เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 43
“สวัสดีครับ กำนันช่าย”เซี่ยหยางพบเห็นความผิดปกติ จึงเข้าไปช่วยไว้ ดึงมือของช่ายยั่นกลับมาได้ ดูจะไม่มีแรงเท่าไหร่นัก แต่กลับแยบยลมาก
ถึงแม้ลู่เฟยจะไม่อยากปล่อยมือ แต่เขาถูกดึงจนเซเกือบล้มลงกับพื้น เขาจ้องเขม็งไม่วางตา มองเซี่ยหยางอย่างโมโห เขาอยากจะเข้าไปทำร้าย แต่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ มันดูไม่ค่อยเหมาะสม
“เซี่ยหยางนายมาแล้วหรอ นายเตรียมตัวไปถึงไหนแล้วหรอ?”ถูกจับมือแบบเดียวกัน แต่ช่ายยั่นกลับไม่ได้อยากจะชักมือกลับเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้ลู่เฟยรู้สึกอิจฉาและโกรธเกลียดมาก
เซี่ยหยางไม่รีบร้อน แกว่งมือน้อยๆของช่ายยั่นไปมา อย่างอบอุ่นสนิทชิดเชื้อ พูดพลางยิ้มไปว่า“ผมทำตามคำสั่งคุณกับคำแนะนำแล้วครับ ว่าแต่การประชุมจะเริ่มเมื่อไหร่หรอครับ?”
“อีกห้านาทีค่ะ ทุกคนเตรียมตัวกันได้เลยนะคะ อีกเดี๋ยวจะแนะนำคนพิเศษให้กับทุกคนรู้จักค่ะ”ช่ายยั่นพูดอย่างอ่อนโยน และร่าเริง
เซี่ยหยางถึงได้ปล่อยมือของช่ายยั่นไป รอจนช่ายยั่นไปทักทายคนอื่นๆแล้ว เซี่ยหยางก็หันไปสบตากับลู่เฟยอย่างกวนประสาท ความหมายของเขาชัดเจนมาก
“ไม่เข้าใจจริงๆเลย มีคนบางคนไม่เจียมตัว สถานที่แบบนี้ยังหน้าด้านกล้ามาอีก ไม่เจียมกะลาหัวเอาซะเลย”ลู่เฟยที่รู้สึกโกรธแค้นในใจ จึงเริ่มทำการประชดประชัน
แน่นอนว่าเซี่ยหยางเองก็ไม่ยอมเช่นกัน เขาถอนหายใจและพูดไปว่า“คนบางคนนะหน้าด้านยิ่งกว่า ทั้งๆที่ไม่ใช่คนสายงานนี้ แต่กลับใช้อำนาจพ่อของตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาร่วมงาน ยังมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ด้วย”
“กะ แกว่าใครห้ะ?”ลู่เฟยหน้าเสียมาก เขาจ้องเซี่ยหยางด้วยความโกรธเคือง
เซี่ยหยางพูดอย่างขำๆ“อ๋อ ว่าใครน่ะเหรอ รู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าพูดออกไปมันก็ไม่สนุกน่ะสิ”
“มึง ระวังตัวหน่อยเถอะ”ลู่เฟยกัดฟันกรอด สายตาของเขาจ้องมองอย่างทั้งอายทั้งโกรธ
ในตอนนี้เองภายในห้องโถงมีเสียงปรบมือดังสนั่น ผู้คนต่างหันหลังกลับไปดู เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในตำบลมากันไม่น้อยเลย ทั้งสำนักงานเกษตรสำนักงานสัตวบาลสำนักงานที่ดินและอื่นๆ ต่างพากันมาร่วมประชุมสัมมนาที่นี่
เซี่ยหยางสังเกตเห็น ท่ามกลางระหว่างพวกเขา มีหญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆคนหนึ่ง ที่ทั้งสวยและสง่าผ่าเผย โดดเด่นมาก เหมือนเป็นหญิงชนชั้นสูงคนหนึ่ง รูปลักษณ์ของเธอได้กระตุ้นความสนใจของใครหลายๆคน โดยเฉพาะผู้ชายที่มาร่วมงานด้วย แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมองให้มากกว่านี้
ลำพังแค่ด้านหลัง ก็เพียงพอที่จะฆ่าหัวใจของผู้ชายหลายคนได้ในไม่กี่วินาที เมื่อพวกเขาหันหลังกลับและนั่งเผชิญหน้ากับทุกคน หลายคนก็เปล่งเสียงฟู่และเสียงอุทานต่าง ๆ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองดู
เซี่ยหยางเหลือบไปมองดูอย่างไม่ตั้งใจ เขาถึงกับผงะไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะถูกผู้หญิงคนนี้ดึงดูด แต่กลับรู้สึกว่าเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน และเหมือนเคยพบเห็นกัน
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาก็นึกออกทันที ผู้หญิงคนนี้ เป็นคนที่ซื้อแตงโมของเขาครั้งก่อน เป็นเศรษฐินีคนนั้นหรอเนี่ย?ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ?
“ต่อจากนี้ไป การสัมมนาของเราจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ก่อนอื่น ผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการ ท่านผู้หญิงผู้นี้นามว่าคุณผู้หญิงเหมยหรูยาน เธอเป็นนักธุรกิจวัยรุ่น ส่วนใหญ่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ครั้งนี้ มาเพื่อสำรวจรูปแบบของตำบลเฮยถู่ของเราเป็นหลัก และแน่นอนว่า จะร่วมลงทุนด้วย ต่อไปจะขอเชิญเธอขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อย”ช่ายยั่นเอ่ย และนำทีมปรบมือ มีเสียงดังสนั่นจากผู้ชมที่อยู่ด้านล่าง
เหมยหรูยานบิดเอวของเธอ แล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เธอลุกขึ้นช้าๆ เหลือบมองไปที่เหตุการณ์ตรงหน้า น้ำเสียงของเธอดูอึดอัดเล็กน้อย“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อเหมยหรูยานค่ะ ความจริงไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะมาดูว่ามีโครงการอะไรให้ร่วมลงทุนได้บ้าง ฉันสนใจพวกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอยู่แล้ว วันนี้ถ้าหากมีสิ่งที่ชอบ ฉันจะลงทุนโดยไม่เกี่ยงเงินเลยค่ะ……”
หลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น ผู้คนต่างพากันวิจารณ์ ฟังจากสิ่งที่เหมยหรูยานพูดนั้น ครั้งนี้อย่างน้อยจะต้องลงทุนหลายล้านเป็นแน่ คงจะดีถ้าเธอได้รับความโปรดปรานและการลงทุนจากเธอ
เซี่ยหยางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเหมยหรูยานจะมีเงินเยอะขนาดนี้ ถึงว่าครั้งก่อนตอนที่ซื้อแตงโมเธอซื้อด้วยไม่แม้แต่กะพริบตาด้วยซ้ำ
เขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่กระตือรือร้นที่จะทดลอง สามารถเอาชนะการลงทุนของเหมยหรูยานได้ แปลงเพาะปลูกที่มีปัญหาอยู่ก็จะได้รับการพัฒนา ความจริงแล้วถ้าหากใช้วิธีตรงหน้าพัฒนาต่อไป เงินไม่กี่ล้านสำหรับเซี่ยหยางแล้ว เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น แต่ก็ต้องพยายามเงินต่อไปอย่างช้าๆ การลงทุนไม่เหมือนกัน มันคือการลงทุนภายในคราวเดียว และผลรับเฉยๆ
ต่อจากนั้นผู้นำและผู้แทนต่างๆเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ยาว พวกเขาคิดว่าเป็นคำอธิบายที่ลึกซึ้ง พูดกล่าวอย่างหลงใหล และมีวาทศิลป์ น้ำลายกระเด็นไปทั่ว และดื่มน้ำในบางจังหวะ
เซี่ยหยางค่อยๆหมดอารมณ์ที่จะฟัง จึงตัดสินใจงีบหลับ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาได้ยินแค่เสียงของช่ายยั่น“ทุกคนคะ ตอนนี้เราเริ่มแสดงสินค้า จับสลากเพื่อกำหนดลำดับ นี่ก็เป็นไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดในงานเลยนะคะ เรายังจะทำการคัดเลือกผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดและดีที่สุด ทุกคนโปรดตั้งใจกันด้วยนะคะ เอาสิ่งที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาโชว์”
เซี่ยหยางยังคงสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นยังไง เขาจะต้องดูผลลัพธ์ของคนอื่นๆก่อน
ก่อนอื่นมีตัวแทนของหมู่บ้านคนหนึ่ง ถือตะกร้าที่ใส่แตงกวาขึ้นไป แล้วหยิบให้เจ้าหน้าที่ชิม เนื่องจากล้วนเป็นของกิน นี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการประเมิน
ในที่สุดเซี่ยหยางก็ดูออก พูดถึงเรื่องการสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้อะไรแบบนี้ ความจริงแล้วในใจของทุกคนมีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝงไว้อยู่แล้ว พวกเขาอยากจะแสดงฝีมือของตัวเอง เพื่อให้ได้รับความยกย่องและชื่นชม เนื่องจากตอนนี้เหมยหรูยานอยู่ในงาน มันจึงแตกต่างออกไป แทบอยากจะให้หล่นคัดเลือกพวกเขาเข้าไป เมื่อครุ่นคิดดูดีๆแล้ว การลงทุนด้วยเม็ดหลายล้าน มันเป็นเพียงแค่การหว่านเมล็ดปลูกพืชเท่านั้น ก็สามารถได้รับค่าตอบแทนกำไรที่สูงมาก
ช่ายยั่นที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ชิมไปหนึ่งคำแล้วก็ หันไปมองหน้ารองกำนันหยางอู่เจิ้งกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แล้วส่ายหัวไปมา เหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่
เหมยหรูยานที่ชิมคำเล็กๆ ก็ส่ายหัว และอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
พวกเขายังทำป้ายประเมินด้วย ต่างพากันให้หกคะแนน ความหมายง่ายมาก มันเป็นเพียงแค่คะแนนผ่านเกณฑ์เท่านั้น
ตัวแทนของหมู่บ้านผู้นั้นเดินจากไปด้วยความผิดหวัง ตัวแทนหมู่บ้านจากไปด้วยความผิดหวัง ตามมาด้วยคนสองสามคนที่ขึ้นไปทีละคนด้วยคะแนนใกล้เคียงกัน มีบางคนที่ทำคะแนนได้ประมาณแปดคะแนน และพวกเขาก็ได้รับเสียงปรบมือ
คราวนี้ถึงตาของหมู่บ้านเกาตี้ ลู่เฟยขึ้นไปเป็นตัวแทน ตอนแรกเขาพูดจาสวยหรูมากมาย หลังจากนั้นก็ให้คนยกผลไม้บางส่วนขึ้นมา มีพวกแอปเปิลส้ม และเขายังพูดอย่างได้ใจว่า“นี่เป็นผลผลิตที่ออกมาในปีนี้ของหมู่บ้านเกาตี้ของเรา รสชาติดั้งเดิมของแท้แน่นอน พวกคุณลองชิมกันได้”
ในตอนที่ส่งให้กับเหมยหรูยานนั้น ลู่เฟยยังแอบยื่นการ์ดให้เธอหนึ่งใบ หลังจากนั้นก็ขยิบตาให้เธอ ก่อนที่จะขึ้นเวทีไปเขาคิดมาแล้ว เขาจะต้องสู้เพื่อเอาโอกาสการลงทุนมาให้หมู่บ้านเกาตี้ให้ได้ และจุดประสงค์ของการ์ดใบนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว หวังว่าเหมยหรูยานจะผ่อนผันให้ เมื่อได้รับผลโหวตผ่านของเธอ คนอื่นๆจะต้องไว้หน้าเธออย่างแน่นอน
เหมยหรูยานที่เห็นการ์ดใบนั้นแล้ว จึงหัวเราะเบาๆ แล้วโยนลงพื้นไป แล้วแสร้งอุทานออกมาว่า“ของของคุณตกน่ะค่ะ มันคืออะไรกันนะ?”
ลู่เฟยรู้สึกอายมาก ท่าทางของเขาทำให้คนจำนวนมากสังเกตเห็น เขาไม่สามารถแอบทำได้แล้ว แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของเหมยหรูยานดี เขารีบหัวเราะแห้งๆ จากนั้นก็ยัดการ์ดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
แต่เมื่อพูดถึงคุณภาพของพืชผักแล้ว หมู่บ้านเกาตี้ยังคงทำได้ไม่เลวเลย เนื่องจากลู่เฟยเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อลงทุน ลู่ต้าฝูผู้เป็นพ่อของเขาก็ถือว่าเป็นเกษตรกรเก่าคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขามีเงินและมีที่ดินไม่น้อย ผลผลิตที่ได้มาจะมีรสชาติสีและกลิ่นที่ไม่เลวเลย
การประเมินในตอนท้าย ได้มาแปดจุดห้าคะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงที่สุด ณ ตอนนี้แล้ว
ลู่เฟยดีใจมาก เขาเดินลงไปอย่างปลื้มปีติ กระทุ้งลู่ต้าฝูผู้เป็นพ่อเบาๆ แล้วพูดกระซิบไปว่า“ดูเหมือนเหมยหรูยานจะจัดการยากนะพ่อ เงินลงทุนครั้งนี้คงจะไม่ง่ายต่อการแย่งมาแน่”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ครั้งนี้พวกเราน่าจะชนะแน่นอน เนื่องจากตอนนี้คะแนนของพวกเราสูงที่สุด ถึงเวลาค่อยหาคนช่วยพูด ยังคงมั่นใจอยู่ ”ลู่ต้าฝูเหมือนจะมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก
ลู่เฟยที่มองไปที่รองกำนันหยางเจิ้งอู่ผู้ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ แล้วพยักหน้าให้กันเหมือนรู้กันดีอยู่แล้ว“หวังว่าเขาจะช่วยอะไรได้ ถ้าหากครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เขาจะได้ประโยชน์ไม่ใช่น้อย”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นพ่อได้พูดกับเขาไว้ก่อนอยู่แล้ว ตอนนี้คนเดียวที่เป็นคู่แข่งของเรานั่นก็คือเกาหมิงที่อยู่หมู่บ้านหลิ่วซู่ ถึงเขาจะมีชื่อเสียง แต่ไม่มีคนหนุนหลัง มันก็เสียเปล่า”ลู่ต้าฝูพูดอย่างได้ใจ
ในตอนนี้เอง ก็ได้เวลาเกาหมิงตัวแทนหมู่บ้านหลิ่วซู่ขึ้นเวที เขาได้รับเสียงปรบมือจากผู้คนที่อยู่ด้านล่าง มีคนจำนวนมากที่“นี่เป็นผลผลิตที่ผมปลูกในปีนี้ หวังว่าทุกคนจะชอบมันนะครับ”
ผ่านไปไม่นาน พวกผลไม้ประเภทแตงถูกยกมาวางด้านบน มันทำให้เกิดความสนใจ เพราะว่าของที่เกาหมิงนำมามันมีสีสันสวยงามมาก อีกทั้งมันยังใหญ่มากด้วย เมื่อเทียบกับของธรรมดาดูจะใหญ่กว่าประมาณหนึ่งเท่าเลยล่ะ
“ไม่ธรรมดาเลย ดูสิว่ารสชาติจะเป็นยังไง”เจ้าหน้าที่หลายคนรีบตรงเข้าไปชิม ต่างพากันพยักหน้าด้วยความพอใจ นี่เป็นของที่ดีที่สุดในตอนนี้
ในตอนที่พวกเขากำลังจะเริ่มให้คะแนน หยางอู่เจิ้งรองกำนันก็กระแอมไอหนึ่งครั้ง ขยิบตาเบาๆ เจ้าหน้าที่หลายคนต่างพากันมองหน้ากันไปมา พอเห็นหยางอู่เจิ้งชูป้ายคะแนนเจ็ดคะแนน คนอื่นๆจึงรีบทำตาม มีบางคนเพื่อประจบประแจง ยังให้คะแนนแค่ห้าคะแนน ผู้คนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ ไม่มีเหตุผลเลยนิ่ ตามหลักแล้วผลผลิตของเกาหมิงคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่างน้อยต้องได้เก้าคะแนน หรือมันจะไม่อร่อยกัน?”คนที่อยู่ด้านล่างเริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์
แต่แล้วช่ายยั่นเธอให้คะแนนเก้าจุดห้า นักลงทุนเหมยหรูยานเองก็รู้สึกไม่เลว เลยให้คะแนนไปเก้าคะแนน แต่ด้วยความที่คนอื่นๆให้คะแนนน้อยมาก เมื่อคิดค่าเฉลี่ยมาแล้ว คะแนนของเกาหมิงจึงได้แค่แปดคะแนน
ห่างกันเพียงแค่ศูนย์จุดห้าคะแนนเท่านั้น ถือได้ว่าแพ้ให้กับหมู่บ้านเกาตี้ไปโดยปริยาย เกาหมิงรู้สึกไม่มีความสุขเป็นพิเศษ ท่ามกลางความเศร้าโศก เขาก็เดินจากไปอย่างสิ้นหวัง
เซี่ยหยางที่แอบขำในใจ คนที่รู้ดีอยู่แก่ใจมองแป๊บเดียวก็รู้ได้แล้ว ว่ามีการโกง ดูท่าการแข่งขันของวันนี้จะต้องสู้กันสักตั้งแล้ว เขาไม่รีบร้อน จึงตัดสินใจใช้โอกาสไปเข้าห้องน้ำเพื่อยืนสูบบุหรี่
ช่ายยั่นอดขมวดคิ้วไม่ได้ เหมือนเธอจเข้าใจทุกอย่างแล้ว จึงเอ่ยถามไปว่า“พวกคุณคิดว่าผลผลิตของเกาหมิงแห่งหมู่บ้านหลิ่วซู่มีจุดบกพร่องตรงไหนคะ?ทำไมคะแนนถึงออกมาแบบนี้?”
ข้าราชการพวกนั้นไม่กล้าขานรับตอบกลับอะไร ถ้าผิดใจกับกำนันหรือรองกำนันต้องซวยมากแนๆ เพราะฉะนั้นจึงตัดสินใจหัวเราะกลบเกลื่อน
รองกำนันหยางอู่เจิ้งพูดต่อไปว่า“กำนันช่าย พูดความจริงนะครับ ผลผลิตของหมู่บ้านหลิ่วซู่ไม่เลวก็จริง อาจจะพูดได้เลยว่ามีความเทียบเท่ากับหมู่บ้านเกาตี้ แต่นี่คือการแข่งขัน แน่นอนมันมักจะโหดร้ายเสมอ สำหรับหารแพ้เล็กๆน้อยๆ ผมคิดว่า ผลผลิตของหมู่บ้านเกาตี้รสชาติหวานกว่านะครับ ดูจะดีกว่าเล็กน้อย”
“จริงด้วย เราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”คนอื่นๆต่างพากันพูดเป็นเสียงดียวกัน
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ช่ายยั่นยังคงไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะว่าเจ้าสิ่งนี้มันหวาน เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันเกือบเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่ได้ถามต่อ เนื่องจากต้องดูความเห็นของนักลงทุนเหมยหรูยาน คงจะได้คะแนนรองเป็นอันดับสอง
“สำเร็จแล้ว ดูท่าพวกเราจะคว้าเงินลงทุนได้แล้ว ไอ้ลูกชาย แกไม่ต้องเอาเงินออกมาช่วยหมู่บ้านของเราแล้ว ดูท่าหยางอู่เจิ้งจะพึ่งพาได้จริงๆ”ลู่ต้าฝูพูดอย่างมีความสุข
ลู่เฟยเองก็ภาคภูมิใจ เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่เชื่อ ว่าเหมยหรูยานจะไม่เลือกคนที่คะแนนสูงที่สุด เดี๋ยวถ้าหากทำสำเร็จ เราจะพาพวกเขาออกไปเที่ยวสนุกกันอีกสักครั้ง”
“ต่อไป ขอเชิญ เซี่ยหยางตัวแทนของหมู่บ้านค่ะ”ในขณะที่พิธีกรประกาศ เสียงปรบมือด้านล่างก็ดังขึ้นปะปลาย
“แม้แต่คนของหมู่บ้านตงเจียวก็มาด้วย หมู่บ้านนั้นเป็นหมู่บ้านยากจนไม่ใช่หรอ จะไปปลูกของดีอะไรออกมาได้ ดูท่าวันนี้รางวัลชนะเลิศต้องเป็นของหมู่บ้านเกาตี้แน่ๆ ”คนที่อยู่ข้างล่างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์