เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 27
“หากคิดจะทำลายเมล็ดพืชล่ะก็ มีวิธีอยู่มากมายเลยแหละ เมล็ดพืชนี้ของคุณ เป็นการใช้สารเคมีตัวหนึ่งทำลายมัน คุณมาดูสิคะ” เหอเสี่ยวหย่าหยิบแว่นขยาย ส่งให้เซี่ยหยาง
เซี่ยหยางรับแว่นขยายไปส่องดูเมล็ดพืชอย่างละเอียด ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างข้องใจว่า “ทำไมเหมือนมีรอยแตกเลยล่ะ?”
“นี่แหละถูกต้อง เปลือกหุ้มเมล็ดถูกทำลาย เมล็ดงอกได้สิแปลก” เหอเสี่ยวหย่ากล่าวพลางส่ายหน้า
เซี่ยหยางโกรธจนแทบทนไม่ไหว กล่าวขึ้นอย่างขัดเคืองว่า “นี่แสดงว่ามีคนจงใจตั้งตัวเป็นศัตรูกับผม แอบเล่นตุกติกในที่ลับ?”
“นี่ก็ต้องถามคุณแล้วล่ะค่ะ คุณลองถามคนของคุณดูก็ได้ ก่อนปลูกมีใครสัมผัสเมล็ดพวกนี้บ้าง?” เหอเสี่ยวหย่าเสนอความเห็น
เซี่ยหยางพยักหน้า ก่อนจะกล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณนะ คุณช่วยผมได้มากเลย”
“เกรงใจอะไรกันคะ ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก อีกอย่าง เรื่องของพ่อฉัน ถ้าไม่ได้คุณขายโสมให้ ท่านก็คงไม่ได้หายเร็วขนาดนั้นหรอก จะว่าไปฉันยังติดค้างน้ำใจคุณอยู่เลย” เหอเสี่ยวหย่าใบหน้าแดงเรื่อ
“งั้นตกลง วันหลังมีเรื่องอะไร ผมยังมาหาคุณได้อีก?” เซี่ยหยางรู้สึกว่า เหอเสี่ยวหย่าที่สุภาพเรียบร้อยผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าช่างทำตัวสมกับชื่อของเธอ ฉลาดเฉลียวโดยแท้จริง ต่อจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจยังต้องให้เธอช่วยเหลืออีก
“อืม ขอเพียงฉันช่วยได้ จริงสิคะ เกี่ยวกับเรื่องโสม วันไหนที่พ่อฉันไปหาคุณ ฉันจะบอกคุณล่วงหน้าก่อน” เหอเสี่ยวหยางพูดจบก็ส่งขวดแก้วใบเล็กสองสามใบให้เซี่ยหยาง
เซี่ยหยางกล่าวขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “นี่เอามาทำอะไร?”
“คุณเอาสิ่งนี้กลับไป หากคุณยังมีเมล็ดพืชอื่นๆ ที่พบว่าเสียหายอีก สามารถใช้ของเหลวเหล่านี้รักษาได้ ฉันแค่เดาดูนะคะ คุณจะลองดูก็ได้” เหอเสี่ยวหย่าสอนวิธีบางอย่างให้เซี่ยหยาง
เซี่ยหยางแสดงความขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะหยิบของกลับไปยังหมู่บ้าน จากนั้นก็โทรหาเอ้อนิ้ว
“พี่หยาง คุณตามหาผมมีเรื่องอะไรใช่ไหม?” เอ้อนิ้วที่กำลังสั่งการอยู่ในแปลงปลูก รีบมายังที่นี่พร้อมกับเหงื่อท่วมศีรษะ
“คนที่ร่วมปลูกพืชในที่ดินสองสามหมู่นั่น นายจำได้ไหมว่าเป็นใคร?” เซี่ยหยางถามเข้าประเด็น
เอ้อนิ้วเกาศีรษะพลางครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า “อันนี้ผมจำได้อยู่แล้ว ทำไมเหรอพี่หยาง?”
“นายเรียกพวกเขามาที่นี่ ฉันมีเรื่องจะพูด” เซี่ยหยางทำสีหน้าเคร่งขรึม
“แต่พวกเขากำลังทำงานกันอยู่ คงจะปลีกตัวออกมาไม่ได้สักเดี๋ยว” เอ้อนิ้วลำบากใจ
“หยุดงานทั้งหมดก่อนชั่วคราว เรียกมาที่นี่เดี๋ยวนี้” เซี่ยหยางมีแผนการของตัวเองแล้ว
เอ้อนิ้วเรียกคนมาที่นี่อย่างรวดเร็ว โดยยืนเรียงแถวกันอยู่ในลานบ้าน พวกเขาเห็นสีหน้าเซี่ยหยางไม่สู้ดีนัก จึงอดพากันแสดงความคิดเห็นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ที่เรียกทุกคนมาที่นี่ในวันนี้ เพราะอยากถามเรื่องที่ดินสองสามหมู่ทางตะวันตก พวกคุณเป็นคนปลูกใช่ไหม?” เซี่ยหยางกวาดตามองทุกคน หวังว่าจะหาเงื่อนงำออกมาได้จากในแววตาของพวกเขา แต่เขาพบว่าหลังตัวเองพูดคำนี้ พวกเขาต่างแสดงความไม่สบายใจออกมาบ
“เจ้านายเซี่ย เกิดเรื่องอะไรขึ้น? พวกเรากำลังทำงานกันอยู่นะ มีเรื่องอะไรคุณก็บอกมาตามตรงได้เลย” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
เซี่ยหยางเองก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมเช่นกัน จึงกล่าวขึ้นโดยจัดระเบียบความคิดว่า “คืออย่างนี้ ที่ดินสองสามหมู่ผืนนั้นเกิดปัญหา ผมสงสัยว่าอาจจะเกิดจากฝีมือคน หากเป็นฝีมือใคร ให้เดินออกมาเสียแต่ตอนนี้ยังทันอยู่ อย่าอยู่โดยคิดว่าไม่เป็นอะไร หากในกรณีที่ผมสืบออกมาได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะร้ายแรงมาก ปกติคนอย่างผมปฏิบัติอย่างไรกับพวกคุณก็น่าจะรู้ดี แต่หากทำร้ายผม
ผมไม่มีทางอภัยให้ง่ายๆ เด็ดขาด”
ชาวบ้านเหล่านั้นต่างมองหน้ากัน จากนั้นก็มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินออกมา แล้วกล่าวขึ้นว่า “เจ้านายเซี่ย คุณปฏิบัติกับพวกเรายังไง พวกเรารู้อยู่แก่ใจดี สำนึกบุญคุณแทบไม่ทัน แล้วจะไปคิดร้ายกับคุณได้ยังไงกัน?”
“นั่นสิ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” คนอื่นๆ ก็สงสัยเช่นกัน
เอ้อนิ้วชักสีหน้า กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “อย่ามัวอิดออด เป็นใครก็ออกมา กล้าทำกล้ารับ พี่หยางของเราแค่จะให้โอกาสอีกครั้งเท่านั้น หรือต้องให้ขานชื่อใช่ไหม?”
“ไม่มีจริงๆ ผมเองก็ไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อใคร” ชาวบ้านเหล่านั้นต่างพากันแสดงความบริสุทธิ์ใจ
เอ้อนิ้วร้อนใจ กล่าวกับเซี่ยหยางว่า “นี่จะทำยังดีพี่หยาง ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ทำจริงๆ หรือจะเป็นการเข้าใจผิด?”
เมื่อกี้เซี่ยหยางกำลังสังเกตอย่างละเอียด ไม่พบความผิดปกติอะไรจริงๆ สีหน้าของพวกเขาไม่มีลนลานเลยสักนิด กลับเป็นความร้อนใจและบริสุทธิ์ใจแทน เพียงแต่นอกจากพวกเขาแล้วยังจะเป็นใครได้อีก?
“เอาเถอะ ในเมื่อทุกคนต่างเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมก็จะเชื่อใจพวกคุณ ไปทำงานก่อนเถอะ” เซี่ยหยางโบกมือ พูดอย่างกลุ้มใจอยู่บ้าง
ชาวบ้านเหล่านั้นต่างทยอยกันแยกย้ายจากไป เวลานี้มีชาวบ้านรั้งอยู่คนหนึ่ง พลางเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “เจ้านายเซี่ย มีบางคำผมไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ ผมกังวลว่าหากพูดผิดไป จะเกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น”
“พูดมาได้เลย ไม่ต้องกังวล” เซี่ยหยางพูด
“คืออย่างนี้ครับ วันนี้ความจริงยังมีคนไม่มาอีกคน” ชาวบ้านพูด
“ใคร? เรื่องเป็นมายังไง?” เซี่ยหยางสงสับขึ้นมา
“ก็คือคนที่ชื่อจางหมาจื่อ ระยะนี้เขาขอลาหยุดมาสองวันแล้ว ดังนั้นจึงไม่มา ผมแค่สันนิษฐานว่า เขาจะรู้อะไรบางอย่างหรือเปล่า?” ชาวบ้านกระซิบบอกเสียงต่ำ
เซี่ยหยางความเข้าใจความหมายของชาวบ้านคนนี้ นั่นก็คือจางหมาจื่อดูน่าสงสัย เพราะดันมาขอลาหยุดในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ โดยไม่ต้องพูด ก็ดูน่าสงสัยหนักเป็นพิเศษ
รอหลังจากที่ชาวบ้านจากไป เซี่ยหยางก็เอ่ยขึ้นกับเอ้อนิ้วว่า “นายรู้ไหมว่าจางหมาจื่อลาหยุดไปทำอะไร?”
เอ้อนิ้วนิ่งคิด จากนั้นก็กะพริบตาพลางกล่าวว่า “อืม เหมือนว่าเมียที่บ้านเขาจะป่วย เลยไปรักษา ทำไมเหรอพี่หยาง พี่คงไม่ได้สงสัยจางหมาจื่อหรอกนะ?”
“ไม่ลองสืบดูจะรู้ได้ยังไงล่ะ? แล้วก็นายนำเมล็ดที่ปลูกไม่ขึ้นมาที่นี่ด้วย ฉันต้องการศึกษาอย่างละเอียด ส่วนตอนนี้นายไปหาจางหมาจื่อ” เซี่ยหยางกำชับทีหนึ่ง
เอ้อนิ้วเอาเมล็ดที่เหลือมอบให้เซี่ยหยาง จากนั้นก็ไปหาจางหมาจื่อ เซี่ยหยางทำตามวิธีที่เหอเสี่ยวหย่าบอก โดยเริ่มวินิจฉัยเมล็ดพืชเหล่านี้ผ
ผลเป็นดังคาด ภายใต้การส่องจากแว่นขยาย เมล็ดบางส่วนเริ่มปรากฎรอยปริแตก เหอเสี่ยวหย่าเคยบอกว่า หากนำเมล็ดพืชที่ถูกทำลายไปหว่านเมล็ด คิดจะรักษาก็คงไม่ทันแล้ว
ยังดีที่พบเจอทันเวลา เซี่ยหยางหยิบเมล็ดพืชออกมา หลังแบออก ก็ใช้น้ำยาที่เหอเสี่ยวหย่าให้มาทำการแก้ปัญหา จากนั้นก็แช่ทิ้งไว้สักระยะ แล้วหยิบออกมาผึ่งให้แห้ง แล้วเอาออกไปลงปลูกในแปลงดูสักหน่อย หากผ่านไปอีกหลายวันหน่ออ่อนแทงออกมาตามปกติ ก็แสดงว่าช่วยเหลือเอาไว้ได้
เซี่ยหยางทำเสร็จกำลังคิดจะกลับไป ก็เห็นเอ้อนิ้วกลับมาพอดี จึงถามว่า “เป็นไงบ้าง หาจางหมาจื่อเจอไหม?”
เอ้อนิ้วตอบว่า “หาไม่เจอ ประตูบ้านเขาล็อคไว้ ผมได้ยินบ้านข้างๆ บอกว่า เขาไปจากที่นี่ได้สองวันแล้ว และไม่รู้ว่าไปที่ไหน ส่วนเรื่องของเมียเขา ได้ยินชาวบ้านบอกว่าไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว”
เซี่ยหยางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ รู้สึกว่านี่คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ตอนนี้ความสงสัยในตัวจางหมาจื่อมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หากไม่หาเขาให้เจอ แล้วคลี่คลายเรื่องนี้ ต่อไปเกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีก
“เอาอย่างนี้แล้วกันเอ้อนิ้ว นายไปหาคนที่พึ่งพาได้มาสักสองคน ไปสอบถามที่อยู่ของจางหมาจื่อให้ทั่ว หากมีข่าวก็มาบอกฉัน”
“ได้เลย ไว้ใจผมได้เลย รับรองว่าแป๊บเดียวก็หาเจอแล้ว”
เอ้อนิ้วเพิ่งจะก้าวเท้า เซี่ยหยางก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของรถยนต์ดังมาแต่ไกล เมื่อหันไปมอง ก็เห็นหญิงอ้วนคนนั้นที่เคยพบที่ตลาดก่อนหน้านี้ลงมาจากรถแล้ว
“ไอ้หยา น้องชายหาคุณเจอเสียที ของที่คุณต้องการฉันมาส่งให้แล้ว คุณมานับดูหน่อย” หญิงอ้วนพัดมือ บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
เซี่ยหยางหันไปมอง จากนั้นก็ทำการชั่งอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนคุณจะจับมาได้ไม่น้อย”
“ไม่ใช่หรือไง ยากนะที่จะมีเถ้าแก่อย่างคุณ ฉันให้คนจับทั้งคืน เต่ากับตะพาบพวกนี้จับไม่ง่ายเลย” หญิงอ้วนเบิกบานใจ จากนั้นก็กล่าวอีกว่า “แล้วบิลนี่ คุณสะดวกจ่ายเลยไหม?”
แน่นอน เงินสดไม่ได้มีมาก ผมต้องไปถอน คิดไม่ถึงว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้” เซี่ยหยางหยิบบัตรออกมา
“โธ่ ไม่เป็นไรเลย ฉันนำเครื่องรูดเงินมาด้วย” หญิงอ้วนเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว หยิบเครื่องรูดบัตรออกมาจากในกระเป๋า
เซี่ยหยางหัวเราะ จากนั้นก็รูดบัตร คำนวณดูแล้ว พวกตาพาน้ำกลุ่มนี้ลงทุนไปเกือบล้าน ยังคงต้องหาเงินเพิ่มอีก แต่คิดดูแล้วโสมในโลกแผ่นหยกผ่านไปอีกสักระยะก็ขายได้แล้ว ต้นหนึ่งไม่หยุดแค่ราคาเท่านี้ เขาจึงวางใจลง
“น้องเซี่ย ทำการค้ากับคุณช่างสดชื่นจริงๆ ต่อไปคุณต้องการอะไร แค่ต้องการคุณก็บอกมาได้ ฉันจะรีบนำมาส่งด้วยตัวเองทันที” รอยยิ้มของหญิงอ้วนไม่อาจปกปิดความดีใจได้เลย
“อย่างนั้นก็ขอบคุณมาก จะกินข้าวสักมื้อไหม?” เซี่ยหยางเชิญชวน
หญิงอ้วนโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่จำเป็น ฉันยังต้องกลับไปทำธุระอีก คุณทำงานเถอะ”
“อืม จริงสิ ทางคุณมีพวกกุ้งขายไหม ผมต้องการแบบเกิดตามธรรมชาติ” เซี่ยหยางถาม
“กุ้งคุณเองก็อยากได้เหรอ บอกแต่แรกสิ ฉันเองก็มีลู่ทางเช่นกัน คุณต้องการเท่าไหร่ล่ะ?” หญิงอ้วนกะพริบตา ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าดีใจแค่ไหน
“จำเป็นต้องปลูกเมล็ดพืชให้เติบโตดีๆ สักหน่อยก่อน จึงต้องการสักไม่กี่ร้อยชั่งชั่วคราว” เซี่ยหยางประมาณการแบบคร่าวๆ เพราะอย่างไรก็ยังไม่เคยลองดู ไม่อาจซื้อครั้งละมากๆ ได้ทันที
“อย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา ไว้ใจฉันได้เลย ฉันจะกลับไปเตรียมเดี๋ยวนี้ วันหลังจะเอามาส่งให้คุณ” หญิงอ้วนกล่าวขึ้นอย่างหมายมาด
“อย่างนั้นก็เยี่ยมเลย ถ้าอย่างนั้นให้ผมจ่ายมัดจำก่อนไหม? เซี่ยหยางพูดจบก็ทำท่าจะควักเงิน
หญิงอ้วนรีบโบกมือปฏิเสธ “คุณเห็นฉันเป็นคนนอกไปได้ คุนขาดฉันไปไม่ได้หรอก รอฉันเอาสินค้ามาส่งให้คุณแล้วค่อยคิดเงินก็ไม่สาย”
เซี่ยหยางเองก็ไม่บ่ายเบี่ยงอีก มองส่งหญิงอ้วนจากไป ดูท่าโชคของเขาจะไม่เลวทีเดียว หญิงอ้วนคนนี้มีช่องทาง
จากนั้นเซี่ยหยางก็เรียกชาวบ้านสองสามคนมาช่วย เอาตะพาบกับเต่าที่เข้ามาใหม่นี้ไปปล่อยเลี้ยงยังในสระ แถมยังให้คนคอยดูแลอยู่รอบๆ สระโดยเฉพาะ แน่นอนว่าน้ำที่ใช้เป็นน้ำจากในโลกแผ่นหยก
ทำงานเช่นนี้อยู่หลายวัน ในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์ พอคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว รายได้จากการขายโสมคนในครั้งแรกก่อนหน้านี้เป็นจวนสิบล้าน ก็ได้ถูกใช้ไปกว่าครึ่งแล้ว
เงินในจำนวนนี้ได้รวมฟาร์มสเตย์เข้าไปด้วย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายกับค่าเช่าของสระเลี้ยงปลาและที่ดินในหมู่บ้าน แน่นอนว่ายังมีอีกหนึ่งล้านในการซ่อมถนน และเพื่อบันทึกรายการค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน เซี่ยหยางยังหาสมุดบัญชีมาคำนวณโดยเฉพาะ
พอคำนวณออกมาแล้ว ก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ แม้การค้าขายของฟาร์มสเตย์รวมถึงผักผลไม้สดในที่ดินจะค่อนข้างได้กำไรงาม แต่การได้ทุนคืนดูเหมือนจะล่าช้าอยู่บ้าง บ่อเลี้ยงปลาที่เพิ่งจะลงทุนสร้างไป ก็ยังไม่มีผลกำไร
ไปๆ มาๆ ยังคงห่างไกลจากที่ตนเองคาดการณ์ไว้มาก อย่างเร็วสุดก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีถึงจะได้ทุนคืน แน่นอนว่าหากปีหน้ายังพัฒนาต่อ ก็จะได้กำไรเป็นสองเท่า เพียงแต่เวลาไม่เคยคอยใคร
คิดไปคิดมา เซี่ยหยางรู้สึกว่ายังคงต้องการทำโครงการใหม่ เขาคิดถึงการสร้างห้องรับรองลูกค้า ประการแรกสามารถทำให้ลูกค้าที่มาฟาร์มสเตย์ได้พักอยู่ระยะยาวถึงขั้นเป็นการเที่ยวพักผ่อนเลยก็ยังได้ ประการที่สองการคิดจะสร้างทั้งหมู่บ้านในอนาคต นี่คือสิ่งพื้นฐาน อีกอย่าง บ้านเดิมหลังนั้นของตนเองก็ควรรื้อออกเพราะเก่ามากแล้ว พอสร้างเป็นวิลล่าพักผ่อนขึ้นมา ก็จะเลือกที่อยู่ที่คิดว่าสะดวกสบายสักที่ให้พ่อผู้ชราของตนได้พักอาศัย
พอคิดเช่นนี้เสร็จ เซี่ยหยางก็ไม่รอช้าอีก มุ่งตรงไปยังหมู่บ้านเดินเตร่ดูสักรอบ ค้นหาสถานที่ดีๆ ในการสร้าง สุดท้ายก็ไปถูกใจที่ดินผืนหนึ่ง
ที่ดินผืนนี้อยู่ตรงข้างทาง หากรอจนพ่อสร้างถนนเสร็จแล้ว ก็สามารถเดินทะลุไปยังฟาร์มสเตย์ได้เลย อีกทั้งตรงนี้ยังอยู่ติดภูเขาชิดแม่น้ำ ทิวทัศน์ก็สวยงามมาก เป็นสถานที่ที่ดีในการสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง
เมื่อตัดสินใจแน่นอนแล้ว เซี่ยหยางก็เริ่มเตรียมการ โดยหาช่างก่อสร้างสักสองสามคนก่อน เมื่อทาบทามเสร็จแล้ว ก็เริ่มเตรียมเรื่องดำเนินการก่อสร้าง
วันนี้เซี่ยหยางเพิ่งจะขนวัสดุก่อสร้างกลับมา ก็มีคนหลายคนเดินเข้ามา คนที่นำหน้าคือผู้ใหญ่บ้านหวังหยุนจู้
“เซี่ยหยางแกทำบ้าอะไรของแก ใครให้แกเริ่มก่อสร้างโดยพลการ?” หวังหยุนจู้ตะคอกใส่หน้าโครมๆ