เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 44
“เซี่ยหยางหมู่บ้านตงเจียว มารึยังคะ?”ในเวลานี้เองพิธีกรตะโกนใส่ไมโครโฟนอีกครั้ง
มีคนเหลือบมองไปทางที่นั่งของเซี่ยหยาง แล้วพูดว่า“คงไปแล้วมั้ง น่าจะไม่อยากสู้แล้ว คงจะอายละมั้ง”
“คงอย่างนั้นแหละ ถึงยังไงเหลือเขาคนเดียวแล้ว จะแข่งหรือไม่แข่งก็ไม่สำคัญหรอก สู้ประกาศผลไปเลยดีกว่า”มีคนเริ่มโวยวาย
ช่ายยั่นอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ มองไปรอบๆ สายตาของเธอดูร้อนใจมาก เซี่ยหยางคนนี้ ไปไหนเนี่ยเวลาสำคัญแบบนี้ หายไปจากงานไปยังไงเนี่ย ตอนนี้ทุกคนกำลังรอกำนันอย่างตัวเอง พูดกล่าวอะไรบางอย่าง
“รออีกหน่อยเถอะค่ะ”เหมยหรูยานที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดเปิดปากพูดขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้ลงทุน ประโยคนี้จึงมีน้ำหนักมาก
ความจริงเซี่ยหยางได้ยินแล้ว เขากำลังเอาผลผลิตทางการเกษตรของตัวเองออกมาจากโลกแผ่นหยก ในตอนที่มาไม่ได้ให้ใครมาช่วยด้วย
ในตอนที่เข้าไปในงาน มือข้างหนึ่งถือแตงโมลูกใหญ่หนึ่งลูก มืออีกข้างถือถุงใบใหญ่ถุงหนึ่ง ด้านในมีพวกพืชผักผลไม้ ของพวกนี้เมื่อรวมกันแล้วมีน้ำหนักเกือบหนึ่งร้อยกิโล เซี่ยหยางกลับถือมันได้อย่างง่ายดาย
ท่ามกลางสายตาของผู้คน เซี่ยหยางนำของมาวางไว้บนเก้าอี้กรรมการ ลำพังแค่แตงโมก็เด่นสะดุดตาพอแล้ว คนที่อยู่ด้านล่างแตกฮือทันที
“พระเจ้าช่วย นี่มันอะไรกันเนี่ย แตงโมเหรอ?ทำไมถึงได้มีแตงโมที่ใหญ่ขนาดนี้เนี่ย?”
“ว้าว นี่มันมะเขือเทศหรอเนี่ย ทำไมถึงได้ใหญ่เท่าฟักเขียวเลยล่ะ ดูพริกนั่นสิ ใหญ่เท่ากับมะเขือเลยใช่ไหมเนี่ย?นั่นคือมะเขือเทศหรอ?นั่นมันแตงโมธรรมดาชัดๆ……”
เมื่อฟังเสียงอุทานของคนที่อยู่ด้านล่าง เหมือนเซี่ยหยางจะคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว เขาแอบดีใจ แล้วตั้งตารอบรรดากรรมการประเมิน
และเหมยหรูยานก็ทนไม่ไหวแล้ว ตรงเข้าไปชิมแตงโมก่อน นับตั้งแต่วันที่กินแตงโมของเซี่ยหยางครั้งนั้นแล้ว เธอก็ไม่อาจลืมมันได้เลย คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะพบเจอกับเขาอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะไม่สามารถปฏิเสธหรือไม่สะดวกที่จะพูดเพราะความเสน่หา เธอเข้าไปทักทายเซี่ยหยางตั้งแต่แรกแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ช่ายยั่นได้เห็นแตงโมใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าพืชผักผลไม้พวกนั้น ในตอนที่เธอเข้าไปสำรวจหมู่บ้านช่วงก่อนหน้านั้น ยังไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้เลย ตอนนี้มันทำให้เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ด้วยความที่แตงโมมันมีขนาดใหญ่เกินไป เมื่อผ่าออกแล้ว กรรมการไม่กี่คนไม่สามารถกินหมดได้ เซี่ยหยางจึงนำไปแบ่งให้ทุกคน คนในห้องโถงได้กลิ่นอันหอมหวานตลบอบอวลคละคลุ้งไปทั่ว จากนั้นก็กัดกินอย่างทนไม่ได้ แทบจะเป็นการกินอย่างบ้าคลั่ง แล้วหยุดไม่ได้
เวลานี้เอง ภายในห้องโถงมีแต่เสียงของการกิน และมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
“พวกคุณกินหน่อยไหม?”เซี่ยหยางที่เดินมาถึงหน้าของลู่ต้าฝูกับลู่เฟยสองพ่อลูก แล้วจึงยื่นแตงโมไปให้
ลู่เฟยเกลียดเซี่ยหยางอยู่ก่อนแล้ว กลิ่นหอมหวานของแตงโมโพยพุ่งมายังจมูก เขากัดกินอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่กลับไม่สามารถต้านทานต่อสิ่งล่อตาล่อใจนี่ได้อีก เขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ กินภายในคำเดียวจนเกลี้ยง
พอเห็นว่าเซี่ยหยางกำลังหัวเราะตนเองอยู่ เขาก็รีบแสร้งพูดขึ้นมาว่า“ก็งั้นๆแหละ ฉันแค่เสียดาย”
แต่ภายในชั่วพริบตา ลู่ต้าฝูผู้เป็นพ่อของเขาที่กัดไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปทันทีอย่างกลั้นไม่อยู่
เซี่ยหยางเงียบ กลับไปรอ เหล่ากรรมการกินแตงโมและมะเขือเทศ พอดูดเข้าไปในปากแล้ว รับรู้ได้ถึงความหอมหวานและสดชื่น แต่ละคนราวกับเด็กน้อย กินอย่างหิวกระหาย อิ่มจนเรอออกมาเสียงดัง สิ่งนี้ทำให้เหล่าตัวแทนคนอื่นที่อยู่ด้านล่างต่างพากันอยากกินขึ้นมา ยื่นหน้ายื่นคอมองไป ได้แต่กลืนน้ำลาย
เหมยหรูยานเอาเปลือกมะเขือเทศทิ้งลงในตะกร้าถังขยะ แล้วเช็ดปากอย่างพึงพอใจ มองดูเซี่ยหยาง เผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม แล้วชูป้ายให้คะแนนถึงสิบคะแนน นี่เป็นสิบคะแนนแรกของงานนี้เลยก็ว่าได้
หลังจากนั้นช่ายยั่น กินชูป้ายสิบคะแนนขึ้นพลางกินไปด้วย พอถึงตาคนอื่นๆ กำลังจะทำตาม แต่คิดไม่ถึงว่ารองกำนันหยางอู่เจิ้งจะจ้องมองไปที่เซี่ยหยาง ช่างบังเอิญเป็นเหตุการณ์ศัตรูได้พบกันตาแดงเป็นพิเศษ(เมื่อศัตรูได้พบหน้ากัน มักมีอารมณ์โกรธแค้นรุนแรงเป็นพิเศษ)บวกกับก่อนหน้านี้ลู่ต้าฝูกับลู่เฟยยังมอบหมายกับเขาไว้แล้ว ถึงหยางอู่เจิ้งจะยอมรับว่ามันอร่อยมาก แต่เขาก็ชูป้ายแค่ห้าคะแนนเท่านั้น
เจ้าหน้าที่กรรมการคนอื่นๆแน่นอนว่าไม่กล้าให้คะแนนเยอะกว่าเขา และถึงขั้นมีคนให้คะแนนศูนย์คะแนนอีกด้วย การโกงครั้งนี้ชัดเจนเกินไปแล้ว ถึงแม้ตัวแทนที่อยู่ด้านล่างจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่มีใครกล้าโต้แย้งอะไร ทุกคนต่างเก็บงำไว้ในใจไม่ปริปากพูด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมักมีการยัดใต้โต๊ะอยู่แล้ว
“ตอนนี้ขอประกาศว่า หมู่บ้านเกาตี้ได้คะแนนดีเยี่ยมที่สุดในตอนนี้ ผลผลิตของพวกเขาไม่เพียงรสชาติดีเยี่ยม ยังมีเอกลักษณ์ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อยมากๆ หวังว่าทุกคนจะเอาหมู่บ้านเกาตี้เป็นเยี่ยงอย่าง ร่วมกันยกระดับ……”พิธีกรพูดคำพูดมากมาย
ลู่เฟยลุกขึ้นยืนอย่างได้ใจ รับการชื่นชมจากทุกคน ถึงแม้ว่าส่วนมากจะเป็นการเสแสร้ง แต่นี่ก็เพียงพอให้เขาหลงตัวเองได้ช่วงหนึ่ง
“เถ้าแก่เหมย ผลการตัดสินของเรื่องนี้ชัดเจนมาก หวังว่าคุณจะพิจารณาหมู่บ้านเกาตี้นะครับ ผลผลิตของพวกเขาเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตำบลของเราซึ่งมันคุ้มค่าที่จะลงทุนเป็นอย่างมาก”หยางอู่เจิ้งใช้จังหวะนี้ รีบพูดแนะนำ
เหมยหรูยานลุกขึ้นยืน มองไปที่ทุกคน แล้วยิ้มเบาๆพูดว่า“เอาล่ะ ได้เวลาประกาศการตัดสินใจของฉันแล้วค่ะ”
ลู่เฟยกับลู่ต้าฝูหันมามองสบตากัน และขยิบตาส่งสัญญาณให้กับหยางอู่เจิ้ง อย่างได้ใจมาก มองไปที่เหมยหรูยานอย่างตั้งตารอคอย
เซี่ยหยางที่รู้ดีว่าพวกเขากำลังปกป้องซึ่งกันและกัน สมรู้ร่วมคิด จึงขี้เกียจสนใจ เก็บของที่เหลือไป เตรียมจะเดินออกจากงาน แต่แล้วก็ได้ยินเหมยหรูยานพูดขึ้นมาว่า“ฉันตัดสินใจแล้ว จะขอลงทุนกับหมู่บ้านตงเจียว และให้เซี่ยหยางมาช่วยควบคุมกำกับและดูแล”
เมื่อคำพูดถูกปล่อยออกไป รอยยิ้มของลู่เฟยทั้งสองพ่อลูกถึงกับแข็งทื่อไป ด้านล่างเวทีเต็มไปด้วยเสียงเห็นด้วย ทุกคนมองไปที่เซี่ยหยางอย่างอิจฉา
ช่ายยั่นยิ้มออกมาอย่างยินดี ลุกขึ้นยืนนำทีมปรบมือ ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังสนั่นหวั่นไหว
“ไม่ใช่มั้งครับ แก่เหมย คะแนนของเซี่ยหยางต่ำขนาดนั้น คุณเข้าใจผิดแล้วใช่ไหม?ควรจะเป็นหมู่บ้านเกาตี้สิ”หยางอู่เจิ้งตะโกนอย่างไม่พอใจ
เหมยหรูยานทำเสียงหึอย่างเย็นชา และพูดไปว่า“ฉันจะลงทุนกับใครก็ได้ เรื่องคะแนนเป็นเพียงแค่การพิจารณาเท่านั้น การตัดสินใจของฉันเป็นแบบนี้ อีกทั้งจะเริ่มทำการจัดการทันทีด้วย”
เซี่ยหยางแอบดีใจ ดูท่าเหมยหรูยานจะไม่สับสนอะไร เขามองดูหยางอู่เจิ้งกับพวกของลู่เฟยหลายคน แต่ละคนเหมือนมะเขือยาวที่โดนทุบจนแหลก พวกเขาตกตะลึงมาก สมน้ำหน้าจริงๆ
“ต่อไปฉันขอประกาศว่า ผู้ที่โดดเด่นยอดเยี่ยมที่สุดนั่นก็คือเซี่ยหยางแห่งหมู่บ้านตงเจียวค่ะ ขอเชิญขึ้นมารับรางวัลด้วยค่ะ”ในมือของช่ายยั่นมีรางวัล เธอมองไปที่เซี่ยหยาง
เซี่ยหยางที่รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก หลังจากขึ้นไปแล้ว ช่ายยั่นก็จับมือของเขา และพูดว่า“ถึงแม้รางวัลนี้จะไม่ได้มีค่าอะไร แต่เกียรติยศนี้ได้มาอย่างยากลำบาก เหตุผลหลักคืองบของเรามีจำกัด เราจึงได้เพียงแค่แสดงความจริงใจ หวังว่าคุณจะรักษามาตรฐานต่อไป”
“ผมขอสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จครับ”เซี่ยหยางฉีกยิ้ม มองดูตัวหนังสือบนใบประกาศนียบัตร มีชื่อของตัวเองอยู่ด้วย รู้สึกแปลกๆ นี่เป็นเหมือนประกาศนียบัตรของเด็กนักเรียนเลย เป็นรางวัลที่มีค่ามาก
หลังจากจบสัมมนาแล้ว มีตัวแทนหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยรายล้อมเซี่ยหยางเพื่อขอคำแนะนำ เดิมทีเซี่ยหยางไม่ได้เป็นที่รู้จัก ครั้งนี้ถือได้ว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในตำบลสักที มีคนจำนวนไม่เข้าใจ เหตุใดคนหนุ่มอย่างเขาถึงประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้ พวกเขามาทดสอบเซี่ยหยางอย่างอ้อมๆ แต่ก็ถูกเซี่ยหยางพูดกลบเกลื่อนไป
สำหรับนักปราชญ์เกาหมิงแห่งหมู่บ้านหลิ่วซู่ ที่เคยเป็นที่โปรดปรานที่สุดก่อนหน้านี้ เขายิ่งอิจฉามากขึ้นไปอีก เขาเคยคิดว่าเซี่ยหยางเป็นแค่ผู้ติดตาม แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนเป็นผู้ชื่นชม พูดคุยถึงประสบการณ์ในการปลูกพืชกับเซี่ยหยางอย่างถ่อมตน
แต่เซี่ยหยางก็ยุ่งกับการตอบคำถามของคนที่เข้ามาสอบถาม จึงไม่มีเวลาสนใจเขา
หลังจากการประชุมครั้งนี้ผ่านไป เซี่ยหยางก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เดิมทีตัวแทนหมู่บ้านเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอยู่แล้ว การแพร่กระจายข่าวออกไป จึงทำให้ผู้คนรู้จักมากยิ่งขึ้นไปอีก หมู่บ้านตงเจียวมีเยาวชนรุ่นใหม่ เพาะปลูกได้ผลผลิตที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน
“การแสดงวันนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ยินดีด้วย”ออกมาจากห้องสัมมนา ช่ายยั่นก็พูดแสดงความยินดีกับเซี่ยหยางทันที
จับมือน้อยๆของเธอ เซี่ยหยางรู้สึกเขินมาก“ต้องขอบคุณการดูแลของคุณ จะทำให้ได้รับโอกาสนี้มา”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว จากนี้ไปต้องมีเรื่องที่ให้คุณช่วยอยู่แล้ว ฉันเชื่อว่าหลังจากผ่านเรื่องนี้ไป คนที่เพาะปลูกทำการเกษตรต้องทำความรู้จักกับคุณใหม่อย่างแน่นอน นี่เป็นการช่วยเรื่องการพัฒนาในหมู่บ้านของพวกคุณมากเลยนะ คุณต้องรักษาโอกาสนี้ให้ดี”ช่ายยั่นค่อยๆโน้มน้าวใจ และเริ่มพูดเหตุผลกับเขา
เซี่ยหยางที่ไม่รู้ว่าจะพูดต่อบทอย่างไร เหมยหรูยานเดินเข้ามาแล้ว นี่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือเหมยหรูยานกลับพาดแขนกับไหล่ของช่ายยั่น ทั้งสองควงแขนกันเหมือนเป็นเพื่อนสาว
“อ่อ ฉันยังไม่ได้แนะนำให้คุณเลย นี่หรูยานเป็นเพื่อนสมัยเรียนของฉันเอง เมื่อก่อนเราเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน ตอนนี้เป็นนักธุรกิจแล้ว เป็นเถ้าแก่ใหญ่อายุน้อย”ช่ายยั่นพูดอย่างล้อเลียน
“ช่ายยั่นเธออย่าพูดแบบนี้นะ เราเขินไปหมดแล้วเนี่ย เถ้าแก่อะไรกัน ใครจะไปดูดีมีราศีแบบเธอกันล่ะ ตอนนั้นใครๆก็รู้ว่าเธอมีภาวะของการเป็นผู้นำ”เหมยหรูยานพูดอย่างโกรธเคือง ผู้หญิงสองคนอยู่ในบทละครเดียวกัน ถึงขั้นเริ่มรำลึกความหลังกันแล้ว
เซี่ยหยางเข้าใจอะไรบางอย่างจากการสนทนาของพวกเขาเล็กน้อย ช่ายยั่นคนนี้เมื่อก่อนเธอเป็นหัวหน้าห้อง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็นประธานรุ่น ถึงว่าตอนนี้ออกมาเป็นถึงกำนัน
ส่วนเหมยหรูยาน ว่ากันว่าตอนเป็นวัยรุ่นเธอมีปัญญาไหวพริบมาก เปิดร้านตั้งแต่อยู่ในโรงเรียน ตอนนี้เดินเข้าสังคมมาหลายปีแล้ว และเธอก็ได้กลายเป็นนักธุรกิจสาวและนักลงทุนผู้ร่ำรวย ครั้งก่อนตอนที่เธอซื้อแตงโมนั้น เซี่ยหยางดูพลาดไปเล็กน้อย เขาคิดว่าเหมยหรูยานเป็นแม่บ้านสาวที่ว่างมาก คนเราจะดูอะไรจากภายนอกไม่ได้จริงๆ
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยหยางละอายใจเล็กน้อย ผู้หญิงสองคนนี้โตกว่าตนเองไม่กี่ปี ประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้ถือว่าไม่เลวเลย
เซี่ยหยางไม่อาจแทรกบทสนทนาได้ แต่ก็ไม่อยากเดินจากไปไหน ถึงจะพูดอย่างไรเขาก็ยังคงหลงใหลเรื่องหน้าตา สาวสวยสองคนพูดคุยกับตนเอง เมื่อคนอื่นเดินผ่านไปได้แต่มองเหลียวหลัง รวมไปถึงรองกำนันอย่างหยางอู่เจิ้งและลู่เฟยสองพ่อลูก
มันเรียกว่าความอิจฉาริษยา นอกจากเสียงกระซิบด่า จะทำอะไรได้อีก เขาโกรธจนกัดฟันกรอด เหมือนไก่ตัวผู้ที่แพ้จากการต่อสู้ เดินคอตกจากไปอย่างผิดหวัง แน่นอนว่า พวกเขายังคงพูดคุยปรึกษากันถึงการกู้ศักดิ์ศรีขึ้นมาในครั้งหน้า ทำได้เพียงแค่รอครั้งต่อไป
“เกือบลืมไปเลยว่า ผมยังมีธุระที่ต้องทำ พวกคุณคุยกัน เรื่องเกี่ยวกับการลงทุนในหมู่บ้านตงเจียว ต้องพูดคุยปรึกษากับพวกคุณ เดี๋ยวหาเวลาว่างคุยรายละเอียดกันนะ สู้ๆนะเซี่ยหยาง ฉันจะรอดู”ช่ายยั่นในฐานะที่เป็นผู้นำ เธอตบไหล่ของเซี่ยหยางเบาๆ แล้วเดินจากไป
ทันใดนั้นจู่ๆเหมยหรูยานก็ปิดปากแล้วหัวเราะราวกับกิ่งก้านดอกสั่นสะท้าน(ใช้เพื่ออธิบายสถานการณ์กระทำของผู้หญิงเมื่อพวกเขาหัวเราะ) มีเสน่ห์และน่าหลงใหล หน้าอกขยับขึ้นลงช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน เซี่ยหยางที่มองดูอย่างตกตะลึง และพูดอย่างไม่เข้าใจไปว่า“ทำไมหรอครับเถ้าแก่เหมย?”
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณ ฉันยังติดเงินคุณด้วย”แก้มของเหมยหรูยานแดงก่ำ มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล เธอใช้นิ้วจิ้มไปที่เซี่ยหยางหนึ่งครั้ง
มองดูขาเรียวขาวของเธอ รวมถึงเอวบางที่มีกระโปรงสั้นห่อหุ้มด้านหลังเชิดขึ้น มันทำให้เซี่ยหยางรู้สึกไม่สงบ กลิ่นหอมนั่นซึมซาบเข้าไปในหัวใจของเขา
“ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ แต่ว่านะคุณไม่ต้องคืนแล้วก็ได้ ถือเสียว่าเป็นการลงทุน ไปดูที่หมู่บ้านของเราไหมครับ ถึงยังไงคุณก็ต้องไปสำรวจอยู่แล้วจริงไหม?”เซี่ยหยางเอ่ยเชิญ
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันกำลังมองหาโปรเจคที่จะลงทุนอยู่ ฉันคิดว่าเราสองคนมีวาสนาต่อกันนะ”เหมยหรูยานยิ้ม หยิบกุญแจรถขึ้นมา และกดไปหนึ่งครั้ง เสียงแจ้งเตือนประตูรถหรูของเธอดังขึ้น เธอนั่งเข้าไปแล้วหันมาพูดว่า“นำทางไปได้เลย”
เซี่ยหยางขึ้นรถกระบะ แล้วขับไปข้างหน้า มองดูเหมยหรูยานจากกระจกมองหลัง คิดกับตัวเองว่าเขาทำกำไรได้จริงๆ ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เขาจะโด่งดังเท่านั้น แต่เขายังได้รับเงินลงทุนอีกด้วย ช่างเป็นการได้ทั้งชื่อเสียงและโชคลาภ ถ้าไปถึงหมู่บ้านต้องทำผลงานออกมาให้ดี และพยายามทำให้เธอพอใจ บางทีเธออาจจะลงทุนเพิ่มก็ได้
ใช่แล้ว การลงทุน เป็นการเริ่มต้นไปสู่การประสบความสำเร็จในก้าวแรก