เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 39
“ที่นี่เลย ทุกคนรีบมาดูเร็ว อร่อยมากเลยนะ”ป้าลงมาจากรถ ก็หันไปตะโกนเรียกเพื่อน
มีคนจำนวนไม่น้อย ลงมาจากรถหลายคัน ล้วนเป็นผู้หญิง มีทั้งวัยรุ่นและคนมีอายุ พวกเธอต่างพากันล้อมเข้ามา
หญิงสาวสวยตรงหน้าป้าถอดแว่นกันแดดออก มองไปที่เซี่ยหยาง แล้วพูดขึ้นมาว่า “แตงโมนี่คุณขายยังไง?”
“ครึ่งกิโลละหนึ่งร้อยครับ ไม่มีการต่อรอง”เซี่ยหยางที่รู้ดีอยู่แก่ใจ เดินเข้ามาทักทาย
คุณป้าถึงที่ได้ยินถึงกับตกใจ พูด“เจ้าหนุ่ม เมื่อกี้นายบอกว่าครึ่งกิโลห้าสิบหยวนไม่ใช่หรอ?ทำไมตอนนี้ถึงได้ขึ้นราคาล่ะ นี่เป็นการโก่งราคาไม่ใช่หรอ?”
“ราคาที่ขายเมื่อกี้เป็นแค่ราคาทดลองขาย ตอนนี้ราคาหนึ่งร้อย พวกคุณจะซื้อไหม?”เซี่ยหยางพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน
สาวสวยหัวเราะเบาๆ พูด“โอ้โห อร่อยขนาดนั้นเชียว?เมื่อกี้ฉันได้ยินพวกหล่อนพูดกัน เพราะฉะนั้นเลยอยากมาดู ยังไม่ได้ชิมอะไรเลย”
“พวกเราได้ชิมแล้วล่ะ รสชาติอร่อยมากจริงๆนะคะ”ผู้หญิงคนอื่นๆเริ่มพูดกันขึ้นมา
เซี่ยหยางที่มองประเมินพวกหล่อนดูครู่หนึ่ง ล้วนเป็นผู้หญิงที่สวมเพชรนิลจินดา ถ้าไม่ใช่เมียคนรวย ก็ต้องเป็นเศรษฐินี คนพวกนี้เป็นคนที่ว่างไม่มีอะไรทำ ปกติเคยชินกับการถูกเอาอกเอาใจ บางครั้งก็พบเจอกับเรื่องใหม่ๆ รู้สึกแปลกใจ ไม่สนใจเรื่องเงินหรอก สนใจแค่ความสุขเท่านั้น
“คุณสามารถชิมดูก่อนได้ ไม่อร่อยยินดีให้พวกคุณฟรีๆเลย”เซี่ยหยางที่พูดจบก็ยื่นไปให้สาวสวยหนึ่งหนึ่งชิ้น
“พูดอะไรเวอร์ไปได้ อย่าโทษฉันพูดอะไรไม่น่าฟังก่อนนะ ถ้ารสชาติมันแย่ เราจะลากรถแตงโมของนายไปซะ”
สาวสวยที่ได้ชิมเป็นคำแรก เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่งก็เริ่มกัดเข้าไปอีกคำใหญ่ หล่อนรับรู้ได้เพียงว่าฟันและปากผลิตของเหลวบางอย่างออกมา รสชาติของมันหวานเข้าไปถึงในหัวใจแล้วมันสดชื่นมาก เหมือนกับทะลุผ่านเข้าไปยังปอดแล้วแล่นไปทั่วร่างกาย
สาวสวยอดที่จะทำเสียงหึเบาๆไม่ได้ ปากเล็กๆเชิดขึ้นและเริ่มกัดกินคำใหญ่ด้วยความโลภ หล่อนกินคำเดียวจนหมด ถึงได้พบว่าเซี่ยหยางกำลังขำตัวเองอยู่ เธอรีบหยิบกระดาษทิชชูออกมาจากกระเป๋าเช็ดปาก หลังจากนั้นใบหน้าก็แดงระเรื่อด้วยความอับอาย
“เป็นยังไงครับ ผมพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ อร่อยจริงๆนะครับ”คุณป้าพูดจบก็มองไปที่แตงโมพวกนั้น สายตาทอดมองอย่างมีความหวัง
คนอื่นที่มองไปยังสาวสวย เหมือนว่าเธอเป็นผู้นำ กำลังรอเธอพูด เซี่ยหยางที่เข้าใจความคิดของพวกเธอเป็นอย่างดี ผู้หญิงเมื่ออยู่ด้วยกันก็มักจะชอบเปรียบเทียบความรวยกับความฟุ่มเฟือยกัน รถของหญิงสาวสวยคันนี้หรูหรากว่ารถคันอื่นๆ ดังนั้น คนเหล่านี้จึงดูตั้งหน้าตั้งตารอเธอ
“อืม ฉันไม่เคยกินแตงโมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย มันคือแตงอะไรหรอ?”สาวสวยค่อยๆเดินเข้ามา หล่อนยังคงรู้สึกว่าไม่พอ เธอกะพริบตาปริบๆมองไปที่เซี่ยหยาง
เซี่ยหยางที่ไม่รู้ว่าจะเรียกชื่ออะไร จึงนึกมาชื่อหนึ่งแล้วพูดออกไปว่า“มันคือแตงโมเฮยถู่ พวกคุณสามารถเรียกมันว่าดาร์กบิวตี้ได้”
“ดาร์กบิวตี้ มีความหมาย ฉันเอาหนึ่งลูก”นิ้วเรียวสวยของสาวสวยยื่นออกไป ชี้ไปที่ลูกที่ใหญ่ที่สุด
เซี่ยหยางถือมันด้วยมือข้างเดียว และชั่งน้ำหนักแตงโมหลายกิโลอย่างเบา ๆ และพูดว่า“ยี่สิบห้ากิโล ผมคิดคุณห้าสิบแล้วกัน ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยหยวนครับ”
“รบกวนคุณช่วยเอาขึ้นรถให้ฉันหน่อยนะคะ”สาวสวยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ แล้วควักกระเป๋าตังค์ออกมา
เซี่ยหยางที่รีบเอาแตงโมโยนขึ้นไปบนรถ แล้วกลับไปหยิบเงินเป็นฟ่อนจากหญิงสาว
เซี่ยหยางที่เหลือบตามอง รู้ได้ว่ามันมีมากพอสมควร เวลานี้เองผู้หญิงคนอื่นๆก็ไม่รอเหมือนจะเปรียบเทียบกับสาวสวยคนนี้ ถึงแม้จะไม่มีลูกใหญ่แล้ว แต่ยังคงมีลูกอื่นๆที่น้ำหนักหลายโล พวกเธอทุกคนต่างพากันซื้อคนละลูก
ผ่านไปไม่นาน เซี่ยหยางก็ขายแตงโมออกไปเจ็ดแปดลูก โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที เงินสามหมื่นก็เข้ามาได้บัญชีแล้ว คนที่มานอกจากคุณป้าที่ไม่ได้ซื้อ คนอื่นๆต่างพากันซื้อทุกคน
“อ่ะ ผมให้ป้า”เซี่ยหยางหยิบแตงโมครึ่งลูกยื่นให้กับป้าคนนั้น ถือว่าเป็นการขอบคุณเธอที่ช่วยโฆษณา
ใครจะไปรู้ว่าหญิงสาวสวยจะโบกมือแล้วพูด“ให้เธอชั่งมาหนึ่งลูกเถอะ ฉันจ่ายเอง”
“เกรงใจจังเลย มันใหญ่เกินไปฉันกินไม่หมดหรอก”คุณป้ายกที่จะปฏิเสธความใจดีของเธอ
“เล็กหน่อยหน่า เป็นคนย่านเดียวกัน เกรงใจอะไรกันคะ”สาวสวยใจป้ำมาก แตงโมลูกนี้มีน้ำหนักถึงสิบกว่าโลได้ ราคาประมาณสองพันกว่าเห็นจะได้
เซี่ยหยางจัดการชั่งแตงโมเสร็จ ก็วางขึ้นไปบนรถให้ จู่ๆสาวสวยคนนั้นก็ร้องเรียกขึ้นมา แล้วปากสีแดงก็ทำปากมุ่ยๆ“แย่จัง เงินสดมีไม่พอซะด้วยสิ”
“งั้นครั้งหน้าก็ได้ครับ ติดไว้ก่อนก็ได้”เซี่ยหยางพูด
“เกรงใจจังเลย ฉันไม่ชอบติดหนี้ใครด้วยสิ เอาอย่างงี้ฉันไปกดเงินออกมาก่อนได้ไหม?”สาวสวยออดอ้อน แล้วบิดเอวไปมา คอเสื้อคว้านลึกลงไป ช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน
“ไม่ต้องหรอกครับ ยังไงพวกคุณก็พักที่นี่ คงไม่หนีไปไหนหรอก ผมจะมาอีกแน่นอน”เซี่ยหยางเข้าใจว่าหญิงสาวมีเงิน จึงถือซะว่าเป็นการติดหนี้บุญคุณ
“ก็ได้ คุณเป็นคนไม่เลวเลย ครั้งหน้าฉันจะมาอุดหนุนคุณอีกแน่นอน คุณมาที่ชุมชนสุ่ยอ้านนะคะ ชั้นแปด คราวหน้าคุณมาหาฉันได้โดยตรง”สาวสวยบิดเอวงอนไปมา แล้วเหยียบส้นสูงขึ้นรถไป
เมื่อผู้หญิงเหล่านี้เพิ่งจากไป ผู้คนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นในละแวกนั้นก็ทนไม่ได้ บางคนสงสัยว่า“คนพวกนี้ไม่เสียดายเงินเลย แตงโมมันอร่อยขนาดนั้นเชียวเหรอ?ราคาเกือบซื้อทองคำได้”
“นั่นแหละ คงไม่ใช่หน้าม้าหรอกมั้ง?”
“ใครจะไปรู้กันล่ะ อยากจะไปชิมดูจัง”
“ไม่ใช่หน้าม้าหรอก ผู้หญิงที่ยืนข้างๆป้าคนนั้นฉันเห็นเธอบ่อยจะตาย ยังมีคนพวกนั้นอีก ล้วนเป็นคนที่พักในชุมชนสุ่ยอ่าน ฉันเคยขายของที่นั่นมาก่อน”เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตก็มามุงดูด้วย
เวลานี้เองมีรถขับเข้ามาอีกหลายคัน ผู้ชายรูปร่างใหญ่โตเดินเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ซื้อแตงโมไปหลายลูก ให้เงินเสร็จก็เดินจากไปทันที
เซี่ยหยางรู้สึกแปลกใจมาก คนที่มุงดูอยู่อดสงสัยไม่ได้ มีหลายคนไปชิม รู้สึกว่าตัวล่องลอยเบาบาง รับรู้ได้ถึงความหวานฉ่ำสดชื่น
แต่มีบางคนไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ถามเซี่ยหยางว่าขายแยกไหม แน่นอนว่าเซี่ยหยางก็ขายเช่นกัน ไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินไป คนเยอะแรงไฟก็เยอะตามด้วย แตงโมลูกหนึ่งถูกผ่าออกมา คนนี้ครึ่งโล คนนั้นสองสามโล ผ่านไปไม่นานก็ขายจนหมดเกลี้ยง
คราวนี้ไม่ไหวแล้ว เหมือนไฟที่โหมหนักรุนแรงขึ้น แตงโมครึ่งคันหมดไปอย่างรวดเร็ว ยังมีคนเข้ามาซื้อเรื่อยๆอีก
เมื่อเห็นว่าเซียหยางขายได้หลายหมื่นหยวนในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ร้านค้าข้างๆที่ขายแตงโมธรรมดาต่างพากันมองหน้ากันไปมา ครั้งนี้ถึงคราวที่กิจการของพวกเขาจะเงียบเฉียบไร้ผู้คนถามไถ่
โดยเฉพาะพ่อค้าฟันเหยินคนนั้น อ้าปากตาค้าง มองดูเซี่ยหยางที่นั่งนับเงินอยู่ แล้วหันกลับมามองดูเงินไม่กี่ร้อยที่อยู่ในมือของตนเอง มันทำให้เขารู้สึกท้อใจ เข็นรถของตัวเองจากไปอย่างเศร้าๆ พ่อค้าเร่คนอื่นๆก็พากันมึนงง จึงพากันเปลี่ยนที่ เพราะไม่อยากถูกกระทบ พวกเขาคิดไม่ออก แตงโมเหมือนกัน ทำไมมันช่างแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้
แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ มีคนรายล้อมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมา พวกเขาก็แย่งกันซื้อ สักพักฝูงชนก็แออัดและเซี่ยหยางคนเดียวก็แทบเอาไม่อยู่
เวลานี้เอง ร้านกินทั่วเมืองที่อยู่ในฟาร์มสเตย์ แม้แต่เชฟก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ มีพนักงานหลายคนไม่ตั้งใจทำงาน พากันมามุงดูที่ประตู พนักงานหนึ่งในนั้นที่ส่งอาหารกลับมา ในมือถือแตงโมกัดกินอยู่ชิ้นหนึ่ง เขากินอย่างเอร็ดอร่อย
ด้วยประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นของเชฟเหลียน ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกว่าแตงโมในมือของพนักงานคนนั้นผิดปกติ ตั้งแต่พนักงานคนนั้นเดินเข้ามา ความหอมหวานของแตงโมก็เตะจมูกเขา
“หยุดนะ แตงโมนั่นนายได้มาจากไหน?”เชฟเหลียนปั้นหน้าเรียกพนักงานคนนั้นหยุด
หนักงานคนนั้นรีบซ่อนแตงโมไว้ข้างหลัง แล้วยิ้มแห้งๆ“ผมซื้อมาระหว่างทางน่ะครับ มีคนเยอะมากที่ซื้อมาจากที่นั่น”
“ฉันบอกให้นายเอามา ได้ยินไหม?”เชฟเหลียนเริ่มบอกให้เขาส่งออกมา
“คะ คือมันแพงมากนะครับ ผะ……”พนักงานพูดจาอ้ำอึ้ง หลบๆซ่อนๆ
“ผมอะไรผม กินในเวลางาน ยังอยากทำงานอยู่ไหม ส่งออกมา”เชฟเหลียนคำรามเสียงต่ำ
พนักงานถูกขู่บังคับ และยื่นส่งไปให้เชฟเหลียนอย่างเสียดาย พูดคอตกไปว่า“ผมรู้สึกผิดแล้วครับ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
“ครั้งนี้แล้วไป ครั้งหน้าห้ามทำอีกนะ ยังอึ้งอะไรอยู่อีก รีบกลับไปทำงานซะสิ”เชฟเหลียนพูดพลางยึดแตงโมไป เขาไปที่ห้องทำงานของตัวเอง แล้วมองไปยังด้านนอก หลังจากนั้นก็จ้องแตงโมที่อยู่ในมือ
แตงโมลูกนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษเมื่อดูอย่างละเอียด กลิ่นความหอมหวานมันพุ่งตรงมาที่จมูก และมันทำให้อยากอาหาร แม้แต่เชฟเหลียนก็ไม่อาจฝืนทนได้ เขาหยิบมีดตัดส่วนที่พนักงานคนนั้นแทะทิ้งไปโดยไม่รู้ตัว เพื่อลิ้มรสของมัน ทันใดนั้นรสชาติความสดชื่นก็พุ่งตรงเข้ามา เขากินจนเกลี้ยงภายในคำเดียวอย่างทนไม่ได้ และรสชาติของมันก็อย่างคละคลุ้งอยู่ในลำคอ
เชฟเหลียนเป็นเชฟในฟาร์มสเตย์ร้านกินทั่วเมืองมานานหลายปี ของอร่อยที่ไหนที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนกัน แต่ตอนนี้แตงโมนั่นกลับดึงดูดความสนใจของเขา เขาใช้สมองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี
“นาย มานี่สิ”เชฟเหลียนออกไปเรียกพนักงานคนนั้น
“มะ มีอะไรอีกหรอครับ?ผมไม่ได้อู้งานนะ และไม่ได้ทำผิดกฎด้วย”พนักงานคนนั้นพูดอย่างเกรงกลัว
“แตงโมนั่นนายไปซื้อมาจากไหน?”เชฟเหลียนถามตรงๆ
“ถนนที่อยู่ตรงข้ามครับ มีคนเร่ขายที่นั่น ทำไมหรอครับ?”พนักงานถามอย่างสงสัย
เชฟเหลียนถามราคา แล้วอดที่จะตะลึงไม่ได้ เขาหยิบเงินสองร้อยออกมา ยื่นให้กับพนักงาน“นายไปซื้อมาหนึ่งกิโลสิ รีบหน่อยนะ”
พนักงานรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เชฟเหลียนมองดูแตงโมนั่น หลังจากไล่พนักงานคนนั้นไปแล้ว ก็แอบกินอีกหนึ่งคำ ความหอมหวานที่แทรกซึมเข้ามา มันทำให้เขามีความคิดอื่น เขารีบติดต่อเฮ่อเซ่าฉุนผู้เป็นเถ้าแก่
“นายหาฉันทำไม?”เฮ่อเซ่าฉุนกำลังหรี่ตาและงีบหลับในห้องทำงาน ลุกขึ้นและยืดเส้นยืดสาย จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“เถ้าแก่เฮ่อ คุณอย่าพึ่งสูบบุหรี่นะครับ ลองชิมนี่ก่อน”เชฟเหลียนรีบยื่นแตงโมไปให้เขา
“แตงโมมีอะไรน่าอร่อย พูดธุระมาเถอะ”เฮ่อเซ่าฉุนเหลือบตามอง แล้วพูดอย่างรำคาญใจ
“นี่ก็คือธุระเนี่ยแหละครับ คุณกินแล้วถึงจะรู้”เชฟเหลียนพูดอย่างประจบ
เฮ่อเซ่าฉุนขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจ หลังจากนั้นก็กัดไปหนึ่งคำ ทันใดนั้นเขาก็ถูกรสชาติของมันสะกดดึงดูดไว้ กระทั่งถึงกับโยนบุหรี่ทิ้งไป จับแตงโมขึ้นมาเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย ผ่านไปไม่นานก็กินจนหมด
จากนั้นเขาก็สะอึก แล้วเช็ดปากด้วยทิชชูที่เชฟยื่นให้ และพูดด้วยความประหลาดใจว่า“แตงโมนี่ซื้อมาจากที่ไหนอ่ะ ทำไมฉันไม่เคยกินมันมาก่อนล่ะ?”
“พ่อค้าหาบเร่ที่อยู่ตรงข้าม ขายราคาหนึ่งร้อยหยวน ผมมีไอเดีย ตอนนี้ธุรกิจร้านอาหารของเราแย่ลงเล็กน้อย หากมีแตงโมเป็นอาหารจานพิเศษ คาดว่าน่าจะสามารถกู้คืนได้”เชฟเหลียนเสนอแนะ
เฮ่อเซ่าฉุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นความคิดที่ดี ไปเรียกพ่อค้าคนนั้นมาคุยกันดีกว่า ฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกัน ที่กล้าขายในราคาร้อยหยวน”
เชฟเหลียนรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังแผงของเซี่ยหยาง มองเห็นกลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่ เขาไม่สามารถเบียดเข้าไปได้ จึงกระแอมเบาๆแล้วทำการตะโกนออกไป“ถอยออกไปนะ เถ้าแก่มาแล้ว จะมาคุยธุรกิจ”
ทุกคนหันกลับมามองเชฟเหลียน และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาไม่สนใจเขาเลย รีบพากันแย่งซื้อต่อ
เซี่ยหยางที่เหลือบมองเชฟเหลียน แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นตรงมุมปาก การขายแตงโมในวันนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแผนการเท่านั้น สิ่งที่เขากำลังรออยู่นั่นก็คือการปรากฏตัวของคนของร้านกินทั่วเมือง ดูไปแล้วปลาใหญ่คงจะติดเบ็ดแล้วล่ะ