เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 38
“คุณพูดอะไรน่ะ ทำไมผมถึงไม่เข้าใจ?”เอ้อนิ้วมองดูมือของตัวเองที่เปลี่ยนสี อย่างไม่เข้าใจ
เซี่ยหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วปิดประตูลง พูด“เป็นไปไม่ได้ที่เอ้อนิ้วเป็นคนร้าย คนร้ายอาจจะสัมผัสกับเขามาก่อน เอ้อนิ้วจึงได้รับสารพิษนี้มา”
“พี่หยาง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”เอ้อนิ้วงงมาก
เหอเสี่ยวหย่ากัดริมฝีปากเบาๆ แล้วเอยถามไปว่า“เอ้อนิ้วนายลองนึกดูสิ ว่าเคยสัมผัสกับใครมาก่อนไหม?”
“นี่มันพูดได้ยากมากเลยครับ วันนี้ผมยุ่งทั้งวันเลย”เอ้อนิ้วส่ายหัว
“แต่อย่าร้อนใจไป คนร้ายน่าจะกำลังปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว เชิญคนต่อไปค่ะ”เหอเสี่ยวหย่าตะโกนออกไป
ตอนนี้ในกลุ่มมีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา ท่าทางของเขาดูมีพิรุธมาก เขาวางมือเข้าไปในกะละมัง และแล้วสารเคมีก็ทำปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว เขาอดที่จะตะลึงไม่ได้ รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงคิดจะหันหลังกลับเพื่อหนีไป
เซี่ยหยางรอเวลานี้มานานแล้ว เขาพุ่งตัวออกไป จัดการปิดประตู จับตัวเขากลับมา ตะโกนด่ากราดอย่างโกรธเกรี้ยว “ซวนจื่อ พูดความจริงมานะ ว่านายเป็นคนวางยาพิษใช่ไหม?”
“ผะ ผมไม่ได้ทำ ผมถูกใส่ร้าย มีสิทธิ์อะไรพูดแบบนี้?”พนักงานที่ชื่อว่าซวนจื่อไม่พอใจ พลางดิ้นไปมา
เอ้อนิ้วนึกขึ้นมาได้ทันที เขาชี้ไปที่ซวนจื่อและพูดว่า“ฉันนึกออกแล้ว ไม่นานมานี้ นายบอกว่ายุ่งมาให้ฉันเข้าไปช่วย ฉันเลยเข้าไปช่วยล้างผัก ไอ้เด็กเวรช่างกล้าจริงๆ กล้าใส่ร้ายพี่หยาง พี่หยางดูแลนายอย่างดี แกเอาบุญคุณของเขามาแปรเปลี่ยนเป็นการแก้แค้น จิตใจของแกทำด้วยอะไรห้ะ?”
ซวนจื่อร้อนรนมาก เหงื่อของเขาไหลท่วม เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันที แล้วพูดขอร้องอ้อนวอน“เถ้าแก่เซี่ย พี่ปล่อยฉันไปเถอะ ผมรู้สึกผิดแล้วจริงๆ ผมคิดไม่ถึงว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ พวกเขาบอกกับผมแค่ว่า ยานี่จะทำให้ท้องเสีย คิดไม่ถึงว่าเกือบจะทำให้คนตาย ผมเองก็รู้สึกตกใจมากเหมือนกัน”
เซี่ยหยางเข้าใจคำพูดอธิบายของซวนจื่อ เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ซวนจื่อฐานะยากจน อายุยี่สิบสามสิบแล้ว ยังไม่ได้แต่งงานเลย อีกทั้งยังมีแม่ที่ตาบอด จู่ๆทำเรื่องแบบนี้ได้ ต้องมีสาเหตุอะไรเป็นแน่
“นายพูดมาสิ ว่าใครเป็นคนบงการให้นายทำแบบนี้?ถ้าบอกแล้วฉันจะปล่อยนายไป”เซี่ยหยางพยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเองไว้
ซวนจื่อหดหัว แล้วพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย“คนของกินทั่วเมืองครับ หลายวันก่อนพวกเขามาหาผม ยื่นเงินให้ผมหนึ่งหมื่น บอกให้ผมวางยาลงไปในอาหาร ยานี่ก็เป็นของที่พวกเขาให้มา ผมหน้ามืดตามัวเลยตกลงรับปาก ผมสมควรตายจริงๆ”
“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย เพราะว่าเหตุผลของที่บ้านอย่างงั้นเหรอ?”เซี่ยหยางยังคงถามต่อไป
“เถ้าแก่เซี่ย ฐานะที่บ้านของผมพี่ก็รู้ดี แม่ของผมไม่สบาย ผมต้องแต่งงาน เลยต้องการใช้เงินมาก จึงหน้ามืดตามัว ผมผิดไปแล้ว”ซวนจื่อพูดพลางกุมหน้าแล้วเริ่มร้องไห้
“ไอ้คนเนรคุณ แกทำลายพี่หยาง ดูสิว่าฉันจะจัดการแกยังไง”เอ้อนิ้วโกรธเป็นอย่างมาก ชูหมัดขึ้นมาหมายจะเข้าไปทำร้าย มันทำให้ซวนจื่อตกใจจนเอาหลบแล้วหนี
เซี่ยหยางขวางเขาไว้ ทำสัญลักษณ์ให้เอ้อนิ้วออกไปอธิบายให้ทุกคนฟังให้เข้าใจ หลังจากนั้นก็พยุงซวนจื่อลุกขึ้น แล้วพูดสอนสั่งชี้แนะอย่างใจเย็น“นายไม่มีเงินก็บอกกับฉันมาสิ ทำไมต้องไปฟังคำสั่งจากคนแบบนั้นด้วย คนที่นายว่าเป็นเถ้าแก่ของร้านกินทั่วเมืองคือเฮ่อเซ่าฉุนใช่ไหม?นายก็รู้มาตลอดว่าเขาวางแผนทำร้ายฉัน โดยเฉพาะแปลงผักและบ่อปลาของฉัน”
ซวนจื่อพยักหน้า แล้วพูด“เขาเหมือนจะเคยบอกอย่างนั้น ยังพูดว่าถ้าหากจัดการสำเร็จ จะให้เงินผมเพิ่มอีกด้วย”
เซี่ยหยางรู้สึกโกรธมาก แต่กลับไม่ได้ระบายไปที่ซวนจื่อ เขาพูดขึ้นมาว่า“ความหมายของเขามันง่ายมาก เขาอยากจะให้ฟาร์มสเตย์ของฉันเจ๊ง มันจะทำให้ผักและปลาที่ฉันเลี้ยงหรือปลูกไว้ขายได้น้อยลง ถึงเวลานั้นเขาก็จะสามารถซื้อมันมาได้”
“เหมือนเขาจะพูดแบบนั้นครับ เถ้าแก่เซี่ยผมรู้สึกผิดจริงๆนะครับ พี่ส่งฉันไปที่สถานีตำรวจเถอะ แต่มันจะแม่ตาบอดของผมต้องลำบาก ผมขอโทษทุกคนด้วย”ซวนจื่อพูดอย่างรู้สึกผิด
“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะไม่ส่งนายไปให้ตำรวจหรอก เงินนี่นายเอาไปซะนะ กลับไปรักษาแม่ของนาย ขอแค่นายรู้ผิดแล้วแก้ไขก็พอ ถึงเวลาค่อยกลับมาทำงาน”เซี่ยหยางหยิบเงินสองหมื่นออกมา แล้วยื่นไปให้ซวนจื่อ
ซวนจื่อร้องไห้เหมือนกับเด็ก เขารับเงินนั่นไว้ และโขกหัวคำนับให้กับเซี่ยหยาง แต่ถูกเซี่ยหยางขวางไว้
“ผมสาบาน ชาตินี้ผมจะตามรับใช้พี่ตลอดไป ผมจะเป็นทั้งวัวทั้งม้าให้พี่”ซวนจื่อปาดน้ำตา
เซี่ยหยางฝืนหัวเราะอยู่พักหนึ่ง แล้วเรียกเอ้อนิ้วเข้ามา แล้วก็มอบหมาย ให้เอ้อนิ้วลากตัวซวนจื่อออกไป
ตอนนี้เหอเสี่ยวหย่าเก็บของเรียบร้อยแล้ว เธอมองดูเซี่ยหยางที่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ แล้วจึงเกลี้ยกล่อม“เป็นอะไรไป ไม่ดีใจหรอ?”
“จะดีใจได้ยังไง ถ้าคนร้ายเป็นคนอื่น ผมยังสามารถทำอะไรได้ แต่นี่เป็นซวนจื่อ ดูท่าฟาร์มสเตย์ของผมจากนี้ไปกิจการคงไปต่อได้ยากแน่”เซี่ยหยางจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เดินออกไปพูดกับทุกคน
ตอนนี้แขกทุกคนต่างพากันวิจารณ์กันอย่างอื้ออึง เซี่ยหยางออกไปพูดว่าจับตัวคนร้ายได้แล้ว อีกทั้งยังมอบหมายให้เอ้อนิ้วจับคนร้ายไปส่งตำรวจแล้ว สำหรับค่าเสียหายของทุกคน ยังคงทำตามคำพูดก่อนหน้านี้ จะยอมให้กินฟรีหนึ่งวัน
ผ่านเหตุการณ์วุ่นวายโกลาหลมา มีคนบางกลุ่มเดินจากไปแล้ว คนอีกส่วนยังคงไม่ไปไหน เนื่องจากอาหารและวิวทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เลวเลย พวกเขาเสียดาย
“เรื่องของวันนี้ขอบคุณนะครับ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง”เซี่ยหยางพูดกับเหอเสี่ยวหย่าอย่างซึ้งใจ
เหอเสี่ยวหย่าหัวเราะคิกคัก แล้วพูด“ถ้าอยากขอบคุณฉันจริงๆ ก็พาฉันไปที่แปลงผักสิคะ ฉันอยากไปดู ว่าคุณปลูกพืชออกมาได้ยังไง”
“วันหลัง ผมค่อยพาคุณไปนะ คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ผมยังมีธุระต้องจัดการ”ตอนนี้เอง เซี่ยหยางกำลังวางแผนการในใจ
เรื่องในครั้งนี้ มันจะมีผลกระทบต่อฟาร์มสเตย์เล็กน้อย ผ่านไปหลายวัน เป็นไปตามคาดแขกเริ่มน้อยลง มันทำให้ความแค้นที่เซี่ยหยางมีต่อเห่อเซ่าฉุนเถ้าแก่ของร้านกินทั่วเมืองเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เซี่ยหยางตัดสินใจแล้ว ในเมื่อความสูญเสียนี้เห่อเซ่าฉุนเป็นคนทำ ถ้าอย่างงั้นเขาก็จะเอามันกลับคืนมาจากเขา
เขาตัดสินได้แล้ว เซี่ยหยางไปดูที่แปลงผักด้วยตัวเอง พบว่าแตงโมและผลไม้อื่นๆโตเต็มที่ พอที่จะนำออกไปขายได้แล้ว
เขาจึงตั้งใจเลือกผลไม้บางส่วน ผลไม้พวกนี้มาจากรดน้ำของโลกแผ่นหยก เห็นได้ชัดว่าผลของมันใหญ่กว่าธรรมดาหลายเท่า ถ้าหากพวกมันยังเติบโตอย่างบ้าคลั่งต่อไป ไม่รู้ว่าจะใหญ่ได้ขนาดไหน เซี่ยหยางยังไม่ได้ลองอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะแตงโมพวกนั้น พึ่งปลูกไปได้เดือนกว่าๆ มันก็ใหญ่ประมาณห้าโลหนึ่งแล้ว นี่มันไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์เลย เซี่ยหยางขี้เกียจจะไปหาเหตุผลอะไรแล้ว
เขาได้ใบขับขี่มาแล้ว เซี่ยหยางไปซื้อรถกระบะมาโดยเฉพาะ หาคนมาหลายคน จัดการเอาพวกผลหมากรากไม้ขึ้นรถไป แล้วขับมุ่งตรงไปยังตัวอำเภอ
เขาได้วางแผนไว้แล้ว เอามันไปไว้ที่ตรงถนนทางเข้าร้าน“กินทั่วเมือง”นั่นแหละ เซี่ยหยางจอดรถ แล้วจัดการผ่าแตงโมออก วางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เริ่มร้องเร่ขาย“ขายแตงโมครับ ทั้งใหญ่ทั้งหวาน รับรองว่ากินไปแล้วยังอยากกินต่อแน่นอนครับ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่าพลาดนะครับ”
“เท่าไหร่หรอไอ้หนุ่ม?”มีป้าคนหนึ่งเดินผ่านมามองดู จึงพูดอย่างตกใจ“ว้าว แตงโมของนายใหญ่จริงๆ พบเห็นได้น้อยมาก?”
“ครึ่งโลห้าสิบหยวนครับ จะลองชิมก่อนไหมครับ?”เซี่ยหยางหัวเราะเหอะๆ แล้วยื่นคำเล็กๆไปให้หนึ่งคำ
ป้าคนนั้นตกใจจนหัวหด รีบโบกมือไปมาพูด“นายกำลังล้อเล่นใช่ไหม?แตงโมของนายแพงไปแล้ว ปกติราคาแค่ครึ่งโลสองหยวนเอง ถึงจะขึ้นห้างราคาก็ไม่เกินห้าหยวนหรอกนะ”
“นี่เป็นพันธุ์ใหม่ครับ มันไม่เหมือนกับที่พวกป้ากินกัน ไม่เชื่อผ้าลองชิมดูก่อนก็ได้ ถึงยังไงก็ไม่เอาเงินอยู่แล้ว”เซี่ยหยางหยิบไม้จิ้มฟันออกมา แล้วจิ้มไปหนึ่งคำยื่นให้กับป้า
“อร่อยขนาดนั้นเชียว?ฉันไม่เชื่อ……”ป้าคนนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่แล้วในตอนที่กัดเข้าไปคำแรก เธอก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ความหอมหวานนั้นมันทะลุเข้าไปในหัวใจ เธออ้าปากตาค้าง รสชาตินั้นยังคงหอมกรุ่นอยู่ในปากไม่รู้ลืม
“เป็นยังไงครับ อร่อยไหม?”เซี่ยหยางหัวเราะเฮอะๆ
ผ้ามองไปที่แตงโมอย่างตกตะลึง แล้วพูดอย่างร้อนใจ“ให้ฉันชิมอีกหนึ่งคำเถอะ มันอร่อยเกินไปแล้ว”
“จะชิมก็ได้ครับ แต่ของแค่นี้ มันไม่พอให้ป้าอิ่มหรอกนะ ป้าซื้อสักกิโลไหม?ผมขายปลีกได้นะ”เซี่ยหยางแนะนำ
“เอ่อ มันแพงไปหน่อยน่ะ อีกทั้งฉันพกแค่เงินไม่กี่บาทออกมาซื้อผัก”ป้าเหมือนจะเสียดายมาก สายตาจ้องมองไปที่แตงโมที่แดงฉ่ำ เบะปากเบาๆ มือก็ลูบคลำกระเป๋าไปมา
“ป้าพักที่ไหนล่ะ?”เซี่ยหยางคิดไปคิดมาแล้วเอ่ยถามขึ้น
“พักตรงนั้นนั่นแหละ ทำไมเหรอ?”ป้ายื่นมือออกไปชี้ไปที่ย่านเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น
เซี่ยหยางหยิบแตงโมให้ป้าคนนั้นไปหลายชิ้น แล้วพูดขึ้นมาว่า“เอาแบบนี้ดีไหม ป้าเอาแตงโมฟรีไปกิน ถ้าเห็นคนรู้จักก็ส่งให้เขาชิมฟรีไปหนึ่งชิ้น ถ้ามีคนถามก็ช่วยผมโฆษณาหน่อยนะครับ เป็นไง?”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”ป้าเหมือนจะเก็บโชคเก็บลาภได้ ประคองแตงโมไว้ในมือหลายชิ้น เดินไปด้วยกินไปด้วย กินอย่างมีความสุข พอเข้าไปในย่านนั้น ก็หยิบให้คนรู้จักกินหนึ่งชิ้น
“ขายแตงโมครับ ทั้งใหญ่ทั้งหวาน ครึ่งโลห้าสิบหยวนครับ”เซี่ยหยางเริ่มตะโกนเรียกลูกค้าอีกครั้ง
“สมองของเขามีปัญหาใช่ไหม?แตงโมครึ่งโลห้าสิบ อยากได้เงินจนบ้าไปแล้ว ทำอะไรมั่วๆ”เวลานี้เอง พ่อค้าเร่ขายแตงโมเข็นรถเข้ามา แล้วมองไปที่เซี่ยหยางอย่างตลก
“นั่นน่ะสิ ทั้งโง่ทั้งบ๊อง ไม่ต้องสนใจเขาหรอก”พ่อค้าเร่อีกคนพูดอย่างประชด แล้วเข็นรถไปข้างๆ เริ่มตะโกนเรียกลูกค้า มีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาซื้อแตงโมของเขา
ทางด้านเซี่ยหยาง ตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่คนเดียว เงียบเหงามาก เขาไม่รีบร้อน เขาพิงกับรถและหรี่ตาลง ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ และร้องตะโกนเรียกหลายครั้ง
ผ่านไปไม่นาน ร้านข้างๆก็ขายแตงโมไปได้หลายลูกแล้ว จึงยิ่งได้ใจ ยังมีพ่อค้าเร่อีกคนพูดกับเซี่ยหยางไปว่า“นี่เพื่อน นายมาจากนอกพื้นที่ใช่ไหม ไม่เคยขายแตงโมใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ครับ ผมมาจากตำบลเฮยถู่ ผมพึ่งมาขายที่นี่เป็นครั้งแรก”เซี่ยหยางตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน เขาใช้สายตามองประเมินพ่อค้าเร่คนนั้น เขามีลักษณะฟันเหยิน เวลายิ้มหันขาวมาก
พ่อค้าฟันเหยินคนนั้นกลับยื่นบุหรี่มาให้เซี่ยหยางหนึ่งม้วน แล้วพูดไปว่า“นี่เพื่อน นายคงจะมาผิดที่แล้วล่ะ ถึงแตงโมของนายจะใหญ่ก็จริง แต่ใครจะกล้าซื้อ แตงโมลูกหนึ่งราคาหลักพันเชียวนะ แต่ยังไงพวกเราก็ขอบใจนายนะ ถ้าไม่ได้ราคาที่แพงขนาดนี้ของนาย วันนี้เราคงขายไม่ค่อยดี”
“แตงโมของผมมันไม่เหมือนกับของพวกคุณนะ ถึงเวลาพวกคุณก็รู้เองแหละ”เซี่ยหยางแสยะยิ้ม อย่างไม่ถือสา
“ถ้านายยังเป็นแบบนี้นายรอจนแตงโมเน่าก็ไม่มีวันขายออกหรอก เอาล่ะ ไม่อยากพูดกับนายแล้ว นายดูสิ ฝั่งฉันมีลูกค้าเข้ามาซื้ออีกแล้ว”พ่อค้าฟันเหยินรีบวิ่งเข้าไป ชั่งแตงโมให้ลูกค้าด้วยสีหน้าระรื่น
เขามองดูถึงเวลากลางวันแล้ว ฝั่งเซี่ยหยางไม่มีแม้แต่เงา จึงมองชำเลืองไปอย่างสงสัย ไม่มีแม้แต่ของให้ชิม สมัยนี้มนุษย์เรามีจิตวิทยา ถ้ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน มักจะคิดมากขึ้น ราวกับกลัวว่าจะถูกเซี่ยหยางหลอก
พ่อค้าฟันเหยินเหลือบมองแตงโมฝั่งนู้นขายไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว กำลังตั้งใจนับเงินอยู่ เขาสามารถหาเงินได้สองสามร้อยหยวน ก็ดีใจมากแล้ว
ในเวลานี้เอง มีรถหรูหลายคันขับเข้ามา จอดอยู่ข้างๆรถกระบะของเซี่ยหยาง รถคันแรกมีคนลงมาสองคน คนหนึ่งคือป้าคนนั้น อีกคนคือสาวสวยคนหนึ่ง ดูไปแล้วช่างดูแพงเหลือเกิน