่าทางสาเหตุคงเป็นเพราะสูบเอาน้ำในแม่น้ำของโลกแผ่นหยกมากเกินไป เดิมทีวางแผนทำแปลงเกษตรปลูกพืชอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เห็นทียังคงอย่าใช้เรื่อยเปื่อยโดยไม่มีการควบคุมจะดีกว่า
เพื่อการคำนวณในใจ เซี่ยหยางจึงออกไปหาเชือกเส้นยาวๆ มาเส้นหนึ่ง ปลายข้างหนึ่งมัดไว้กับก้อนหิน จากนั้นก็กระโดดไปยังกลางแม่น้ำ แล้วโยนก้อนหินลงไป
หลังวัดอยู่บนฝั่งชั่วครู่ ก็มีความลึกเพียงสิบกว่าเมตร จากนั้นก็ประเมินพื้นที่ของแม่น้ำ เขาได้ประมาณการอยู่ในใจไว้แล้ว จากนั้นเซี่ยหยางก็ทำสัญลักษณ์ไว้บนผืนน้ำ
หลังทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ จู่ๆเซี่ยหยางก็คิดถึงปัญหาอย่างหนึ่งออก แม่น้ำนี้ไหลมาจากไหนกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินเลาะไปตามริมฝั่งจนไปถึงปลายสุด กลับไม่พบต้นแม่น้ำเลย เขาจึงอดเกาศีรษะไม่ได้
ดูเหมือนช่องทางในโลกแผ่นหยกจะยังมีอยู่อีกมาก เพียงชั่วเวลาประเดี๋ยวจึงยังคลำทางไม่เจอ
เขากำลังจะจากไป ก็รู้สึกว่ามีตรงไหนที่ผิดปกติสักอย่าง จึงมองไปรอบๆ จากนั้นเซี่ยหยางก็ถึงบางอ้อ จริงสิ ลูกแมวที่เหมือนกับลูกเสือสองตัวนั้นล่ะ?
ปกติพอเขาเข้ามา พวกมันก็จะมาคลอเคลียตนเอง ถูไถขากางเกงเขา ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นแม้แต่เงาเลยล่ะ?
มองไปรอบๆ ภูเขาทั้งสี่ด้าน หรือว่าจะเข้าไปในป่าด้านใน?
เซี่ยหยางคิดจะตามหาดู เขาตะโกนเรียกอยู่สองสามครั้ง ก็ไม่มีวี่แววอะไร หาจนทั่วหนึ่งครั้งก็ยังไม่พบ ป่าของที่นี่ทั้งชุ่มชื้นและเขียวขจี อย่าว่าแต่จะซ่อนแมวสองตัวไว้เลย แม้แต่เสือสองตัวก็ยังหาเจอได้ไม่ง่าย
เดิมคิดจะออกไป เวลานี้ก็ได้ยินเสียงแมวร้องขึ้นมา
เซี่ยหยางเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปตามเสียง ก็พบเจ้าตัวน้อยสองตัวอย่างรวดเร็ว เพียงแต่รูปลักษณ์กลับแปลกประหลาดอย่างมาก
แมวสองตัวกลายเป็นสุนัขตัวใหญ่ขนาดนั้นไปแล้ว แนวโน้มเป็นไปได้มากว่าโตไปจะกลายเป็นเสือ เพียงแต่นาทีนี้พวกมันกำลังแยกเขี้ยวยิงฟังอยู่ ขู่คำรามพลางจ้องไปยังพงหญ้ารกชัฏที่อยู่ตรงหน้า ราวกับข้างในนั้นมีอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกมันรู้สึกถึงอันตราย
พวกมันเบิกตากว้างจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ขนทั่วร่างตั้งชัน แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ง่ายๆ
“เจ้าตัวน้อย พวกแกกำลังทำอะไร?” เซี่ยหยางรู้สึกประหลาดใจ คิดจะเดินเข้าไปดูว่าคืออะไรกันแน่
คิดไม่ถึงว่าแมวตัวหนึ่งในนั้นจะรีบส่ายศีรษะทันที ถึงกับยื่นอุ้งเท้ามาโบกไปมาอีกด้วย โดยสื่อความหมายบอกให้เซี่ยหยางอย่าเข้าไป
กลายเป็นฉลาดเฉลียวไปเสียแล้ว โลกแผ่นหยกนี้ช่างไม่เหมือนกับโลกทั่วไปโดยแท้ แต่ที่เซี่ยหยางแปลกใจยิ่งกว่าก็คือตรงนั้นมีอะไรอยู่?
จู่ๆ ในพงหญ้าก็มีบางอย่างเคลื่อนไหว ลูกแมวสองตัวพลันส่งเสียงขู่ฟ่อออกมาทันที เสียงนั้นเหมือนกับเสียงคำรามต่ำของเสือจริงๆ มันมีพลังที่น่าหวาดหวั่นอย่างมาก
จากนั้นพงหญ้าก็แหวกออก เงาสายหนึ่งพุ่งวาบเข้ามา ปรากฏศีรษะอันเรียวแหลมที่ใหญ่เท่ากับโต๊ะอาหารขนาดทั่วไป ขนฟูหนา พออ้าปาก ก็เผยฟันเขี้ยวยาวๆ ออกมาหลายซี่
เยี่ยมไปเลย หรือว่าที่นี่จะมีสัตว์ประหลาด เซี่ยหยางในใจพลันขมวดรัด กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
จู่ๆ เจ้าสิ่งนั้นก็ร้องจี๊ดๆ ออกมา กระโดดลอยมาทางนี้ โผเข้าใส่ลูกแมวหนึ่งในนั้นทันที
พอมันใกล้เข้ามา เซี่ยหยางถึงได้เห็นชัด เจ้าสิ่งนี้พ่วงหางอันใหญ่โตที่มีขนขึ้นหรอมแหรมหางหนึ่งมาด้วย ลำตัวของมันยาวประมาณหนึ่งถึงสองเมตรเห็นจะได้ เท้าทั้งสี่มีเล็บแหลมคม คล้ายกับหนูที่ถูกขยายใหญ่ตัวหนึ่ง
พระเจ้า หนูตัวนี้คงเป็นปีศาจ เป็นราชาหนูได้เลย หากไม่ใช่เพราะเคยเห็นจุดที่แปลกประหลาดของโลกแผ่นหยกนี้มาก่อน เซี่ยหยางจะต้องตกใจจนสะดุ้งโหยงแน่
พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็เห็นราชาหนูตัวนั้นโผเข้าใส่แมวตัวหนึ่ง ส่วนแมวอีกตัวก็ดีดตัวลอยขึ้นกลางอากาศ พออ้าปากได้ก็งับเข้าที่หางของหนูยักษ์ แมวสองตัวถึงกับยื้อยุดกับมัน ต่างก็ไม่มีใครยอมใครจนพื้นดินพลิกไปหลายตลบ
เซี่ยหยางคิดจะเข้าไปช่วย แต่พวกมันสู้กันอย่างดุเดือดเกินกว่าปกติ พอหนูยักษ์ข่วนทีหนึ่ง ต้นไม้ก็หักต้นหนึ่งเสียงดังเปาะ
เห็นแมวเสือสองตัวต้านไม่ไหว เซี่ยหยางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ พลันพุ่งตัวออกไปจากโลกแผ่นหยก นำหมาที่ชื่อเจ้าฉายตัวนั้นของที่บ้านเข้ามาที่นี่
ตอนนี้เจ้าฉายเองก็มีลักษณะน่าเกรงขามเช่นเดียวกัน ศีรษะใหญ่กว่าสุนัขขนาดใหญ่เสียอีก พอเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาก็เผยประกายดุร้ายออกมาทันที จากนั้นก็เริ่มแยกเขี้ยว
“ไปช่วย” เซี่ยหยางออกคำสั่ง เอามือหักกิ่งไม้ขรุขระกิ่งหนี่งกำไว้ในมือเพื่อป้องกันตัว
เจ้าฉายขู่คำรามออกมา เข้าไปตะลุมบอนด้วยทันที นี่ช่างดุเดือดรุนแรงจริงๆ หมาหนี่งแมวสองร่วมมือกัน สู้กับราชาหนู เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน
พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็เห็นราชาหนูตัวนั้นโผเข้าใส่แมวตัวหนึ่ง ส่วนแมวอีกตัวก็ดีดตัวลอยขึ้นกลางอากาศ พออ้าปากได้ก็งับเข้าที่หางของหนูยักษ์ แมวสองตัวถึงกับยื้อยุดกับมัน ต่างก็ไม่มีใครยอมใครจนกลิ้งไปบนพื้นดินหลายตลบ
เซี่ยหยางคิดจะเข้าไปช่วย แต่พวกมันสู้กันอย่างดุเดือดเกินกว่าปกติ พอหนูยักษ์ข่วนทีหนึ่ง ต้นไม้ก็หักต้นหนึ่งเสียงดังเปาะ
เห็นแมวเสือสองตัวต้านไม่ไหว เซี่ยหยางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ พลันพุ่งตัวออกไปจากโลกแผ่นหยก นำหมาที่ชื่อเจ้าฉายตัวนั้นของที่บ้านเข้ามาที่นี่
ตอนนี้เจ้าฉายเองก็มีลักษณะน่าเกรงขามเช่นเดียวกัน ศีรษะใหญ่กว่าสุนัขขนาดใหญ่เสียอีก พอเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาก็เผยประกายดุร้ายออกมาทันที จากนั้นก็เริ่มแยกเขี้ยว
“ไปช่วย” เซี่ยหยางออกคำสั่ง เอามือหักกิ่งไม้ขรุขระกิ่งหนี่งกำไว้ในมือเพื่อป้องกันตัว
เจ้าฉายขู่คำรามออกมา เข้าไปตะลุมบอนด้วยทันที นี่ช่างดุเดือดรุนแรงจริงๆ หมาหนี่งแมวสองร่วมมือกัน สู้กับราชาหนู เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน
ด้านราชาหนูต้านไม่ไหวบ้างแล้ว กลิ้งไปบนพื้นครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ถอยหลังเข้าไปในพงหญ้าที่ออกมาเมื่อกี้ พลางส่งเสียงร้องแหลมจี๊ดๆ ออกมา หนีบหางเข้าไปซ่อน
เจ้าฉายกับแมวสองตัวไล่ตามอย่างไม่ลดละ เพิ่งจะเข้าไปกลับถอยออกมาอีกครั้ง ลังเลไม่กล้าเดินหน้าต่อ
เซี่ยหยางในใจเกิดความสงสัย พอแหวกพงหญ้าออกดู ราชาหนูได้หายไปแล้ว ในพงหญ้ามีถ้ำขนาดใหญ่ดูลึกลับแห่งหนึ่ง ปากถ้ำนี้เชื่อมต่อกับใต้ดิน ข้างในมืดสนิท มีลมเย็นยะเยือกพัดออกมา ไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรบ้าง มิน่าพวกมันถึงได้ไม่กล้าเสี่ยงไล่ตามเข้าไป
หรือว่านี่เป็นรังหนู? บางทีด้านในอาจมีหนูฝูงหนึ่งอยู่ก็เป็นได้ หากว่าพวกมันออกมาขโมยกินโสมที่อยู่ในแปลงข้างแม่น้ำล่ะก็แย่แน่
แต่เซี่ยหยางไม่รู้สภาพการณ์ด้านล่าง ไม่กล้าเดินหน้าเข้าไปตามอำเภอใจ อีกทั้งเห็นเจ้าฉายกับแมวอีกสองตัวดูหวาดกลัวต่อถ้ำนี้อย่างมาก
ขณะกำลังลังเลว่าจะลงไปต่อดีหรือไม่ ก็รับรู้ได้ว่าที่นอกห้องมีคนมา ก็ไม่ได้คำนึงมากมายอะไรอีก ตบๆ ไปที่เจ้าฉายพลางเอ่ยขึ้นว่า “แกนำทีม เฝ้าอยู่ตรงนี้กับพวกลูกแมว ต้องเฝ้าไว้ให้ดีล่ะ เข้าใจไหม?”
เจ้าฉายเห่าตอบรับ และพยักหน้า จากนั้นก็นั่งอยู่ตรงปากถ้ำ ส่วนลูกแมวสองตัวก็แลบลิ้นเลีย พลางนั่งลงล้อมปากถ้ำคอยเฝ้าไว้
เซี่ยหยางแฉลบตัวออกไป ได้ยินคนกำลังเรียกตนเองอยู่ด้านนอก เป็นเสียงของเอ้อนิ้ว
“มีอะไรเอ้อนิ้ว?” พอเปิดประตูห้อง เซี่ยหยางก็พบว่าเอ้อนิ้วมีเหงื่อชุ่มแผ่นหลัง และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“พี่หยาง เกิดเรื่องแล้ว พี่รีบไปดูเถอะ” เอ้อนิ้วพูดขึ้นอย่างร้อนอกร้อนใจ
เซี่ยหยางพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที ก่อนจะถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ที่แปลงผัก พี่รีบไปดูเร็ว” เอ้อนิ้วดึงตัวเซี่ยหยางไป
พอเซี่ยหยางไปดูที่แปลงปลูก เห็นเพียงที่ดินสองสามหมู่ที่เพิ่งตัดหญ้าไถพรวนไปเมื่อหลายวันก่อนแห้งกรังเหลืองซีด อีกทั้งหน่ออ่อนที่เติบโตออกมาก็ดูบางตาเหลือเกิน สภาพดูน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยหยางงุนงงไปหมด ในใจเจ็บปวดเหลือแสน พลางมองเอ้อนิ้วอย่างไม่เข้าใจ “เรื่องเป็นยังไง ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?”
เอ้อนิ้วถอนหายใจออกมาเสียงหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ปลูกตามขั้นตอนเหมือนก่อนหน้านี้ ตอนแรกก็ยังเติบโตดี แต่ครั้งนี้กลับเหี่ยวเฉาไปแล้ว
“นายใช้น้ำในบ่อเก็บน้ำไม่ใช่เหรอ” เซี่ยหยางถาม
“ใช่แล้ว แถมยังปลูกเหมือนเดิมด้วย พี่หยาง พี่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น นี่เท่ากับเสียหายไปหมดแล้ว เมล็ดตั้งมากมาย แถมยังมีคนงานอีก นี่คงต้องลงปลูกใหม่ถึงจะใช้ได้” เอ้อนิ้วมีสีหน้าห่อเหี่ยว
เซี่ยหยางกังวลว่าน้ำจะเกิดปัญหาอะไร จึงไปตรวจสอบยังบ่อเก็บน้ำที่อยู่ด้านข้าง โดยให้เอ้อนิ้วจับปลาเป็นมาสองสามตัว จากนั้นก็ตักน้ำมาถังหนึ่งแล้วเอาปลาใส่เข้าไป แต่ปลายังคงแหวกว่ายไปมาเหมือนเดิม
ดูเหมือนน้ำจะไม่มีปัญหา หรือว่าเป็นที่เมล็ด? เซี่ยหยางรีบหยิบพลั่วมาพลิกดินดูสองสามที ถึงค่อยพบว่าเมล็ดพืชที่อยู่ในนั้นไม่มีการแตกยอดมากเท่าไหร่นัก ต่อให้บางต้นแตกยอด ก็ดูแกนเป็นอย่างมาก เหมือนขาดแร่ธาตุอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้ยืนยันได้แล้วว่า ไม่ใช่ปัญหาที่ดินก็เป็นสาเหตุที่เมล็ด เซี่ยหยางนิ่งคิด พลางถามเอ้อนิ้วว่า “ก่อนหน้านี้ที่ดินสองสามหมู่นี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ไม่มีนะ ก่อนหน้านี้ที่ตรงนี้ปลูกได้ดีมาก ไม่ถึงเดือนก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้หมดแล้ว หลังขายหมดก็พรวนดินใหม่ วางแผนว่าจะปลูกใหม่อีกล็อตหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้” เอ้อนิ้วขมวดคิ้ว เกาศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
“อืม ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้อย่าเพิ่งพูดออกไป” เซี่ยหยางมองที่ดินสองสามหมู่นั่น ในใจผุดความคิดได้ลางๆ จากนั้นก็หาถุงมาใบหนึ่ง หยิบเอาดินกับเมล็ดที่ไม่งอกในนั้นไปด้วย
“ทำไมไม่ให้พูดล่ะ?” เอ้อนิ้วถามอย่างสงสัย
“เพื่อเลี่ยงไม่ให้ชาวบ้านตื่นตระหนก นายคิดดูสิ หากพวกเขารู้ว่าที่ดินปลูกพืชไม่โต จะต้องเกิดความสงสัยในตัวฉันแน่ อาจจะเกิดการทะเลาะ ไม่เอาที่ดินให้ฉันเช่าอีก กังวลว่าจะไม่ได้รับเงิน นายเข้าใจไหม?” เซี่ยหยางอธิบาย
เอ้อนิ้วพยักหน้า เอ่ยขึ้นมาอย่างกังวลว่า “พี่หยาง แล้วเรื่องนี้จะทำยังไง ผมจะบอกกับคนอื่นยังไงดี?”
“หากมีคนถาม นายก็บอกว่าที่ดินเหล่านี้ต้องการปลูกพืชใหม่ นายรีบพาคนมาไถพรวนที่ดินอีกด้านหนึ่งใหม่ เพื่อปิดหูปิดตาผู้อื่น ส่วนจะจัดการยังไง ฉันค่อยบอกกับนายทีหลัง ฉันต้องเข้าเมืองก่อน” เซี่ยหยางพูดจบ ก็นำตัวอย่างไป แล้วขับรถไปยังตัวเมืองอำเภอ
ตอนที่เซี่ยหยางมาถึงสวนเพาะปลูกสมุนไพรจีน ก็เห็นเหอเสี่ยวหย่ากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่พอดี เธอกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น โก่งหลังจนเห็นผิวขาวผ่องสะดุดตาที่ช่วงเอว ภายใต้คอเสื้อที่อ้าออกเล็กน้อย ความอวบอัดที่เผยออกมาเตะตาเป็นพิเศษ
สติกระเจิดกระเจิงขึ้นมาเล็กน้อย เซี่ยหยางกลับไม่มีแก่ใจจะไปชื่นชม รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป เหอเสี่ยวหย่าได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็รีบยืนขึ้นมาจัดชุดให้เรียบร้อยทันที ใบหน้าแดงเรื่อก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “คุณมาได้ยังไงคะ?”
“ผมมาหาคุณเพราะมีเรื่องนิดหน่อย สะดวกไหมครับ” เซี่ยหยางเอ่ยเข้าประเด็น
เหอเสี่ยวหย่าวางบัวรดน้ำลง เชิญเซี่ยหยางนั่ง มองถุงที่เขาถืออยู่ในมือ แล้วถามว่า “เรื่องอะไร คุณพูดมาได้เลยค่ะ”
“คือว่า คุณดูสิว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เซี่ยหยางนำดินกับเมล็ดพืชที่นำมาจากที่ดินมอบให้เหอเสี่ยวหย่า
เหอเสี่ยวหย่าหยิบออกมาดู คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “นี่เป็นของที่ไหนคะ เพาะปลูกในที่ดินของคุณ?”
“ใช่ครับ เมล็ดนี่ลงปลูกได้หลายวันแล้ว กลับไม่พบความเปลี่ยนแปลงอะไร ผมเดาว่าน่าจะมีปัญหา ตอนนั้นเลยนึกถึงคุณขึ้นมา มือสมัครเล่นอย่างผม ดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก” เซี่ยหยางอธิบายด้วยท่าทางร้อนใจ
“คุณยังเป็นมือสมัครเล่นอีกเหรอคะ สามารถปลูกโสมเช่นนั้นออกมาได้ พ่อฉันยกคุณขึ้นหิ้งไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะร่างกายเขายังไม่หายดี คงรีบร้อนไปหาคุณทำความรู้จักแล้วล่ะค่ะ” เหอเสี่ยวหย่าทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งลงมือตรวจสอบ เธอเดินไปหยิบกล่องใบหนึ่งมา หยิบเครื่องมือกับพวกขวดต่างๆ ออกมาจากด้านใน ช่างต่างจากของมืออาชีพจริงๆ
เซี่ยหยางหัวเราะอย่างจนปัญญา ก่อนจะกล่าวว่า “ของผมนั่นก็แค่เรื่องบังเอิญ ไม่เป็นอะไรหรอก”
“คุณอย่าถ่อมตัวสิคะ เรื่องนี้พวกเราตกลงกันแล้วนี่ ครั้งนี้พ่อฉันจริงจังนะคะ ไม่แน่วันไหนสักวันก็ต้องไปหาคุณ” เหอเสี่ยวหย่าหยิบเอาแหนบมาคีบเมล็ดพืชไว้ แล้วใช้ช้อนตักดินออกมาบางส่วน แบ่งใส่ไว้ในขวดแก้วสองใบ หยิบหลอดดูดดูดของเหลวจากในขวดออกมาบางส่วน แล้วหยดลงไปในขวดแก้ว
ในมุมมองของเซี่ยหยาง นี่เหมือนกับกำลังวิเคราะห์ผลทางเคมี สมัยเรียนหนังสือก็เคยผ่านมาเช่นกัน เพียงแต่อุปกรณ์ทางเคมีอะไรนั่น เขาดูแล้วไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิง
“เป็นยังไงบ้าง ผลออกมาหรือยัง?” เซี่ยหยางถามอย่างสงสัย
เหอเสี่ยวหย่าสวมถุงมือ พลางพยักหน้า เหมือนจะเข้าใจอยู่ในใจ ก่อนจะกล่าวว่า “นี่เป็นเพราะเมล็ดพืชมีปัญหา ดังนั้นจึงเกิดผลเช่นนี้”
“แค่เมล็ดพืชเหรอ แล้วดินล่ะ?”
“ความเป็นกรดด่างและแร่ธาตุอื่นๆ ในดิน เหมาะกับการปลูกพืชผักผลไม้แบบนี้อย่างมาก” เหอเสี่ยวหย่าววิเคราะห์ออกมา
เซี่ยหยางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ กลับสูดหายใจเข้าทีหนึ่ง “ไม่ถูกต้องสิ เมล็ดพืชนี่เป็นนายจ้างประจำขายให้ผม ไม่น่าจะหลอกกันได้นะ อีกทั้งก็ไม่มีความจำเป็นด้วย เพราะผมซื้อในปริมาณมาก เถ้าแก่นั่นไม่มีทางโง่ถึงขั้นนี้แน่ ผมตกลงไว้แล้วว่าจะร่วมงานกันในระยะยาว”
“อย่างนั้นถ้าตามที่คุณพูดมา ปัญหาคงไม่ใช่ที่ซัพพลายเออร์แล้วล่ะค่ะ เมล็ดพืชนี้ น่าจะมีคนอื่นเล่นตุกติกกับพวกมัน”
คำพูดของเหอเสี่ยวหย่าทำให้เซี่ยหยางในใจโกรธจัด เขารีบถามขึ้นว่า “เล่นตุกติกยังไง”