เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 31
“พ่อหนุ่ม คุณรีบไปเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็ตีคุณตายหรอก” พอหญิงชราเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง รีบเกลี้ยกล่อมเซี่ยหยาง
เซี่ยหยางกลับไม่รีบไม่ร้อน กวาดสายตามองพวกรปภ.คราหนึ่ง จากนั้นก็อมยิ้มแล้วกล่าวว่า “ยังมีอีกไหม มีเท่านี้เองเหรอ?”
“ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆ รีบจับตัวไอ้บ้านี่ไว้ ฉันจะต้องให้เขาได้เห็นดีแน่” หยางอู่เจิ้งชี้เซี่ยหยางอย่างโมโหเป็นอย่างยิ่ง
รปภ.เหล่านั้นก็ไม่เกรงใจเช่นกัน รีบพากันพุ่งเข้าประชิดเซี่ยหยางอย่างรวดเร็ว
เห็นพวกเขาแต่ละคนทำท่าทางดุดัน เห็นได้ชัดว่ากำลังใช้อำนาจรังแกคน เซี่ยหยางจึงโกรธมากกว่าเดิม เขากำหมัดแน่น กระโดดตัวลอยสูงขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็หมุนตัวเตะ ได้ยินเพียงเสียงร้องโอดโอย รปภ.สองสามคนก็ล้มลงไป
คนอื่นๆ ถูกเซี่ยหยางตกใจกลัวกันหมด ยังไม่มีใครได้สติคืนมา
เซี่ยหยางบ้างกันบ้างตอบโต้ทั้งหมดในคราวเดียว เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับอยู่ในดินแดนที่ไร้มนุษย์ ใช้เวลาไม่เกินนาที ตอนที่กำลังชักมือกลับมา รปภ.หลายคนที่พุ่งเข้ามาก็จบลงเหมือนกับสองคนก่อนหน้า รปภ.ทั้งหมดล้มลงลุกไม่ขึ้นอีก
“นี่……” หยางอู่เจิ้งมองจนตาลาย ตกตะลึงจนตาค้าง อ้าปากหวอ ใบหน้าซีดเผือด อ้ำๆ อึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก
เซี่ยหยางพุ่งวาบมาหยุดตรงหน้าเขา จากนั้นก็คว้าคอเสื้อเขาไว้ ยกขึ้นมาได้อย่างสบายๆ
“ปล่อยฉัน ไอ้คนป่าเถื่อน” หยางอู่เจิ้งขัดขืน คิดว่าเขาเป็นรองกำนัลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ที่ไหนกัน ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็นใครกันแน่ เขาคลำไม่เจอศีรษะโดยสิ้นเชิง เพียงแต่เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกเซี่ยหยางทรมาน
“ขอโทษคุณยายซะ จากนั้นก็ไปจัดการตามขั้นตอนให้เสร็จ” เซี่ยหยางตวาดเสียงต่ำ
หยางอู่เจิ้งน้ำตานองใบหน้า อับอายถึงขีดสุด เขาอยากไม่ทำตาม แต่เห็นพวกรปภ.ที่นอนอยู่บนพื้น ก็ได้แต่ฝีนพยักหน้า หยิบกระดาษกับปากกาออกมาขีดเขียน
เอกสารขั้นตอนที่จัดการเสร็จแล้วก็มาอยู่ในมือหญิงชราอย่างรวดเร็ว เธอร้องไห้อย่างดีใจ จากนั้นก็จับมือของเซี่ยหยาง ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก สักพักถึงได้กล่าวขึ้นด้วยดวงตาแดงเรื่อว่า “ขอบคุณคุณมากจริงๆ คุณชื่ออะไรเหรอพ่อหนุ่ม ฉันจะจดจำบุญคุณของคุณไปชั่วชีวิต”
“เซี่ยหยางครับ ไม่ต้องเกรงใจ คุณไปเถอะ” เซี่ยหยางหัวเราะ ท่าทางไม่ยี่หระ
หญิงชราซาบซึ้งใจอย่างมาก จากนั้นก็ค่อยถอนหายใจออกมาหนักๆ มือที่ถือเอกสารสั่นเทาอยู่บ้าง หยางอู่เจิ้งเห็นเซี่ยหยางกลับไม่มีความคิดจะจากไป ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ฉันทำตามที่แกพูดแล้ว แกจะเอายังไงอีก?”
เซี่ยหยางขยับมือทีหนึ่ง หยางอู่เจิ้งตกใจจนรีบหลับตา กลัวว่าจะถูกฟาด
เซี่ยหยางหยิบบุหรี่ออกมาอย่างยิ้มขัน ก่อนจะกล่าวว่า “จะขอยืมที่สูบบุหรี่หน่อย ไม่ได้มีความหมายอื่น”
หยางอู่เจิ้งทั้งร้อนใจทั้งโกรธเคือง แต่อดกลั้นไว้ไม่กล้าระเบิดออกมา เขาต่อให้ฝันก็คาดไม่ถึงจริงๆ ว่า ในตึกที่ทำงานจะมีคนเช่นนี้โผล่ออกมากะทันหัน ทำให้หน้าตาของตนเองหายสาบสูญไปจนสิ้น ชั่วขณะนั้นเขาเองก็ได้จดจำเซี่ยหยางไว้แล้วเช่นเดียวกัน ทั้งยังลอบสาบานว่า หากแค้นนี้ไม่ได้ชำระก็ไม่ขอเป็นผู้ชาย
แน่นอนว่า เซี่ยหยางเองก็คิดไม่ถึงว่า การที่ตนเองออกหน้าช่วยเหลือคนที่ถูกรังแก ยั่วโมโหหยางอู่เจิ้งคนนี้เข้า จะสร้างความยุ่งยากอันใหญ่หลวงให้ตนเองในอนาคต
หากไม่ใช่เพราะกำนัลสาวช่ายยั่นรุดมาที่นี่ทันเวลา เกรงว่าเรื่องนี้คงยังไม่มีทางยุติไปสักพัก
“เกิดอะไรขึ้น ใครมาก่อเรื่องที่นี่กัน?” หลังช่ายยั่นเข้ามา ก็กวาดตามองไปรอบๆ จึงอดขมวดคิ้วสวยไม่ได้ สายตาตกไปอยู่ที่เซี่ยหยาง
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ กำนัลช่าย” เซี่ยหยางยิ้มสดใส เข้าไปจับมือกับช่ายยั่น
ช่ายยั่นกล่าวขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมเป็นคุณล่ะ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”
หยางอู่เจิ้งนิ่งงันไป เหมือนมองเห็นดาวนำโชคอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “กำนัลช่าย คุณรู้จักนายคนนี้ด้วยเหรอ?”
“อืม เขามาหาฉันน่ะค่ะ บอกฉันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น?” ช่ายยั่นรู้สึกนึกไม่ถึงอยู่บ้าง
“งั้นก็พอดีเลย รีบแจ้งตำรวจจับเขาเถอะ คนคนนี้ไม่เห็นใครในสายตา ถึงกับลงมือกับผมและรปภ.เหล่านี้ ผมไม่มีทางปล่อยไปทั้งอย่างนี้……” หยางอู่เจิ้งยังพูดไม่ทันจบ ก็พบสายตาอันคมกริบของเซี่ยหยางกำลังถลึงตาใส่ตนเองอยู่ จึงรีบหุบปากฉับ ไม่กล้าพูดมากอีก
“ฉันว่าคนที่ควรจับคือนายต่างหาก คุณป้า เล่าเรื่องให้กำนัลช่ายของเราฟังหน่อยเถอะ เธอเป็นข้าราชการที่ดี จะต้องรักษาความยุติธรรมให้คุณได้แน่” เซี่ยหยางจ้องมองช่ายยั่นด้วยสายตาล้ำลึก ในมุมมองของเขา ช่ายยั่นไม่เพียงสวย ยังเป็นคนซื่อตรง เชื่อมั่นในความยุติธรรมอีกด้วย
ช่ายยั่นพาคนเหล่านั้นมาที่ห้องทำงาน หลังฟังเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที แม้หยางอู่เจิ้งไม่ยินยอมมากแค่ไหน แต่ช่ายยั่นกลับพูดว่า “รองกำนัลหยาง คุณไปก่อนเถอะ ฉันต้องการพูดคุยกับเซี่ยหยาง”
“อะไรนะ? จะปล่อยไปทั้งอย่างนี้น่ะเหรอ?” หยางอู่เจิ้งไม่ยินยอม
“เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลัง ผลกระทบใหญ่เกินไปมันจะไม่ดี คุณว่างั้นไหม?” ช่ายยั่นพูดแฝงความหมาย ความหมายชัดเจนมาก หากทะเลาะกันขึ้นมาจริง พฤติกรรมของหยางอู่เจิ้งจะสร้างความยุ่งยากให้ตัวเขาเอง
หยางอู่เจิ้งเองก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ได้แต่มองเซี่ยหยางแวบหนึ่งอย่างเจ็บใจ นำความแค้นฝังลงในกระดูก ความหมายก็คือเซี่ยหยางฝากไว้ก่อนเถอะ บัญชีนี้ช้าเร็วก็ต้องมาคิดกับแก
รอจนหยางอู่เจิ้งกับหญิงชราจากไป ช่ายยั่นก็กุมขมับ จ้องเซี่ยหยางอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง พลางพูดว่า “คุณนี่ก็จริงๆ เลย ทำไมถึงไปยั่วโมโหหยางอู่เจิ้งล่ะ?”
“มันทำเป็นมองผ่านไปไม่ได้น่ะ ลองเปลี่ยนเป็นคุณสิ ก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยเหมือนกันนั่นแหละ ผมยังคิดไม่ตกเลยว่า รองกำนัลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจะถึงกับเป็นคนเช่นนี้ ช่างไม่คู่ควรเป็นข้าราชการเอาเสียเลย “ เซี่ยหยางหรี่ตา ที่พูดคือการปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ
ช่ายยั่นกลอกตาใส่เขา กล่าวอย่างกระเง้ากระงอดว่า “คุณว่าคุณ ใจร้อนพอแล้วจริงๆนะ นิสัยอย่างคุณ ต่อไปต้องแก้ไขแล้ว”
“แก้ไม่ได้แล้ว จัดการคนอย่างเขา มีแต่ต้องใช้กำลัง นี่เรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน” เซี่ยหยางยิ้มแห้งทีหนึ่ง
“บอกว่าคุณอ้วน คุณก็ยังถือสาหรือไง ฉันต้องเตือนคุณไว้หน่อย หยางอู่เจิ้งคนนี้ยั่วโมโหไม่ง่าย เขาเป็นพวกจ้องแต่จะแก้แค้น เขาสามารถไต่มาถึงตำแหน่งในวันนี้ได้ ย่อมไม่ใช่ธรรมดา ฉันต้องระวังเขาไง” ช่ายยั่นพูดจบก็เดินไปรินน้ำตรงหน้าเครื่องกรองน้ำ
เห็นเธอค้อมตัวเล็กน้อย สะโพกงอน ขาขาวเพรียวยาวภายใต้ชุดเครื่องแบบในอาชีพที่คับแน่น ยังมีความอวบอัดตรงช่วงกระดุมคอก็เผยออกมาสู่สายตา เซี่ยหยางรู้สึกปั่นป่วนใจขึ้นมา พลางกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “คุณระวังเขาทำไมกัน กังวลว่าเขาจะแย่งตำแหน่งกำนัลของคุณเหรอ?”
“ดูพูดเข้าสิ ตำแหน่งนี้ของฉันเขานั่งได้ตามใจเหรอ ฉันออกแรงไปตั้งเท่าไหร่” ช่ายยั่นจิบน้ำเบาๆ กลับมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน จากนั้นก็นั่งลงไขว่ห้าง
“นั่นก็ไม่แน่ ใครไม่อยากไต่เต้าขึ้นที่สูงกันล่ะ คุณระวังไว้หน่อย ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่ดี” เซี่ยหยางพูดเจือแววล้ำลึก
“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พ่อฉันบอกว่าคุณมาหาฉันเพราะมีเรื่อง เมื่อกี้ฉันยุ่งกับการประชุมมาตลอด เกือบลืมไปแล้ว ว่ามาสิ มาหาฉันมีเรื่องอะไรคะ” ดวงตางามของช่ายยั่นเคลื่อนไหว จ้องเขม็งไปที่เซี่ยหยาง
เซี่ยหยางลากเก้าอี้มาอยู่ตรงหน้าช่ายยั่น กล่าวอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “คุณอย่าพูดไป เรื่องนี้ยังต้องเชิญคุณออกหน้าจัดการจริงๆ”
จู่ๆ ก็เข้ามาใกล้ชิดขนาดนี้ ช่ายยั่นจึงใบหน้าแดงเรื่อ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “พูดดีๆ สงวนท่าทีด้วย”
“รับทราบครับ หัวหน้า” เซี่ยหยางหัวเราะร่า จากนั้นก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับการสร้างวิลล่าพักผ่อนให้ฟังเที่ยวหนึ่ง
พูดจบก็เริ่มประมวลผล ช่ายยั่นขมวดคิ้วงามเล็กน้อย กัดริมฝีปากแดงเบาๆ จากนั้นก็พูดว่า “ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง ตามหลักแล้วที่ดินในหมู่บ้าน ปัจจุบันพูดได้ว่าไม่เป็นระบบระเบียบเป็นที่สุด กรมที่ดินไม่มีทางออกหน้าตามอำเภอใจแน่”
“กำนัลช่ายฉลาดเฉลียวอย่างที่คิดไว้จริงๆ วิเคราะห์ดูก็รู้แล้ว ผมว่านะ เจ้าคนที่ชื่อลู่เฟยนั่นเล่นตุกติก เพราะเขาเคียดแค้นผมอยู่ในใจ” เซี่ยหยางชมเธออย่างไม่ตระหนี่เลยสักนิด จากนั้นก็เสนอความเห็นของตัวเองออกมา
“ลู่เฟย? ทำไมเขาต้องเล่นงานคุณด้วย ดูเหมือนเขากับคุณจะไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกันนะ ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน เพราะอะไรล่ะ?” ช่ายยั่นถามอย่างไม่เข้าใจ
เซี่ยหยางเกาศีรษะ มองช่ายยั่น แล้วพูดว่า “นี่ ยังคงอย่าพูดจะดีกว่า?”
“จะเก็บงำไว้ทำไมกัน รีบพูดสิ” ช่ายยั่นเคร่งเครียดขึ้นมา
“จะให้พูดจริงๆ เหรอ งั้นผมพูดแล้วคุณอย่าว่าผมนะ” เซี่ยหยางนิ่งคิด จากนั้นก็กล่างอีกครั้งว่า “อันที่จริงเป็นเพราะคุณน่ะ”
“เพราะฉัน? คำพูดนี้ของคุณ ฉันไม่เข้าใจความหมายของมัน” ช่ายยั่นงุนงง
“ลู่เฟยตามจีบคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยหยางถามอย่างตรงไปตรงมาไม่มีปิดบัง
ช่ายยั่นนิ่งไป มีความไม่พอใจสายหนึ่งพาดผ่านใบหน้า ก่อนจะกล่าวว่า “คุณคิดไปไกลขนาดนั้นทำไมกัน?”
“ดูเหมือนจะใช่แล้ว คราวก่อนเขาเห็นคุณกับผมอยู่ใกล้ชิดกัน เห็นได้ชัดว่าหึงน่ะ คิดร่วมมือกับผู้ใหญ่บ้านหวังหยุนจู้มาจัดการผม ครั้งนี้โอกาสมาเยือนแล้ว ย่อมไม่มีทางปล่อยไปแน่
ช่ายยั่นใบหน้าแดงเรื่อ กล่าวอย่างฉุนๆ ว่า “พูดซี้ซั้ว เราสองคนมีอะไร พวกเราเป็นเช่นนั้นเพราะเรื่องงาน”
“นั่นสิ ผมเองก็รู้สึกว่าไม่อะไร เพียงแต่ลู่เฟยเขาคิดเช่นนี้ไปเอง เห็นผมเป็นศัตรูหัวใจของเขา” เซี่ยหยางพูดโพล่งขึ้นมา
“ศัตรูหัวใจ?” ช่ายยั่นยิ้มกว้าง ชำเลืองมองเซี่ยหยางแวบหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “คุณรู้สึกว่าเราสองคนเป็นไปได้ไหม”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ผมไม่แต่ง คุณไม่แต่ง อีกทั้งคราวก่อนพ่อคุณยังบอกว่า……” เซี่ยหยางไม่ระวัง เกือบจะพลั้งปากพูดออกไป จึงรีบหยุดไว้ทันที
“พ่อฉันทำไมคะ” ช่ายยั่นซักถาม
“ไม่มีอะไร พวกเราพูดเข้าเรื่องเถอะ” เซี่ยหยางรู้สึกใจฝ่อขึ้นมา
ช่ายยั่นกลับจ้องเซี่ยหยางอย่างสงสัย ก่อนจะถามว่า “น้อยมากที่พ่อฉันจะชวนคุณไปจัดการธุระ คุณทำคุณทำของอะไรใส่เขากัน?”
“อันนี้ไม่มีจริงๆ พ่อคุณทนมองไม่ได้น่ะ เลยตัดสินใจออกตัวอย่างกล้าหาญ เขาบอกว่าเพราะเขามีลูกสาวอย่างคุณจึงรู้ภาคภูมิใจในตัวเอง” เซี่ยหยางพูดอย่างขอไปทีเพื่อให้เรื่องผ่านไป
แม้ช่ายยั่นจะสงสัย กลับไม่ได้ถามต่อ จากนั้นก็นิ่งคิดก่อนจะกล่าวว่า “งั้นก็ได้ ฉันจะรีบโทรไปเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้แป๊บเดียวก็จัดการได้แล้ว”
เห็นช่ายยั่นหยิบโทรศัพท์ตั้งโต๊ะออกมาต่อสาย เซี่ยหยางรอจนเธอวางสาย ก็เอ่ยขึ้นอย่างดีใจว่า “คุณช่วยผมได้มากเลย ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง ถ้าอย่างนั้นวันหลังผมเอาผักผลไม้สดในที่ดินมาส่งให้คุณดีไหม?”
“อย่ามาติดสินบนกับฉันเชียว ฉันไม่รับของขวัญค่ะ หากคุณมีใจจริงๆ ก็สร้างเศรษฐกิจในหมู่บ้านให้ดีขึ้น พร้อมกับนำพาชาวบ้านให้เจริญรุ่งเรือง นี่ก็คือความปรารถนาของฉัน” ช่ายยั่นเริ่มสาธยายเหตุผลออกมาอีกครั้ง เหมือนอย่างนิสัยของผู้นำ
แต่ดูมีเสน่ห์จริงๆ เซี่ยหยางรีบยืนตัวตรงทันที ทั้งยังกล่าวอย่างแสดงความเคารพว่า “รับทราบครับ หัวหน้า รับรองว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ”
ช่ายยั่นอดหัวเราะคิกคักออกมาไม่ได้ สองแก้มขึ้นสี หน้าอกขยับขึ้นลง ปิดปากเล็กไว้เบาๆ ในมุมมองของเธอ ชายหนุ่มอายุน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ บนตัวราวกับมีพลังชีวิตและเสน่ห์อย่างไร้ที่มาอยู่ตลอดเวลา ปกติเธอเป็นคนเคร่งขรึมจริงจัง แต่เห็นเซี่ยหยางพูดจาตลกและทำตัวทะเล้นแล้ว กลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด
เวลานี้ประตูก็เปิดออก มีเลขาสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือหอบกุหลาบช่อใหญ่มาด้วย แล้วส่งให้ช่ายยั่นพลางกล่าวว่า “กำนัลช่ายคะ ของสิ่งนี้รบกวนคุณรับไว้หน่อยค่ะ”
ช่ายยั่นเหลือบตามองแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้า รอจนเลขาสาวออกไปแล้ว จึงหยิบดอกไม้ขึ้นมาดู
“ใครส่งมา? ไหนเมื่อกี้คุณยังบอกว่าไม่รับของขวัญ” เซี่ยหยางกล่าวอย่างยั่วเย้า
“คุณดูเอาเองสิ” ช่ายยั่นได้รับดอกไม้ ดูเหมือนจะไม่ดีใจนัก
เซี่ยหยางกลับไม่เข้าใจ หญิงสาวทั่วไปคนไหนบ้างไม่ชอบดอกไม้ หรือช่ายยั่นจะไม่เหมือนใครจริงๆ เขาเขยิบเข้าไปดู พบว่ามีข้อความกับการ์ดสีขาวแนบมาด้วย คำที่เขียนส่อไปในทางจีบสาว แล้วลงท้ายด้วยชื่อลู่เฟย เขาพลันเข้าใจทันที
“ดอกไม้น่ะสวยดี น่าเสียดายที่ฉันไม่ชอบ ลู่เฟยคนนี้ไม่รู้จักเปลี่ยนนิสัยน่าตายนี่บ้างเลย ส่งดอกไม้มาให้แทบทุกวัน ไม่รู้จริงๆ ว่าส่งเข้ามาได้ยังไง” ช่ายยั่นเพิ่งพูดจบ ก็โยนดอกไม้ทิ้งลงไปในถังขยะทันที