เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 35
“คุณอย่าล้อผมเล่นไปหน่อยเลย สถานที่ทั้งจนและทุรกันดารแบบนี้ คุณจะยอมอยู่ได้ยังไง”เซี่ยหยางหัวเราะอย่างไม่คิดอะไร มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
แต่แล้วเหอเสี่ยวหย่ากลับพูดย่างจริงจัง และเอาแต่ใจ“ฉันพูดจริงๆนะคะ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ?”
เซี่ยหยางพูดอย่างไม่เข้าใจ“คุณจะอยู่ที่นี่ทำไมครับ?”
“สำรวจไงคะ ฉันรู้ว่าคุณต้องมีความลับไม่น้อยแน่ๆ ยังมีเทคนิคการปลูกขั้นสูง เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ฉันจะขออยู่ที่นี่ไม่ไปไหมแน่นอน ฉันจะเรียนรู้กับคุณ”เหอเสี่ยวหย่ายิ้มอย่างยิ้มอย่างตั้งตารอ อย่างมีความหวัง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เซี่ยหยางยังคงคิดว่าเธอแค่ล้อเล่นเท่านั้น จนกระทั่งในที่สุดเหอฟู่เสวก็ทำการวิจัยค้นคว้าโสมจนเสร็จ เขาก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“โอ้โห เป็นของดีจริงๆด้วย เป็นโสมคุณภาพที่หาพบได้ยาก ฉันศึกษามานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เคยเห็น ถ้าฉันไม่ได้ป่วยหนัก เกรงว่าชาตินี้ทั้งชีวิตยังไม่รู้เลยว่าโลกใบนี้ยังมีโสมแบบนี้ด้วย”เหอฟู่เสวทอดถอนหายใจ หลังจากนั้นก็มองไปที่เซี่ยหยาง เหมือนจะมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด
“ดร.เหอ อย่าพูดเวอร์ขนาดนั้นเลยครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ถูกคนพูดแบบนั้น ผมรู้สึกเขินจริงๆนะครับ”เซี่ยหยางลูบจมูกไปมา
เหอฟู่เสวกลับพูดอย่างจริงจัง“เซี่ยหยาง นายน่าจะได้รับการแนะนำจากใครบางคนมา หรือการวิจัยของคุณทำได้อย่างดีเยี่ยม นายจะไม่บอกฉันจริงๆหรอ เพาะปลูกออกมาได้อย่างไรกัน?”
“ไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่พันธุ์พืชธรรมดาเท่านั้น ผมไม่ค่อยเข้าใจทางด้านนี้เลย ทำให้คุณหัวเราะแล้ว”เซี่ยหยางเกาหัวแกรก
“ช่างเถอะ ที่นายไม่พูดนายก็มีเหตุผลของนายเอง ฉันสามารถเข้าใจได้ เนื่องจากนี่เป็นสิ่งที่ได้มาไม่ง่าย ฉันไม่รบกวนนายแล้วล่ะ ฉันจะกลับไปทำการวิจัยแล้วล่ะ”เหอฟู่เสวเก็บโสมอย่างระมัดระวัง แล้วลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินจากไป
“ดร.เหอจะไปแล้วหรอครับ?งั้นกลับดีๆนะครับ”ความจริงเซี่ยหยางโล่งอกมาก ปราชญ์เฒ่าผู้นี้มีปัญหาข้อสงสัยที่ไม่สามารถถามได้หมด ถ้าหากยังถูกเขาถามต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่ตัวเองอาจจะเผลอเปิดเผยออกไปก็เป็นได้ เรื่องของโลกแผ่นหยก จะบอกกับใครไม่ได้เด็ดขาด
“ใช่แล้ว ไม่ต้องไปส่งหรอก ขอบใจที่นายขายโสมต้นนี้ให้ฉันนะ ถ้าเรามีเวลาว่างค่อยคุยกัน”ดร.เหอเอาโสมส่งมอบให้กับคนขับรถคนหนึ่ง หันกลับไปจับมือของเซี่ยหยาง หลังจากนั้นก็มองไปที่เหอเสี่ยวหย่าพูด“ลูกจ่ายเงินให้เขาเถอะ”
“ค่ะพ่อ พ่อกลับมาดีๆนะคะ”เหอเสี่ยวหย่าโบกมือลา แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ
รอจนเหอฟู่เสวเดินขึ้นรถไป รถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหยางตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่เหอเสี่ยวหย่าอย่างไม่เข้าใจ“ทำไมคุณถึงไม่ขึ้นรถล่ะ?”
“ฉันจะต้องคิดเงินให้คุณก่อนน่ะสิ”เหอเสี่ยวหย่ายิ้มอย่างเขินๆ
“อ๋อ แต่ทำไมไม่รอกลับกับพ่อของคุณล่ะ?”เซี่ยหยางไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
เหอเสี่ยวหย่าหัวเราะคิกคัก“เพราะว่าฉันจะอยู่คิดบัญชีกับคุณยังไงล่ะ”
เซี่ยหยางไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหนอีก จึงรอคิดเงินกับเหอเสี่ยวหย่า แต่เธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ กะพริบตาปริบๆมองไปรอบๆที่อยู่ใกล้ๆ
เซี่ยหยางมึนงงไปเลย มองดูเวลา แล้วพูดขึ้นมาว่า“เหอเสี่ยวหย่า ผมมีธุระต้องทำนะ เรื่องคิดเงินน่ะ……”
“เข้าบัญชีแล้วไม่ใช่หรอ ไปสิ พาฉันไปดูว่าแปลงเพาะปลูกของคุณ”คำพูดของเหอเสี่ยวหย่าทำให้คนตกใจเป็นอย่างมาก
“หมายความว่าไงเนี่ย?ไหนล่ะ?คุณอยากจะต่อราคาใช่ไหม งั้นผมขายให้คุณหนึ่งล้านเหมือนครั้งที่แล้วก็ได้?”เซี่ยหยางตกใจเป็นอย่างมาก
“ก็ได้ งั้นก็หนึ่งล้านแล้วกัน ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง แต่ที่ฉันอยู่ต่อเพื่อคิดบัญชีนั่นแหละ”เหอเสี่ยวหย่ายิ้มอย่างร่าเริง
เซี่ยหยางถึงกับมึนงง มุมปากกระตุก แล้วมองดูท่าทางของเหอเสี่ยวหย่า ไม่เหมือนกับคนเบี้ยวหนี้ ตอนนั้นเงินสิบล้านเธอไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วก็จัดการเรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นอะไรไปน่ะ
“ฉันไม่ได้เบี้ยวหนี้นะ ฉันอยู่ช่วยคุณต่างหาก แล้วเรียนรู้กับคุณไปด้วย ถือว่าเป็นการหักบัญชีแล้วกัน พูดตรงๆก็คือฉันทำงานให้คุณไง เพราะฉะนั้นคุณก็อย่าคิดมากเลย”เหอเสี่ยวหย่าพูดพลางเดินออกไปด้วย เธอหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาใบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่านั่นคือสัมภาระของเธอ
เซี่ยหยางรู้สึกว่ากินแรงของเธอมาก จึงเข้าไปช่วยถือ อย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย มีวิธีการหักหนี้แบบคุณด้วยหรอ?”
“ทำไมล่ะ หรือคุณไม่ต้อนรับฉันล่ะ?ฉันจบคณะเกษตรศาสตร์มาเชียวนะ นี่เป็นใบประกาศนียบัตรรับรองการศึกษาของฉันและประสบการณ์ ยังมีรูปภาพที่ฉันเข้าร่วมอบรมและกิจกรรมต่างๆ นี่คือไฟล์ข้อมูล ยังมีนี่……”เหอเสี่ยวหย่าหยิบเอกสารของเธอออกมาจากกระเป๋าเดินทาง แต่กลับต้องหยุดพูดลง และหน้าแดงก่ำขึ้นทันที
เพราะว่าเซี่ยหยางเห็นว่าเธอเอาชั้นในของตัวเองออกมาอย่างไม่ทันระวัง จากนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เหอเสี่ยวหย่ารีบยัดกลับเข้าไปในกระเป๋าเดินทาง ใบหน้าแดงก่ำเหมือนถูกไฟแผดเผายังไงอย่างงั้น
“เอ่อคือ ผมไม่รู้ว่าคุณมีประสบการณ์และเทคนิค เพียงแต่ที่นี่เรายังไม่รับคนน่ะครับ”เซี่ยหยางรู้สึกว่าเหอเสี่ยวหย่าที่เป็นแบบนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน แต่เขายังคงไม่รู้จุดประสงค์ของเธออยู่ดี เพราะฉะนั้นจึงไม่กล้าให้เธออยู่ต่อ
เหอเสี่ยวหย่าไม่สบอารมณ์ ทำปากมุ่ยแล้วบ่นพึมพำ“คุณดูถูกฉันหรือว่ายังไงกัน สถานที่ดังๆเชิญฉันไปเยอะแยะ เงินเดือนหลายล้านแหนะ คุณดูสิ ฉันอาสามาถึงบ้านคุณยังไม่เอา”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะครับ ผมไม่มีปัญญาเชิญคุณหรอกครับ ที่นี่มันทุรกันดารมากเลยนะครับ”เซี่ยหยางรีบอธิบาย
“ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอกนะคะ ขอแค่มีที่ให้อยู่ให้กินก็พอแล้ว ถ้าเกิดไม่ได้จริงๆฉันจ่ายเงินเพื่อพักที่นี่เองก็ได้ ไม่อย่างนั้นคุณยังอยากได้เงินจากโสมอยู่ไหม?”เหอเสี่ยวหย่าพูดอย่างเชื่องช้า แต่เห็นได้ชัดว่าในคำพูดยังมีคมมีดซ่อนเอาไว้
“ก็ได้ คุณพูดมาสิว่าจะเอายังไง?”เซี่ยหยางไม่อาจที่จะปฏิเสธได้อีก โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญสาวสวยอย่างเหอเสี่ยวหย่า
เหอเสี่ยวหย่ายิ้มอย่างร่าเริง พลางพูดขึ้นมาว่า“ถือว่าคุณตกลงแล้วนะ ดีจังเลย ฉันพักที่ไหนดีคะ?”
“ตรงนั้น ถ้าคุณจะอยู่ที่นี่”เซี่ยหยางชี้ไปที่ห้องเก็บของในบ้านของตนเอง แน่นอนว่าเขาจงใจที่จะทำให้เหอเสี่ยวหย่าลำบาก
แต่เหอเสี่ยวหย่าไม่ได้รังเกียจเลย ลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินเข้าไปทันที เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว
เซี่ยหยางทำปากมุ่ยๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ ที่นี่มีอะไรดึงดูดเหอเสี่ยวหย่ากันนักกันหนาเนี่ย สาวสวยในเมืองอย่างเธอไม่รังเกียจความทุรกันดารเลยเหรอ?
“พี่หยาง สาวสวยคนนี้ใครกันหรอ แล้วซ้ออีกคนล่ะ?”เอ้อนิ้วที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยในมือถือถ้วยชาเอาไว้ และปากก็พูดซุบซิบเบาๆ
“อย่าหน่า อย่าพูดมั่วๆนะ เธอเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกที่มาจากในเมืองเลยนะ และยังเปิดสวนเพาะปลูกอีกด้วย เธอมาเพื่อทำวิจัยสำรวจต่างหาก”เซี่ยหยางกลอกตาใส่เอ้อนิ้ว ไอ้หนุ่มคนนี้เห็นสาวสวยคนไหนอยู่กับตนเองก็จะเหมารวมเรียกซ้อหมด
“ว้าว พี่หยางสุดยอดไปเลย ผมดูแล้วเธอไม่เหมือนกับสาวสวยที่เปิดเป็นเจ้าของภัตตาคารคนนั้นเลย ถ้าผมเป็นพี่ ผมจะเก็บให้เรียบไปเลย”เอ้อนิ้วหัวเราะคิกคัก
“ไป ไปไกลๆเลยนะ อย่ามาตลก เดี๋ยวถ้าถูกคนอื่นได้ยินมันจะไม่ดี”เซี่ยหยางผลักเอ้อนิ้วเบาๆ
“อาซ้อครับ อย่ายุ่งไปเลย รีบมาดื่มชาดีกว่า……”เอ้อนิ้วตะโกนไปที่เหอเสี่ยวหย่าหนึ่งครั้ง แล้วพบว่าสีหน้าของเซี่ยหยางผิดปกติไป จึงหันกลับมายิ้มแห้งๆแล้วรีบวิ่งหนีไป
แน่นอนว่าเหอเสี่ยวหย่าได้ยินและเห็นแล้ว ใบหน้าแดงก่ำ แต่เธอยังคงเตรียมจะไปเก็บของที่ห้องเก็บของ
เซี่ยหยางไม่เข้าใจจริงๆ แต่พูดมาแบบนี้ตนเองก็เป็นคนที่ดูแลหวงแหนผู้หญิงเหมือนกันนะ เขารีบไปช่วยเหอเสี่ยวหย่าลากกระเป๋าเดินทาง พูดประโยคหนึ่งบอกให้เธอตามมา จากนั้นก็หันหลังเดินไปเลย
เหอเสี่ยวหย่าตอบรับอ๋อ จากนั้นก็เดินตามหลังไปอย่างว่าง่าย พอมาถึงบ้านพักวิลล่า คิ้วของเธออดคลายออกไม่ได้ ทิวทัศน์ที่นี่ช่างงดงามเหลือเกิน อากาศปลอดโปร่ง ตรงหน้าเป็นแม่น้ำที่เคลื่อนไหวช้าๆ มีเสียงนกดังแว่วเจื้อยแจ้ว เธออดที่จะค่อยๆหลับตาลงไม่ได้ ท่าทางเหมือนกำลังเคลิบเคลิ้ม สูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ
ในตอนนี้เองแสงแดดส่องสะท้อนต้องกับใบหน้า เส้นเว้าโค้งนั่นเมื่อเคลื่อนไหวแล้วช่างสะกดคนยิ่งนัก เซี่ยหยางอดที่จะตกอยู่ในภวังค์ไม่ได้ มันช่างสวยงามมากจริงๆ สวยเกินคำบรรยาย
ไม่อย่างนั้น ให้เธออยู่ที่นี่จริงๆเถอะ พักสักสองสามวันก็พอแล้ว เซี่ยหยางเปลี่ยนแปลงความคิดทันที
“คุณพักที่นี่เถอะ พึ่งสร้างใหม่ ห้องรับแขกเต็มหมดแล้ว นี่เป็นบ้านที่ผมสร้างขึ้นมาใหม่ ผมกับพ่อผมพักชั้นแรก คุณขึ้นไปพักชั้นที่สองก็ได้ เฟอร์นิเจอร์ของใช้ในบ้านมีครบ อาหารคุณสามารถไปทานที่ฟาร์มสเตย์ หรือโทรศัพท์เรียกให้พวกเขามาส่งให้ก็ได้”หลังจากนั้นเซี่ยหยางก็ได้บอกเบอร์โทรศัพท์ให้กับเหอเสี่ยวหย่าไป นำกระเป๋าเดินทางของเธอยกขึ้นไปที่ชั้นสอง
เหอเสี่ยวหย่ามองดูบ้านใหม่ของเซี่ยหยางรอบๆ แล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่เซี่ยหยางอย่างสงสัย แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
เซี่ยหยางที่ถูกมองจนรู้สึกร้อนรนกระวนกระวาย“คุณมองผมทำไมเนี่ย?”
“คุณเป็นคนดีจัง ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”เหอเสี่ยวหย่าพูดอย่างประทับใจ
เซี่ยหยางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ตัวเองใจอ่อนลงเล็กน้อย จุดมุ่งหมายที่เหอเสี่ยวหย่าอยู่ต่อ คงจะไม่ได้มาเพื่อสืบเรื่องของโลกแผ่นหยกหรอกนะ ถึงแม้เธอจะไม่รู้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอสงสารเป็นอย่างมาก สองพ่อลูกคู่นี้ กำลังร่วมกันแสดงละครหรอกเหรอเนี่ย
“ทำไมไม่ไปที่ไร่เพาะปลูกล่ะ ทำไมถึงต้องมาที่นี่?”เซี่ยหยางจึงถามออกไปตรงๆ
“บอกแล้วไงมาเพื่อเรียนรู้กับคุณ คุณคงไม่ได้จะกลับคำหรอกนะ?”เหอเสี่ยวหย่าพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“อ๋อ ผมรู้แล้ว งั้นคุณพักผ่อนก่อนเถอะ ผมมีธุระต้องลงไปทำ”เซี่ยหยางพูดจบก็เดินจากไป
เหอเสี่ยวหย่าครั้งนี้ไม่ได้ตามตื้อเขาต่อไป แต่มองดูแผ่นหลังเขาเดินจากไป เธอหัวเราะอย่างอายๆ และนึกถึงสิ่งที่เหิฟู่เสวผู้เป็นพ่อได้มอบหมายไว้ให้กับเธอ ว่าต้องหาวิธีล้วงความลับจากเซี่ยหยางออกมาให้ได้ ตั้งใจศึกษาวิจัยดีๆ เพราะว่านี่จะเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ภายในประเทศ มันจะเป็นความสำเร็จอันน่าทึ่งด้านวิชาการ
“แต่ว่า ดูไปแล้วเหมือนเซี่ยหยางจะรู้ตัวแล้วนะ”เหอเสี่ยวหย่าโทรศัพท์หาเหอฟู่เสว หลังจากที่เซี่ยหยางเดินจากไปแล้ว
“ไม่เป็นไร หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ดูความสามารถของลูกแล้วล่ะ พ่อจะวิจัยที่นี่ หนูต้องจำไว้นะ ว่านี่เป็นความหวังของพ่อมาทั้งชีวิต”เหอฟู่เสวพูดย้ำอย่างหนักแน่น
“ค่ะ หนูจะทำให้ได้ค่ะ หนูแปลกใจสงสัยเรื่องนี้จริงๆ”จากนั้นก็วางสายไป เหอเสี่ยวหย่ามองไปที่แปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่ที่พืชผลออกเต็มไปหมด แล้วอดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
คราวนี้เซี่ยหยางไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนี้อีก แน่นอนว่าเขาไม่มีวันคาดถึง เพราะว่าการมาของเหอเสี่ยวหย่า จะนำพาความเปลี่ยนแปลงอะไรมาให้กับเขา
ในตอนนี้เองเซี่ยหยางมาที่แปลงผักและบ่อน้ำเพื่อดูความคืบหน้า ผลไม้และพืชผักเติบโตออกผลได้ไม่เลวเลย ปลาในบ่อก็โตอย่างรวดเร็ว อีกไม่กี่วันก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้แล้ว
พอคิดไปคิดมา เซี่ยหยางจึงโทรศัพท์หาหวางหลิงนักข่าวสาว สาวน้อยไม่พูดพร่ำทำเพลง ตอบตกลงในทันที ผ่านไปไม่นานก็มีรถขับมุ่งหน้ามาที่นี่
ด้านหลังมีชายหนุ่มแบกกล้องตัวใหญ่ไว้ หวางหลิงยังคงถือไมค์โครโฟน พอเห็นเซี่ยหยางก็ยื่นไมค์ไปให้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ระหว่างทางเธอได้คิดสคริปต์มาแล้ว จึงถามขึ้นมาว่า“เถ้าแก่เซี่ยคะ ครั้งนี้จะแนะนำผลิตภัณฑ์อะไรให้กับเราอีกคะ?”
“ครั้งนี้เป็นพวกตะพาบกับเต่าที่ผมเลี้ยงไว้บางส่วนครับ พวกคุณมาดูทางนี้สิ”เซี่ยหยางเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว แล้วนำทางพาหวางหลิงไป ตากล้องวิ่งตามไปอย่างเร่งรีบ
“ว้าว เยอะขนาดนี้เลยหรอคะ คุณช่วยอธิบายคร่าวๆได้ไหมคะ”หว่างหลิงพูดอย่างตกใจ
“ของพวกนี้เป็นของที่ได้มาจากธรรมชาติ ในตลาดส่วนมากมาจากการเพาะเลี้ยง ของผมทั้งหมเมาจากธรรมชาติ ไม่มีการเลี้ยงโดยให้อาหารเม็ดสำเร็จรูป พวกคุณดูสิ สีมันก็ไม่เหมือน”เซี่ยหยางพูดพลางยื่นมือออกไป แล้วจัดการจับเอาตะพาบออกมาหนึ่งตัว ยื่นไปไว้ตรงหน้าของหวางหลิง
ตะพาบตัวนั้นอ้าปากแล้วดิ้นไปมา มันทำให้หวางกลัวตกใจร้องกรีด จนหน้าถอดสี