เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 34
ไม่กี่วันต่อมา ฮอลิเดย์วิลเลจวิลล่าก็สร้างเสร็จ ท่ามกลางเสียงประทัด ก็มีสิ่งที่น่ายินดีอีกอย่างหนึ่ง ถนนหน้าหมู่บ้านที่พ่อร่วมกันสร้างกับชาวบ้านได้ทำการเสร็จสมบูรณ์แล้ว นี่นับว่าเป็นมงคลคู่มาที่บ้านพร้อมกัน
ถนนที่หน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านช่วยกันสร้างป้ายบอกทางขนาดใหญ่ ด้านบนมีตัวหนังสือเขียนไว้สองสามตัว ถนนเซี่ยหยาง
นี่เป็นความคิดเห็นที่ชาวบ้านร่วมกันเสนอ เพื่อเป็นการตอบแทนสิ่งที่เซี่ยหยางเสียสละและมอบให้ มันทำให้พ่อของเขาใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มาวันนี้พ่อของตนไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ต่างได้รับการต้อนรับ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บนใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอีกด้วย
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง เซี่ยหยางยังเชิญคนในหมู่บ้านมาฉลองกันที่ฟาร์มสเตย์ และทั้งหมดนี้ฟรีทั้งงาน
“พ่อแม่พี่น้องครับ เงียบสักครู่นะครับ ต่อจากนี้ไปผมจะขอเชิญพี่หยางของเราขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อย”เอ้อนิ้วยืนขึ้นมาบนโต๊ะ แล้วนำทีมปรบมือ จากนั้นก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราว เริ่มดังขึ้น
เซี่ยหยางดูเหมือนจะเห็นรุ่งอรุณแห่งความหวัง เขายกแก้วขึ้นมา แล้วมองไปรอบๆ มองเห็นสายตาคาดหวังจากพวกเขา แล้วเริ่มคิดถึงอนาคต เขาขยับตัวเล็กน้อยพลางพูดขึ้นมาว่า“ขอบคุณทุกคนที่ดูแลกันมาตลอด ผมเซี่ยหยางมีทุกวันนี้ได้ เพราะกำลังแรงใจแรงกายจากทุกคน ตอนนั้นที่ร่วมกันฟันฝ่ามากับผมและพ่อ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากทุกคน ถึงได้ไม่ต้องทนหิวและหนาว ผมสามารถเรียนหนังสือได้ มาวันนี้ผมขอสัญญาตรงนี้เลยครับ ว่าถ้าผมเซี่ยหยางมีข้าวกินหนึ่งคำ ทุกคนก็ต้องมีเช่นเดียวกัน ผมขอดื่มให้กับทุกคนครับ เราจะร่วมต่อสู้เพื่ออนาคต……”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะด้วยความยินดีปรีดา ชาวบ้านต่างพากันดื่ม ใบหน้าของพวกเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว เมื่อก่อนพวกเขาเป็นได้แค่คนยากจนในหมู่บ้านตงเจียว แต่มาวันนี้ เซี่ยหยางกลับมาแล้ว ภายในระยะเวลาสั้นๆไม่กี่เดือน เขาก็เปลี่ยนแปลงที่นี่ให้พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แต่นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ทุกคนต่างมีความหวังกันแล้ว
อาหารมื้อนี้กินเวลาตั้งแต่กลางวันจวบจนถึงค่ำคืน นานๆจะได้รวมตัวทานอาหารกันอย่างมีความสุข ชาวบ้านจำนวนมากดื่มจนเมามาย และยังเข้ามาชนแก้วกับเซี่ยหยางอีกด้วย พวกเขาต่างพูดกันว่าต่อจากนี้ไปจะทำงานกับเซี่ยหยาง อย่างสุดจิตสุดใจ มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยซึ้งใจจนร้องไห้ หรืออาจจะเป็นการพูดความจริงหลังจากดื่มเหล้าเข้าไปก็ได้ พวกเขาเอาแต่พูดคำพูดประมาณว่าเซี่ยหยางเป็นเหมือนผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงต่อตนเอง
เซี่ยหยางรู้ดีว่านี่เป็นคำพูดของคนเมา แต่มันเป็นคำพูดที่มาจากก้นบึ้งหัวใจ เพียงแต่ประโยคคำพูดมีน้ำหนักเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขาแบกรับภาระหนักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เขาจะแบกรับมันไว้ และพาชาวบ้านรวยไปด้วยกันให้ได้
ตกดึกมาด้วยความที่ดื่มจนเมา ในตอนที่กลับบ้าน ก็เป็นเวลาที่พระจันทร์สาดส่องขึ้นสู่ยอดกิ่งของต้นหลิวแล้ว เสียงแมลงพากันขับขานร้องประสาน สายลมพัดเอื่อยๆ พัดโชยกินหอมของกะหล่ำที่อยู่ในแปลงผัก
เซี่ยหยางสะอึกหนึ่งครั้ง แล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ นั่งอยู่บนเนินพื้นสูงๆ หรี่ตามองดูแปลงผักที่อยู่ตรงหน้า ในสายตาของเขา ผืนดินพวกนี้เคยแห้งแล้งมาก่อน แต่เขาดูแล้ว ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสีทองอร่าม จะต้องนำพาผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงมาให้แน่ๆ
เสียงร้องของยุงดังหวี่ๆ มันชัดเจนมากเหลือเกิน เซี่ยหยางที่เมาจนสายตาเลือนราง ทันใดนั้นเขาก็ตกใจเล็กน้อย เพราะว่าเขากลับมองเห็นปีกของยุงได้อย่างชัดเจนและง่ายดาย สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจมากกว่านั้นก็คือ เขาสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของยุงได้อย่างชัดเจน
ยุงพวกนั้นที่อยู่ตรงหน้าของเขาเหมือนจะเคลื่อนไหวได้อย่างเชื่องช้า เขายื่นมาออกไป เหมือนจะทำได้อย่างใจต้องการ เขาจับยุงมาไว้ในมือเบาๆ ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นความบังเอิญ แต่เมื่อเขาใช้นิ้วสองนิ้วบีบไม่หยุด ยุงจำนวนไม่น้อยก็ไม่สามารถหนีพ้นฝ่ามือของเขาได้
หรือนี่จะเป็นผลมาจากโลกแผ่นหยก?พละกำลังของตัวเองล้ำหน้าอีกแล้วหรือ?ไม่เพียงแต่การรับรู้จะเฉียบขาดขึ้น การเคลื่อนไหวยังเร็วขึ้นมากอีกด้วย การได้ยินและดวงตาดูเหมือนจะมีพลังมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
การค้นพบนี้ทำให้เซี่ยหยางมีความสุขมาก ดูท่า นี่จะเป็นมงคลทั้งสามเข้ามาที่บ้านพร้อมกันแล้วล่ะ มีพละกำลังนี้แล้ว เวลาเดินในตอนกลางคืนก็จะไม่เปลืองแรงอีกต่อไป แม้แต่ไฟฉายก็ไม่ต้องใช้แล้ว
เซี่ยหยางฮัมเพลงอย่างพออกพอใจ แล้วเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างช้าๆ นอนหลับพักผ่อนไปอย่างมีความสุข
เช้าตรู่ของวันที่สอง เซี่ยหยางพึ่งตื่น ก็ได้ยินเสียงของด้านนอกแล้ว พอออกไปดู ที่หน้าบ้านก็มีรถคันหนึ่งจอดอยู่แล้ว มีชายชราคนหนึ่งลงมาจากรถก่อน พอรอชายชราหันมาแล้ว ที่แท้ก็คือเหอฟู่เสว และตามมาด้วยสาวสวยคนหนึ่ง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ผ่อนเพรียวได้สัดส่วน ด้านล่างกระโปรงเป็นขายาวเรียวขาว มันทำให้ผู้คนต้องมนต์สะกด พอหันกลับมา สายตามีความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องและนุ่มนวล นั่นก็คือเหอเสี่ยวหย่านั่นเอง
คิดไม่ถึงว่าสองพ่อลูกจะมาที่นี่ได้ พบเห็นได้ยากจริงๆ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกพืชพันธุ์ มีความรู้เกี่ยวกับเพาะปลูกพืชพันธุ์อย่างเชี่ยวชาญชำนาญ โดยเฉพาะเหอฟู่เสว เขาเป็นถึงศาสตราจารย์ พวกเขามาที่นี่ เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแล้วล่ะ
ถ้าหากบวกกับการพบเห็นเหอเสี่ยวหย่าและเหอฟู่เสว วันนี้ก็คือได้ว่านี่เป็นมงคลสี่ประการมาที่บ้านพร้อมกัน ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีปรีดามาก
“ดร.เหอ พวกคุณมาที่นี่ยังไงครับ ไม่บอกกับผมก่อนล่ะครับ เชิญนั่งด้านในก่อนครับ”เซี่ยหยางรีบเดินเข้าไปทักทาย แล้วเชิญทั้งสองเข้ามาในห้องวีไอพีของฟาร์มสเตย์ เขาบอกให้เอ้อนิ้วไปเอาน้ำที่มาจากโลกแผ่นหยกชงชา แล้วหยกออกมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
“มาดูที่นี่หน่อยน่ะ อยากมาที่นานแล้ว บรรยากาศที่นี่งดงามมากจริงๆ”เหอฟู่เสวยิ้ม แล้วยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ทันใดนั้นเขาถึงกับตกตะลึงไปเลย
“เป็นอะไรหรอคะคุณพ่อ ไม่อร่อยหรอคะ หรือมีตรงไหนไม่สบาย……”เหอเสี่ยวหย่าจิบชาหนึ่งคำ และมีสีหน้าแบบเดียวกัน พวกเขาอดที่จะกลืนน้ำลายลงไปไม่ได้ จากนั้นก็รีบจิบไปอีกหลายคำ สองพ่อลูกจ้องหน้ากัน และไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตกใจและแปลกใจที่อยู่ภายใน
“นี่มันชาอะไรหรอ?”สองพ่อลูกถามขึ้นมาพร้อมกัน
เซี่ยหยางไม่รู้สึกแปลกใจเลย เขายิ้มบางๆ“เป็นใบชาธรรมดาน่ะครับ รสชาติไม่เลวเลยใช่ไหมครับ?”
ศาสตราจารย์เฒ่าอย่างเหอฟู่เสวดูเหมือนจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาก้มหน้าลงแล้วหยิบใบชาขึ้นมามองดูอย่างละเอียด แล้วสูบดมที่จมูก จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างสงสัยไปว่า“เป็นใบชาที่ธรรมดามากจริงๆ ตามท้องตลาดราคาแค่ไม่กี่หยวนเท่านั้นเอง แต่ทำไมรสชาติถึงได้พิเศษแบบนี้ได้ล่ะ แปลกเกินไปแล้ว นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย?”
“ใช่แล้ว เซี่ยหยาง คุณทำยังไงคะ?”เหอเสี่ยวหย่าถามด้วยความเต็มไปด้วยความสงสัยเซี่ยหยาง บนตัวของผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะปิดบังความลับอะไรไว้มากมาย มันทำให้คนอยากค้นหา ก่อนอื่นโสมพวกนั้นก็พิเศษเกินพอแล้ว ตอนนี้ยังมีใบชาที่สามารถทำมีรสชาติแบบนี้ได้อีก นี่มันนับวันยิ่งแปลกประหลาดขึ้นมาเรื่อยแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกครับ อาจจะเป็นเพราะผมละเอียดอ่อนพิถีพิถันมาก ใช้เวลาเพิ่มอีกเล็กน้อย ผมเป็นคนโง่ๆ ไม่มีศิลปะในเรื่องชาหรอกครับ พวกคุณคิดว่ามันอร่อยก็พอแล้ว”เซี่ยหยางรินน้ำชาให้ทั้งสองเพิ่มอีกหนึ่งแก้ว
เหอฟู่เสวสบสายตาของเซี่ยหยางแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าพูดว่า“หนุ่มน้อย ฉันอยู่ในวงการนี้มานานหลายปีแล้วนะ และฉันก็คิดว่าฉันเจอมาทุกอย่างแล้ว แต่พอมาเจอนาย ก่อนหน้านั้นฉันคิดว่าฉันมีความรู้เพียงพอ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการเรียนรู้ไม่รู้จักจบ อะไรที่เรียกว่าคนหนุ่มสาวเก่งนำหน้าคนรุ่นเก่าไปแล้ว”
“ดร.เหอครับ คุณชมผมเกินไปแล้ว ผมไม่กล้ารับไว้หรอกครับ”เซี่ยหยางเกาหัวแกรกๆ พูดอย่างเขินๆ
“นายดูคำพูดคำจาของนายสิ นายสมควรที่จะได้รับมันแล้ว เอาเรื่องโสมร้อยปีนั่นมาพูดสิ ดูสิปลูกแค่ไม่กี่ปี แต่กลับมีส่วนผสมของร้อยปี นี่เป็นเทคนิคเลยนะ อีกอย่างดูใบชานี่สิ ฉันดูชาอูหลงเทียนซานหงเผาพวกนั้นรสชาติยังไม่สามารถเทียบได้เลย คนมีพรสวรรค์แบบนาย เป็นคนที่สมควรที่ฉันควรเรียนรู้เป็นตัวอย่าง”เหอฟู่เสวยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น เขาจับมือของเซี่ยหยาง
เหอเสี่ยวหย่ากุมปากเล็กๆของตัวเองแล้วหัวเราะคิกคักเบาๆ ใบหน้ามีความเขินอายเล็กน้อย พูด“พ่อค่ะ พ่อหยุดชมเขาได้แล้วค่ะ มีเรื่องอะไรก็ให้พูดตรงๆดีกว่า”
“จริงด้วย พวกคุณมาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมผมเองหรอครับ?”เซี่ยหยางพูด
เหอฟู่เสวขึ้นได้ในทันที แล้วพูดอย่างจริงจัง“คือแบบนี้นะ ก่อนหน้านั้นเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าให้นายเตรียมโสมให้กับเรา ฉันจะเอาแบบสดๆ เพื่อเอากลับไปเพาะปลูก และวิจัยมันไปด้วย”
เซี่ยหยางเข้าใจในทันที ดูท่าดร.เหอคนนี้จะมีความเพียรมาก อยากจะทำการวิจัยที่มาที่ไปของโสมพวกนั้น ตกลงจะให้เขาดีไหมนะ ถ้าเขาเกิดวิจัยออกมา พบว่าโสมพวกนั้นงอกออกมาเพราะผลจากโลกแผ่นหยก จะทำยังไง?
“เซี่ยหยาง คุณลำบากใจใช่ไหมคะ ฉันเพิ่มเงินให้ได้นะคะ พ่อของฉันสนใจมากจริงๆ คุณถือซะว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอนาคตเถอะนะคะ คนรับปากเขาเถอะนะคะ?”เหอเสี่ยวหย่ากะพริบตาสวย แล้วมองไปที่เซี่ยหยางอย่างมีความหวัง
เซี่ยหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า“ก็ได้ครับ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมจะไปขุดมาให้ แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะ ผมมีไม่มากเท่าไหร่ ผมขายให้พวกคุณได้แค่หนึ่งต้นเท่านั้น แบบนี้ได้ไหม?”
“ดีมากเลยล่ะ ดีมากๆ ขอบใจนายมากนะ”เหอฟู่เสวดีใจเป็นอย่างมาก ตอนแรกเขายังกังวลว่าเซี่ยหยางจะไม่ยอมให้ คิดไม่ถึงว่าจะตอบรับรวดเร็วอย่างนี้
“งั้นพวกคุณรอก่อนนะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”เซี่ยหยางพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน
“รอก่อน เราไปที่แปลงเพาะปลูกโสมพวกนั้นกับนายได้ไหม ฉันอยากไปกูว่านายปลูกยังไง”เหอฟู่เสวเอ่ยออกมา
เซี่ยหยางตะลึงไปเล็กน้อย แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ นั่นเป็นโลกแผ่นหยกนะ ไม่เคยพาใครเข้าไปก่อน นอกจากเจ้าฉายกับแมวสองตัว
“แบบนี้ คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่ครับ คุณก็รู้ ว่าสถานที่แบบนี้มันเป็นความลับ อีกทั้งคุณก็เดินทางไม่สะดวก ถ้าเกิด……”เซี่ยหยางตั้งใจไม่พูดประโยคด้านหลัง หลังจากนั้นก็มองไปที่เหอฟู่เสว
เหอฟู่เสวผิดหวังเล็กน้อย แต่พอคิดว่าเซี่ยหยางยอมขายแล้ว จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้า“งั้นก็ได้ ความจริงฉันอยากไปดูให้เห็นกับตาจริงๆนะ แต่ไหนๆนายก็พูดมาแบบนี้แล้ว งั้นคงไม่มีทางอื่นแล้ว”
“โธ่ พ่อคะ พ่อไปดูที่ดินทำไมกัน เดี๋ยวเซี่ยหยางเขาก็เอามาแล้ว บนนั้นมีดินติดด้วยไม่ใช่หรอคะพ่อ อีกอย่างพ่อพึ่งหายดี ทางก็เดินไม่สะดวกอีก”เหอเสี่ยวหย่าพูดเกลี้ยกล่อม
เหอฟู่เสวจึงไม่ดื้อรั้นต่อไป เซี่ยหยางถึงถอนหายใจ แล้วรีบเดินออกไป หาที่ที่ไม่มีคน แล้วทำการมุดเข้าไปในโลกแผ่นหยก จัดการขุดโสมออกมาหนึ่งต้นอย่างระมัดระวัง ถึงได้พบว่ามันโตขึ้นมาไม่น้อยแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนจะอวบใหญ่กว่าก่อนหน้านี้มาก
“เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?แปลงเพาะปลูกโสมของนายอยู่แถวนี้หรอ?”เหอฟู่เสวเห็นเซี่ยหยางเดินกลับมาโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จึงอดที่จะมองไปรอบๆไม่ได้ เหมือนกำลังตามหา เขาดูเหมือนจะแปลกใจและเพียรอยากรู้มากๆ
เซี่ยหยางหัวเราะ แล้วยื่นโสมให้กับเหอฟู่เสว พลางพูดขึ้นมาว่า“อยู่แถวนี้แหละครับ คุณดูสิ ต้นนี้เป็นยังไง พอเข้าตาคุณได้ไหมครับ?”
“โอ้โห นี่มันมีคุณภาพดีมาก ฉันจะขอดูดีๆ”เหอฟู่เสวเหมือนจะได้สมบัติอันล้ำค่ามาก ใช้มือสองข้างโอบอุ้มมันไว้ แล้วค่อยๆเอาไปไว้ข้างๆ แล้วยังหยิบอุปกรณ์เครื่องมือออกมาจากกระเป๋าที่อยู่ข้างๆ เริ่มทำกันค้นคว้าวิจัย เหมือนรอบข้างไม่มีคนยังไงอย่างงั้น และตกอยู่ในภวังค์โลกของตัวเองอย่างรวดเร็ว ดูมันอย่างลุ่มหลง
เซี่ยหยางชื่นชมในตัวของศาสตราจารย์เฒ่าคนนี้มาก นี่สิถึงเรียกว่าดินแดน
“ขอโทษทีนะ พ่อของฉันถ้าแกดูรีบทำอะไรบางอย่าง ก็จะไม่สนใจใครทั้งนั้น ถึงจะไม่กินไม่ดื่มเขาก็ต้องค้นคว้าวิจัยให้ได้ ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ”เหอเสี่ยวหย่ายิ้มแล้วยิ้มอีก ใบหน้าแดงระเรื่อ
“พ่อของคุณน่านับถือจริงๆ ผู้เรียนแบบนี้ควรค่าแก่การที่ผมจะเรียนรู้เอาเป็นแบบอย่าง ผมมีความรู้ที่น้อยมากจริงๆ”เซี่ยหยางหัวเราเหอะๆ
“ที่ไหนล่ะ คุณเก่งขนาดนั้น คุณบอกฉันได้ไหมคะ ใบชาคุณเพาะปลูกยังไงหรอคะ มันอร่อยกลมกล่อมมากจริงๆนะ”เหอเสี่ยวหย่าดื่มไปอีกหลายแก้วติดต่อกัน รู้สึกว่าดื่มยังไงก็ไม่พอ
เซี่ยหยางลำบากใจมาก พ่อลูกคู่นี้ วันนี้กลัวว่าคงจะต้องหาต้นตอให้เจอแน่ๆ เป้าหมายชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่เรื่องของโลกแผ่นหยก จะบอกใครไม่ได้ทั้งนั้น จึงทำได้พูดกลบเกลื่อนไปว่า ไม่ได้มีวิธีพิเศษอะไรหรอกครับ แค่โชคดีเท่านั้นเอง“”
“คุณอย่าได้โกหกเราเลย หรือจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้กัน งั้นต้องทำยังไงถึงจะพูดได้หรอคะ?”เหอเสี่ยวหย่ายังคงจ้องมองเซี่ยหยางอย่างไม่ยอมลดละ แล้วชะงักไปชั่วครู่ ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า“ถ้าฉันยอมอยู่กับคุณที่นี่ คุณจะยอมบอกฉันได้ไหมคะ?”