เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 42
เซี่ยหยางเริ่มฉีกยิ้ม มันทำให้เบาแรงได้ไม่น้อยเลย เขาเคยได้ยินเพียงแค่ว่าแมลงเม่ากระโดดเข้ากองไฟ แต่ใครกันจะเคยเห็นแมลงเม่ากระโดดไปในน้ำ?
ปัญหาเรื่องอาหารของเหล่ากุ้งตัวน้อยจึงหมดไป เขาค่อยมาตักน้ำในโลกแผ่นหยกสองสามวันครั้ง จึงทำให้หมดปัญหาไปในที่สุด
มองดูเหล่ากุ้งตัวน้อยพวกนี้ที่มีชีวิตชีวาขึ้น เซี่ยหยางปัดมือไปมา และเดินจากไป เขาไปดูบ่อปลาที่อยู่ข้างๆ จู่ๆก็เห็นหัวที่มีขนาดเท่ากำปั้นโผล่ออกมาหลายหัว กำลังมองดูไปมาอย่างลับๆล่อๆ
เขาจ้องเขม็งมองดูดีๆ โอ้เจ้าเพื่อนยาก นี่มันตะพาบพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?นี่มันพึ่งไปได้แค่เดือนเดียวเอง ตัวใหญ่ได้ขนาดนี้เชียวหรอเนี่ย?
ภายใต้ความตื่นเต้น เซี่ยหยางไปหาอวนมาหลายตัว เมื่อสบโอกาสเขาก็จัดการเหวี่ยงแหลงไป ตรงเข้าครอบตัวของพวกมันไว้
ตะพาบตัวหนึ่งรู้สึกได้ถึงความอันตราย จึงรีบหดหัวลง แต่น่าเสียดายมันได้สายไปเสียแล้ว เซี่ยหยางรีบรุดเข้าไปอย่างรวดเร็ว จัดการล้วงมันออกมาจากน้ำ ตะพาบตัวนั้นใช้เท้าทั้งสี่เท้าของมันดิ้นไป อ้าจะกัดคน
เจ้าเพื่อนยากตัวนี้ อย่างน้อยๆมันมีขนาดใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าเลยแหละ น่าจะมีน้ำหนักสองสามโลเลยมั้ง? อีกทั้งยังกระตือรือร้นมาก เซี่ยหยางยื่นมือไปจับ แต่มันอ้าปากจะงับให้ได้
จับตะพาบต้องจับที่ส่วนหางของมัน เซี่ยหยางยกมันขึ้นมา เขาคิดในใจ แล้วจึงนำมันกลับเข้าบ้านไป
พ่อกำลังรดน้ำดอกไม้สองสามกระถางเพื่อคลายดินที่ประตูหน้าบ้าน นับตั้งแต่ที่ทำการเปิดถนนหนทางแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก หลายครั้งที่เขาขอช่วยเหลืองานเซี่ยหยางบ้าง แต่กลับถูกเซี่ยหยางปฏิเสธ เซี่ยหยางคิดว่าพ่อของเขาอายุเยอะมากแล้ว ควรจะต้องมีความสุขกับการใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิตได้แล้ว
แต่ผู้เป็นพ่อได้ทำงานมาชั่วชีวิตแล้ว จึงไม่สามารถอยู่เฉยๆได้ ขาของเขาหายดีพอสมควรแล้ว แต่กลับจะหางานอะไรทำ
“หยางจื่อ แกไปจับตะพาบมาจากไหนกัน?”พ่อของเขาตกใจมาก จึงเดินเข้ามาดู
“จับได้จากในบ่อปลาครับ เดี๋ยวเราต้มซุปกินกัน”เซี่ยหยางหัวเราะ
“ตัวใหญ่ขนาดนี้ พบเจอได้น้อยมากเลยนะนั่น คงไม่ได้เป็นปีศาจอะไรหรอกนะ?”พ่อของเขาหัวเราะร่า
“ที่ไหนกันล่ะ มีหลายตัวที่ใหญ่ขนาดนี้เลยนะพ่อ น้ำในบ่ออุดมสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นมันเลยโตได้เร็ว”เซี่ยหยางนำตะพาบให้กับพนักงานคนหนึ่งในฟาร์มสเตย์ จากนั้นเขาก็รีบนำไปทำอาหารเพื่อลิ้มลองรสชาติทันที
พ่อพูดอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง“บ้าหน่า ตัวใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาโตถึงสิบปีเชียวนะ กระทั่งหลายสิบปีด้วยซ้ำ บ่อปลาของแกพึ่งเลี้ยงได้เดือนกว่าเอง จะโตได้ขนาดเชียว?”
“พ่อไม่เชื่อก็ไปดูสิ”เพื่อเป็นการแสดงให้ผู้เป็นพ่อเห็น เซี่ยหยางจึงพาพ่อไปดู
เวลานี้เองมีเต่าหลายตัวโผล่ขึ้นมาอาบแดด มันมีขนาดใหญ่เท่ากับอ่างล้างหน้า พ่อของเขาขยี้ตาไปมา แล้วพูดอย่างตกใจ“หยางจื่อ แกทำยังไงเนี่ย?”
เซี่ยหยางพูดไม่ออก เรื่องของโลกแผ่นหยก มันไม่ใช่เรื่องที่จะอธิบายได้ภายในสองสามประโยค เขาจึงพูดกลบเกลื่อนว่าเป็นพันธุ์ใหม่ พ่อของเขาถึงได้ยอมเชื่อ เขาถอนหายใจและพูดว่าตอนนี้วิทยาศาสตร์ก้าวล้ำไปไกลแล้ว เขาแก่แล้วตามไม่ทัน
อีกไม่นานซุปตะพาบก็ทำเสร็จ เซี่ยหยางชิมรสชาติ รสชาติไม่เลวเลย มันนุ่มลื่นคล่องคอ กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งท้อง ดูท่าคงจะต้องติดต่อผู้ซื้อแล้ว น่าจะขายได้ราคาดีเลยดีเดียว
ในตอนบ่ายเขาออกไปเดินเล่น มองเห็นบนคันทุ่งนามีสตรอว์เบอร์รีป่าขึ้นหลายต้น มันมีสีแดงฉูดฉาดมาก เพียงแต่มีขนาดเล็ก เซี่ยหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจัดการขุดสตรอว์เบอร์รีป่าออกมา ตัดสินใจเอาเข้าไปปลูกในโลกแผ่นหยกเพื่อดูผลลัพธ์
ในตอนที่กลับเข้าไปในโลกแผ่นหยกอีกครั้ง เซี่ยหยางมองไปที่โสมและเห็ดหลินจือ นอกจากพบว่าพวกมันโตขึ้นมาก กำลังตกใจความเร็วในการเติบโต เซี่ยหยางยังสังเกตพบอีกจุดหนึ่ง
นั่นก็คือระหว่างโสมและเห็ดหลินจือนั้น พืชที่ค้นพบก่อนหน้านี้ที่มีสีและลักษณะต่างกัน ได้เติบโตขึ้นด้วยรูปร่างแปลก ๆ และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?หรือจะเป็นวัชพืช?เซี่ยหยางเกาหัวแกรกๆ รู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาขุดออกมา แล้วเอามาดูในมืออย่างละเอียด เขายังคงไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดี
เขาไม่ได้คิดอะไรมาก นำสตรอว์เบอร์รีหลายต้นปลูกลงไป แล้วใช้น้ำในริมธารจัดการรดลงไป เลยไปดูรูหนูก่อนหน้านี้ เจ้าฉายกับแมวสองตัวเห็นเจ้านายเดินมา จึงมากันล้อมรอบเซี่ยหยางไม่หยุด ท่าทางประจบประแจงสุดฤทธิ์
เขามองลงไปในรูหนู เซี่ยหยางลูบหัวเจ้าฉายแล้วเอ่ยถามว่า“หนูตัวนั้นได้ออกมาอีกไหม?”
เจ้าฉายส่ายหัวไปมา เหมือนจะรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ มันกัดขากางเกงของเซี่ยหยาง แล้วร้องเรียกโฮ่งๆ สายตาเหมือนมีความกังวล
เซี่ยหยางพบว่าพวกมันตัวโตขึ้นมาอีกเล็กน้อย เวลาไม่กี่วัน อย่างน้อยน้ำหนักมีการเพิ่มขึ้นหลายกินโลเลยล่ะ
“ทำไมหรอเจ้าฉาย แกคิดถึงเสี่ยวป่ายที่อยู่ในหมู่บ้านอีกแล้ว?”เซี่ยหยางพูดพลางหัวเราะ
เจ้าฉายพยักหน้า แล้วฉุดขากางเกงของเซี่ยหยาง สื่อให้เห็นว่ามันอยากออกไป มันมองไปที่แมวสองตัวนั้นอย่างอิจฉา เหมือนจะบอกว่าพวกมันมีสิทธิ์อะไรอยู่กันเป็นคู่
“เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเกิดเจ้าราชาหนูไม่สำนึกผิด ออกมาขโมยโสมกับเห็ดหลินจือของกูอีกจะทำยังไง?อดทนอีกสองสามวันนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะซื้อเมียหมามาให้แกนะ พาเข้ามาเล่นกับนายเป็นไง?”
เจ้าฉายตาลุกวาวเป็นประกาย รีบพยักหน้า กระโดดไปมาอย่างมีความสุข เขย่งเท้าของมันเลียหน้าของเซี่ยหยาง
“ไปซะ มีแต่กลิ่นเหม็น จะจูบก็ไปจูบเมียหมาของนายไป”เซี่ยหยางผลักเจ้าฉายออก แล้วไปดื่มน้ำที่ริมธาร พอเขาดื่มน้ำลงไปก็พบว่า น้ำในสระเหมือนจะน้อยลงไปอีกแล้ว
นี่มันไม่ดีเลย หรือตัวเองจะใช้มากเกินไป?เขามองไปที่เครื่องหมายที่ทำทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ ตำแหน่งน้ำลดลงไปอย่างน้อยสองเมตรเห็นจะได้ เซี่ยหยางรู้สึกเสียดาย ดูท่าจากนี้คงจะต้องใช้อย่างประหยัดๆแล้วล่ะ จะใช้สิ้นเปลืองไม่ได้อีก
เขาโยนกระดูกและปลาไปที่พื้น แล้วพูด“กินซะ พวกนายคอยดูแลที่นี่ดีๆนะ”
เจ้าฉายกับแมวสองตัวขานรับพร้อมกัน เริ่มแย่งกันกินอาหารทันที และยังส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข
พอออกมาจากโลกแผ่นหยก เซี่ยหยางก็นำวัชพืชหน้าตาประหลาดออกมาด้วย หลังจากที่วิจัยดูสักพักก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาใช้ความคิดครู่หนึ่ง เตรียมจะไปถามเหอเสี่ยวหย่า เขาได้รับโทรศัพท์มาสายหนึ่ง
“เซี่ยหยางใช่ไหม ช่วงนี้งานในฟาร์มเป็นยังไงบ้าง?เป็นสายที่โทรมาจากกำนันช่าย”
เซี่ยหยางแปลกใจเล็กน้อย จึงรีบพูดไปว่า“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ ทุกอย่างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนจรวดเลยครับ เผมเชื่อว่าอีกไม่นาน หมู่บ้านของพวกเราจะไปสู่ความร่ำรวยได้แน่ๆ ทุกบ้านจะมีเงินใช้ มีรถหรูขับ”
ช่ายยั่นที่ได้ยินก็ถึงกับหัวเราะอย่างเริงร่า แล้วพูด“คุณมั่นใจไม่เบาเลยนะ แต่มีความทะเยอทะยานมาก ในฐานะกำนัน ฉันหวังว่าถ้ามาวันนั้นได้ ไม่เพียงแต่หมู่บ้านของคุณเท่านั้น ทั้งตำบลเฮยถู่ของเราจะร่ำรวยเฟื่องฟูขึ้นมา คุณต้องเป็นผู้นำให้ได้นะ”
“แน่นอนครับ กำนันช่ายโทรหาผม คงไม่ใช่เพราะอย่างจะอำนวยอวยชัยอะไรหรอกนะครับ?”เซี่ยหยางพูดอย่างล้อเลียน
“มีเรื่องจริงๆนั่นแหละ เป็นเรื่องที่สำคัญมากอีกด้วย อีกทั้งยังต้องขอรบกวนให้คุณมาด้วยตัวเอง”
“เรื่องอะไรหรอครับสำคัญขนาดนั้นเชียว ยังต้องให้คุณโทรหาผมด้วยตัวเองอีก?”เซี่ยหยางพูดอย่างไม่เข้าใจ
ช่ายยั่นหัวเราะ“คือแบบนี้นะ ช่วงนี้พวกเรามีการจัดสัมมนาการเกษตร เราจะให้ตัวแทนแต่ละหมู่บ้านรวมตัวกัน โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างโดดเด่นในการพัฒนาการเกษตร เราจะเชิญมาทั้งหมด ถึงเวลานั้นจะมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ร่วมกันส่งเสริมพัฒนา กำหนดการจะมีขึ้นในพรุ่งนี้ คุณเตรียมตัวหน่อยนะคะ”
“แบบนี้นี่เอง งั้นผมต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?”นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เซี่ยหยางร่วมงานสัมมนาแบบนี้ เขารู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูก
“ง่ายมากเลยค่ะ เอาตัวอย่างผลผลิตทางการเกษตรของคุณไปด้วยนะ แล้วเขียนรายงานและบันทึกสรุปประสบการณ์ความรู้ไปด้วยนะคะ ทำเลที่ตั้งอยู่นอกอาคารสำนักงานในเมือง คุณต้องไปตรงเวลา และคุณต้องเข้าร่วมตัดสินบุคคลดีเด่นด้วย……”
หลังจากวางสายไป เซี่ยหยางก็คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ช่ายยั่นพูดไม่ผิด ไม่เพียงแต่พูดคุยแลกเปลี่ยน ยังสามารถโฆษณาออกไปอีกด้วย นี่มันเท่ากับการทำโปรโมทโฆษณาเลยทีเดียว คนที่เข้าร่วมประชุมสัมมนาต้องเป็นบุคคลยอดเยี่ยมของแต่ละหมู่บ้านแน่ๆ อีกทั้งยังมีอิทธิพลและได้รับการสนับสนุนจากผู้คนอีกด้วย
ถึงเวลานั้นเมื่อเปิดตัวผลผลิตของตนเอง จะต้องได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นเป็นแน่ จากนี้ไปก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการขายอีก
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เซี่ยหยางก็เริ่มเตรียมการ เขาไปที่แปลงผักไปเด็ดพวกตัวอย่างมาเล็กน้อย และยังไปจับกุ้งปลาและเต่าตะพาบมาหลายตัวจากในบ่อปลา
แน่นอนว่า ของพวกนี้จะเอาไปไว้ในโลกแผ่นหยก เพื่อสะดวกต่อการพกพา อีกทั้งเขายังกำชับกับเจ้าฉายและแมวสองตัว ห้ามพวกมันกินอีกด้วย เจ้าพวกนี้พากันมองน้ำลายเยิ้ม แต่กลับไม่กล้าแตะต้อง
เช้าของวันที่สอง เซี่ยหยางขับรถกระบะของตัวเองเดินทางไป
เมื่อมาถึงอาคารสำนักงานเมืองในเมือง หน้าทางเข้ามีป้ายแขวนขนาดใหญ่ เขียนว่าสัมมนาแลกเปลี่ยน และยังมีคำขวัญอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นส่งเสริมการพัฒนาการเกษตร เรียนรู้จากกันและกันเพื่อปรับปรุงเป็นต้น
อีกทั้งคนที่มางานก็มีไม่น้อยเลย ต่างขับรถยี่ห้อต่างๆเข้ามาในงาน ท่าทางดูกลมเกลียวกันมาก ทุกคนต่างเข้าไปรวมตัวกันในห้องโถง คนที่รู้จักกันอยู่แล้วก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนคนที่ไม่รู้จักกันก็ต่างพากันเดินเข้าไปทักทายจับมือกัน
เซี่ยหยางที่กวาดตามองปราดเดียวก็เห็นเข้ากับลู่ต้าฝูผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเกาตี้ ยังมีลูกชายของเขาที่ชื่อลู่เฟย คนหนุ่มคนแก่สองคนกำลังพูดคุยกับชายอายุอานามสามสิบต้นๆ ดูท่าเขาจะค่อนข้างเกรงใจเลยทีเดียว
ผู้ชายคนนั้นเคยพบกับเซี่ยหยางมาหนึ่งครั้ง อีกทั้งครั้งก่อนยังเคยชกเขา เขาก็คือหยางอู่เจิ้งรองกำนัน ทุกคนพากันหัวเราะเสียงดัง พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ มันทำให้รู้สึกถึงงูกับหนูที่อยู่รังเดียวกัน(กลุ่มคนที่มีเจตนาร้ายและหน้าตาอัปลักษณ์รวมตัวกัน
ด้วยกัน)
พวกเขามองเห็นเซี่ยหยาง
เป็นงานประเภทรวมตัวผู้คน เซี่ยหยางไม่อยากสนใจ เขาหาที่นั่ง แล้วเริ่มหลับตาพักผ่อน ถึงยังไงก็ไม่มีคนรู้จักเขาอยู่แล้ว
“โอ้โห สวัสดีไอ้น้องชาย”เวลานี้เอง มีผู้ชายหน้ามันเลื่อมคนหนึ่งเดินเข้ามาตรงหน้าของเซี่ยหยาง แล้วยื่นมือออกไปทางเซี่ยหยาง
เขามีอายุสี่สิบเห็นจะได้ เขายิ้มอย่างเกินจริง นัยน์ตาของเขายังเผยให้เห็นถึงความได้ใจอีกด้วย เหมือนมีเรื่องน่ายินดีอะไรบางอย่าง
“สวัสดีครับ”เซี่ยหยางยื่นมือไปจับอย่างมีมารยาท
“น้องชายดูไม่คุ้นหน้าเลย มากับใครหรอ เรียนรู้ดีๆล่ะ อายุยังน้อยไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก”ผู้ชายคนนั้นยังตบบ่าของเซี่ยหยางอย่างให้กำลังใจอีกด้วย ในความคิดของเขา เซี่ยหยางคงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่นัก
เซี่ยหยางยิ้มอ่อนๆ แล้วหรี่ตาลงอย่างง่วงนอนต่อไป
เวลานี้เองมีคนข้างๆชี้ไปที่คนผู้นั้นที่กำลังอยู่ในบทสนทนา พูดขึ้นมาว่า“นี่มันเกาหมิงคนของหมู่บ้านหลิ่วซู่ไม่ใช่เหรอ ว่ากันว่าเขาทำการค้นคว้าวิจัยการเกษตรมาทั้งชีวิต ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หมู่บ้านของพวกเขาถือได้ว่าเป็นหมู่บ้านมั่งคั่งที่มีชื่อเสียงเลยทีเดียว ครั้งนี้ว่ากันว่าเขานำผลผลิตทางการเกษตรมาด้วย น่านับถือจริงๆเลย”
“ก็นั่นน่ะสิ ผมชื่นชมคุณจริงๆนะ เกรงว่าการคัดเลือกในครั้งนี้จะต้องเป็นคุณแน่ๆ นอกจากคุณก็ไม่มีใครแล้ว”
“ที่ไหนกันล่ะ ทุกคนชมเกินไปแล้ว ผมแค่สนิทเล็กน้อย อย่าพูดเกินจริงไปหน่อยเลย”เกาหมิงยังคงยิ้มแย้มร่าเริง มีคนจำนวนมากที่มองเห็นค่าเขา เขารู้สึกดีใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก
อีกทั้งแม้แต่ลู่ต้าฝูก็เข้าไปทักทายกับเกาหมิง ดูท่าเกาหมิงจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในใจของผู้คนในตอนนี้ จะพูดอย่างไรเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถในการทำการเกษตร
ท่ามกลางเสียงวุ่นวายของฝูงชน มีเสียงของคนคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า“กำนันช่ายเหมือนจะมาแล้วนะ ดูท่าคงจะเริ่มแล้วล่ะ”
เซี่ยหยางที่เงยหน้าขึ้นมากลอกตาใส่ เขาพบว่าช่ายยั่นกำลังทักทายพูดคุยกับข้าราชการคนอื่นๆ มีคนจำนวนไม่น้อยรายล้อมรอบตัวเธอ
แต่สำหรับลู่เฟยแล้ว นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากในการพูดคุยกัน ในปกติตอนที่เขาไปตามจีบช่ายยั่นนั้น แต่ช่ายยั่นไม่สนใจเขา ครั้งนี้เขาตั้งใจแต่งตัวมาเพื่อพบกับเธอ
ลู่เฟยตั้งใจแต่งตัวด้วยเนกไทและชุดสูท เขาเห็นช่ายยั่นเดินมา จึงเข้าไปจับมือของช่ายยั่นอย่างตื่นเต้น แล้วพูดอย่างร่าเริง“กำนันช่ายครับ ผมมีความสุขมากที่ได้เจอคุณ”
“คุณนี่เอง โชคดีจัง”ช่ายยั่นขมวดคิ้วเป็นปม แล้วตอบกลับอย่างมีมารยาท และพบว่ามือไม่สามารถดึงกลับมาได้