เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 46
“พวกคุณนี่เอง นั่งก่อนสิ”เซี่ยหยางล้วงบุหรี่ออกมาสูบหนึ่งม้วน แล้วชี้ไปยังโต๊ะ
“ขอบคุณนะครับ คุณสูบของผมก็ได้ครับ”เชฟเหลียนล้วงบุหรี่ยี่ห้อจงหัว(เป็นบุหรี่จีนระดับพรีเมียมที่ผลิตโดยกลุ่มยาสูบเซี่ยงไฮ้บรรจุภัณฑ์บุหรี่เป็นสีแดงสดพร้อมกับเทียนอันเหมินและมันฮัวเปียวเสาสีทองด้านหน้า)ยื่นไปให้เซี่ยหยางอย่างระมัดระวัง และจุดไฟให้ด้วย
เซี่ยหยางที่รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว การพบปะกันเพื่อประจบประแจง เป็นการทำดีเพื่อหวังผล ไอ้หมอนี่ต้องมีจุดประสงค์อะไรอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่เปิดโปง ค่อยๆพูดออกไปว่า“ลมอะไรพัดคุณมาที่นี่หรอครับ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“มีสิครับ เรื่องใหญ่เลยล่ะ เถ้าแก่เซี่ย ผมเป็นตัวแทนของเถ้าแก่เฮ่อ มาคุยเรื่องโอกาสทางธุรกิจกับคุณน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณมีเวลาไหม?”เชฟเหลียนยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน
“เรื่องอะไรหรอครับ ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก”เซี่ยหยางพูดอย่างช้าๆ
เชฟเหลียนรีบหยิบกระเป๋าจากผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลังเขาทันที หลังจากเปิดมันออกแล้ว มีเงินหลายกองอยู่ในนั้น เขาผลักมันไปไว้ตรงหน้าเซี่ยหยางพลางกล่าวว่า “เถ้าแก่เซี่ยครับ นี่เป็นความปรารถนาดีจากประธานเฮ่อของเรา โปรดรับไว้ด้วยเถอะนะครับ”
“ผมไม่กล้ารับหรอกครับ ไม่มีผลงานไม่สมควรได้ลาภยศอะไร คุณต้องบอกเหตุผลมาก่อน”เซี่ยหยางไม่มองเงินพวกนั้นแม้แต่น้อย
เชฟเหลียนสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ครู่นึ่ง จึงล้วงเงินในกระเป๋าออกมาหลายมัด แล้วยื่นไปให้เซี่ยหยางอีกครั้ง“เถ้าแก่เซี่ย นี่เป็นเงินเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออยากร่วมงานกับคุณ เพื่อซื้อแตงโมลูกยักษ์ของคุณต่างหาก”
“พูดตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ซื้อไปขายหมดแล้วหรอ?”เซี่ยหยางที่พูดไปด้วยหยิบเงินที่วางอยู่มาเก็บด้วย นับไปนับมีเงินอยู่ประมาณเจ็ดแปดหมื่น ดูท่าครั้งนี้เฮ่อเซ่าฉุนจะยอมขาดทุน กลับให้ประโยชน์กับเขาก่อน
“เอ้อนิ้วนายมานี่ก่อนสิ เอาเงินนี่ไป แบ่งกับพวกคนงาน ที่เหลือให้เมียนายนะ”
เอ้อนิ้วตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่งงงวย หยิบเอาเงินแล้วเดินจากไปทันที
เชฟเหลียนที่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าในเมื่อเซี่ยหยางรับเงินไว้แล้ว ก็เท่ากับว่าตกลงแล้ว จึงอาศัยจังหวะนี้ตีเหล็กที่กำลังร้อน(น้ำขึ้นให้รีบตัก)เอ่ยขึ้นมาว่า“เถ้าแก่เซี่ยครับ งั้นเรามาคุยเรื่องงานของเราดีกว่า ครั้งก่อนแตงโมยักษ์ของคุณพวกนั้น มีชื่อเสียงไปในทางที่ดีมาก และยังขายดีมากอีกด้วย เพราะฉะนั้นเถ้าแก่เฮ่อของเราจะบอกว่า จะทำการซื้อจำนวนมาก คุณมีเท่าไหร่เราจะขอเหมาหมด”
เซี่ยหยางที่กำลังรอคำพูดประโยคนี้อยู่พอดี จึงพูดอย่างไม่ลังเลไปว่า“ได้สิครับ เอาแค่แตงโมหรอ?ที่นี่ยังมีผลผลิตอีกมากมายเลยนะครับ คุณก็รู้ดีนิ่ครับ ยกตัวอย่างเช่นพืชผักผลหมากรากไม้”
“คะ คุณพูดจริงหรอครับ?ของพวกนั้นก็ยอมขายให้พวกเรางั้นหรอ?”เชฟเหลียนดีใจเป็นอย่างมาก
“แน่นอนสิครับ ขอเพียงแค่เมื่อซื้อขายกันเสร็จเป็นอันจบลงก็พอ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ พวกคุณจะเอาเท่าไหร่?”
“เอ่อ ผมจ้องรายงานกับเถ้าแก่เฮ่อของเราก่อน”เชฟเหลียนตื่นเต้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เซี่ยหยางจะทัศนคติดีขนาดนี้ เขาจึงรีบโทรศัพท์หาเฮ่อเซ่าฉุนทันที
เซี่ยหยางที่เห็นเชฟเหลียนกำลังโทรศัพท์อย่างมีความสุข ในใจของเขากลับมีแผนการแล้ว เขาไม่แสดงสีหน้าใดๆทั้งสิ้น จิบชารออยู่ข้างๆ
หลังจากวางสายไป เชฟเหลียนที่ถูมือไปมาแล้วพูดขึ้นมาว่า“เถ้าแก่เซี่ยครับ ประธานเฮ่อของเราบอกว่า คุณมีเท่าไหร่เอามาให้หมดเลยครับ ตอนนี้เราตกลงกันเรื่องราคาก่อนได้เลยครับ”
“คุณต้องการอะไรเป็นพิเศษล่ะครับ?ในไร่ของผมมีของมากมาย”เซี่ยหยางชี้ไปยังไร่ของตนเอง
เชฟเหลียนหันกลับมามองดู แล้วพูดอย่างรอคอยว่า“ขอเพียงคุณมี พวกเราขอรับซื้อไว้หมอเลยครับ เถ้าแก่เซี่ยคุณช่างเป็นคนตัดสินใจเฉียบขาดจริงๆ รู้อย่างงี้ เราคงได้ร่วมงานกันตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนคงไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจกันให้ไม่มีความสุข ถือเสียว่าจบลงเพียงเท่านี้ เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่เข้าใจ เมื่อก่อนคุณไม่เคยขายของให้ร้านกินทั่วเมืองของเราเลยนะ ทำไมครั้งนี้จู่ๆถึงได้เปลี่ยนความคิดล่ะ?”
“เมื่อกี้ผมพูดแล้วไม่ใช่หรอ ช่วงนี้ของในไร่ผมเยอะ พวกมันโตอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นจะต้องรีบขายออกไป อีกอย่างราคาที่พวกคุณให้ก็ไม่เร็วเลย ร้านเล็กๆพวกนั้นคิดว่าแพงเกินไป เสียดายเงิน ผมเองก็ขี้เกียจหาร้านต่อไปแล้ว ถึงยังไงก็คือการทำธุรกิจ ทำไมผมต้องมีปัญหากับเงินด้วยล่ะ”เพื่อเป็นการลบล้างข้อสงสัยของเชฟเหลียน เซี่ยหยางจึงอธิบายพลัน
“คุณพูดถูก พวกเขาคิดว่าราคาสูงเกินไป นั่นคือการไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ อีกอย่างนะ การใช้เงินของคนเราก็ยกระดับขึ้นสูงแล้ว แตงโมครึ่งกิโลละสองร้อยไม่ถือว่าแพงเลย”เชฟเหลียนรีบประจบทันที
“ครึ่งกิโลสองร้อย ไม่นะครับ คุณเข้าใจผิดแล้ว ตอนนี้แตงโมของมครึ่งกิโลสามร้อยนะครับ?”เซี่ยหยางจู่ๆก็พูดออกมา
เชฟเหลียนทำได้เพียงแค่กะพริบตาปริบๆ แล้วพูดอย่างสงสัยไปว่า“ไม่สิครับ เถ้าแก่เซี่ย หลายวันก่อนมันราคาครึ่งกิโลสองร้อยหยวนไม่ใช่หรอครับ?”
“นั่นเป็นราคาทดลองขายเท่านั้น ต้องรู้ว่าแตงโมพวกนี้ของผมเป็นผลผลิตที่มาจากนวัตกรรมสูง ค่าค้นคว้าวิจัยกับค่าคนงานใช้เงินลงทุนไปเยอะมาก ครึ่งกิโลสามร้อยยังถือว่าผมขาดทุนเลย”เซี่ยหยางยักไหล่ พูดอย่างจริงจัง
“เอ่อ……งั้นผักอื่นๆราคาเท่าไหร่ล่ะ?”เชฟเหลียนกังวลเล็กน้อย
“ในเมื่อพวกคุณจะทำค้าส่ง ผมก็จะไม่บอกราคาทุกอย่าง เพราะฉะนั้นพวกมะเขือเทศพริกหยวกแตงกวา ผมจะคิดราคาเดียวกันทั้งหมด คิดให้คุณครึ่งกิโลห้าสิบหยวน”เซี่ยหยางเตรียมคำพูดไว้นานแล้ว มองดูท่าทีอ้าปากตาค้างของเชฟเหลียน เขารู้สึกว่ามันตลกมากๆ
เชฟเหลียนถึงกับมึนงงไปเลย เขาพูดพึมพำออกมาว่า“แต่ ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนผักที่คุณขาย เหมือนราคามากสุดจะแค่ยี่สิบสามสิบหยวนนะ ทำไมถึงได้ขึ้นราคาแล้วล่ะ?”
“ตอนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ผมขายให้คนอื่นราคาสูงกว่านี้อีก ผมคิดว่าพวกคุณเป็นลูกค้ารายใหญ่เลยลดราคาให้พวกคุณ ถ้าหากพวกคุณรับไม่มีปัญญากิน ก็ช่างเถอะ”เซี่ยหยางเงยหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าดูหยิ่งจองหองมาก ไม่มีทางอื่น ใครใช้ให้ของของเขาอร่อยเกินไปล่ะ ถึงได้เจ๋งขนาดนี้
“นะ นี่มัน……”เชฟเหลียนร้อนใจมาก จึงรีบพูดออกมาว่า“ผมขอปรึกษากับเถ้าแก่ของเราอีกครั้งนะครับ”
“คุณต้องปรึกษาเร็วๆหน่อยนะ ผมยังมีเรื่องอื่นให้ทำอีก”เซี่ยหยางพูดเร่ง
เชฟเหลียนรีบโทรศัพท์ออกไปอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า“เถ้าแก่เซี่ย เถ้าแก่เราพูดแล้ว ราคานี้เรารับได้ แต่เงินที่ให้คุณไปหลายหมื่นก่อนหน้านี้ นับรวมได้ไหมครับ?”
“เงินอะไรหลายหมื่นนะ?พวกคุณบอกว่าเป็นน้ำใจไม่ใช่หรอ ไม่มีเหตุผลแบบนี้หรอกนะครับ เดิมทีผมคิดว่าพวกคุณมีความจริงใจ ตอนนี้ถ้าไม่มีปัญญาซื้อ งั้นผมก็จะคืนเงินให้กับพวกคุณเดี๋ยวนี้แหละ จากนี้ไปก็ไม่ต้องมาคุยเรื่องซื้อของกับผมอีก เอ้อนิ้ว ส่งแขก!”เซี่ยหยางพูดอย่างเย่อหยิ่ง รอจนเอ้อนิ้วเดินเข้ามา เขาจึงเอาเงินออกมาแล้วคืนไป
เชฟเหลียนกังวลจนทำตัวไม่ถูก เฮ่อเซ่าฉุนมอบหมายมาแล้ว เงินที่ให้ไปแล้วคือให้ไปเลย เสียดายแกะจะทำให้จับหมาป่าไม่ได้(อุปมาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายบางอย่างคุณต้องจ่ายในราคาที่สอดคล้องกันโดยที่แกะหมายถึงอาหารที่ดึงดูดผู้ที่มีเจตนา)เขารีบขอโทษขอโพยทันที“เถ้าแก่เซี่ยครับ ผมแค่ล้อเล่นเอง เรายังต้องร่วมงานกันอีกนะครับ จากนี้ไปเราจะทำธุรกิจกันไปอีกยาว ทุกอาทิตย์คุณต้องส่งของให้เราสามครั้ง ทุกครั้งจะต้องมีผักห้าร้อยกิโล แตงโมห้าร้อยกิโล คุณว่าไงครับ?”
“เอาแค่นั้นเองหรอ?เราเก็บเกี่ยวหลายพันกิโลต่อครั้งเลยนะ ถ้าเอาไว้นานเกินไปจะทำให้ไม่สดใหม่ อีกทั้งเราไม่กล้ารับประกันว่าคนอื่นจะเอาไหม ถึงยังไงมันก็ขายดีมากอยู่แล้ว”เซี่ยหยางพูดอย่างหยิ่งผยอง
“งั้นก็เอาอย่างละหนึ่งพันกิโลก็ได้ครับ คุณว่าอย่างไร?”
“มันยังเป็นปัญหาอยู่มาก ในเมื่อพวกคุณจะเอา ทำไมไม่เอาไปเยอะหน่อยล่ะครับ?อย่างน้อยก็สองสามพันกิโลก็ได้ แบบนี้การขนส่งภายในคราวเดียวก็ทำได้ง่าย จะได้ไม่ต้องวิ่งไปมาหลายรอบ”
“ก็ได้ครับ งั้นเอาอย่างสองพันห้าร้อยกิโล จะมีเมื่อไหร่ครับ?”เชฟเหลียนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
เซี่ยหยางที่สมพรปรารถนา จึงพยักหน้าพูดว่า“วันนี้เก็บเกี่ยวได้เลย แต่ที่ผมไม่มีรถ คุณเรียกรถมาขนดีไหม”
พูดจบก็ให้เอ้อนิ้วไปเตรียมทำสัญญา หยิบกระดาษปากกาออกมา และสั่งให้คนไปเก็บเกี่ยวผลผลิต
เชฟเหลียนที่ยิ้มอย่างมีความสุข รีบรายงานสถานการณ์กับเฮ่อเซ่าฉุนทันที แล้วเรียกรถมา ถอนเงินออกมา ในตอนที่กำลังจะซื้อขายกันอยู่นั้น เชฟเหลียนอดที่จะมีความสุขไม่ได้ ดวงตาเป็นประกาย ดูเหมือนมองเห็นเงินทองไหลมาเทมาก็ไม่ปาน
เขานับเงินไปด้วย มองรถขนของที่จากไปจนลิบตา เซี่ยหยางแสยะยิ้ม ค้าขายครั้งนี้จำนวนเงินได้ถึงหลักล้าน
“พี่หยาง พี่สติเลอะเลือนรึเปล่า เมื่อกี้ผมพูดแทรกไม่ได้ ทำไมพี่ถึงเอาของดีๆขายให้ศัตรูไปล่ะ พี่อยากได้เงินจนบ้าไปแล้วหรอ?”เอ้อนิ้วพูดอย่างสงสัยไม่เข้าใจ
“แน่นอนว่าเงินดีอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ได้บ้า นายรอดูเถอะ”เซี่ยหยางพูดอย่างไม่ยิ้ม
“มีอะไรให้ดูหรอครับ ตอนนี้คนของร้านกินทั่วเมืองมีของพวกนั้นแล้ว ต้องได้กำไรแน่ๆ พี่ยังบอกว่าจะแก้แค้นอีก พี่ต้องถูกพวกมันหลอกแน่”เอ้อนิ้วถอนหายใจหนึ่งครั้ง แล้วส่ายหน้าด้วยท่าทีเสียดาย
“อีกไม่นานนายก็จะรู้เอง”เซี่ยหยางยิ้มอย่างมีเลศนัย
ภายในห้องทำงานของร้านกินทั่วเมืองในตัวอำเภอ เฮ่อเซ่าฉุนตบไหล่ของเชฟเหลียนอย่างพึงพอใจ“ครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก ถึงมันจะแพงไปบ้าง แต่กำไรเป็นอะไรที่น่าพิสมัยมาก เราสามารถปรับราคาของเมนูอาหารให้ขึ้นสูงได้”
“ขอบคุณครับประธานเฮ่อ ดีที่ได้ทุนหนาๆของคุณ ไม่อย่างนั้นเซี่ยหยางคงไม่ยอมรับปากเป็นแน่”เชฟเหลียนพูดอย่างมีความสุข
“เซี่ยหยางเป็นแค่คนโลภอยากได้เงินเท่านั้น เมื่อก่อนทำมาเป็นสูงส่ง เอ่อจริงด้วย เขาไม่ได้ขายผักให้คนอื่นใช่ไหม?”เฮ่อเซ่าฉุนพูดอย่างเป็นกังวล
“คุณวางใจเถอะครับ ครั้งนี้เราเก็บเกี่ยวผลผลิตในแปลงผักของเขามาทั้งหมดแล้วครับ รอล็อตหน้าออกมา ก็ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่ง เราถือว่าเป็นเจ้าเดียวแล้ว ยังต้องกังวลเรื่องธุรกิจอีกหรอครับ?”เชฟเหลียนพูดอย่างได้ใจ
“ทางร้านฝูหมั่นโหลวยังไม่มีใช่ไหม?”เฮ่อเซ่าฉุนถาม
เชฟเหลียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดไปว่า“ผมส่งคนไปสืบมาแล้วล่ะครับ สองวันก่อนร้านฝูหมั่นโหลวพึ่งสั่งของเข้ามา ยังใช้ไม่หมดเลยครับ คาดว่าจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะไปอีก แต่น่าเสียดายที่ของในแปลงผักของเซี่ยหยางถูกเรากว้านซื้อหมดแล้ว ถึงเฉินเจียจะมีความสามารถมากขนาดไหน ก็สายเกินไปจนทำอะไรไม่ได้แล้ว คุณรอวันที่เธอจะต้องปิดกิจการเถอะ ฮ่าๆ”
“ทำได้ไม่เลวเลย ผมไม่ได้เลี้ยงคุณเสียข้าวสุกเลยจริงๆ รีบเข้าเถอะ ให้ทุกคนทำงานเร็วเข้า ไปโฆษณาเร็วเข้า บอกว่ามีแต่ร้านของเราเท่านั้น ที่อาหารวัตถุดิบสดใหม่”เฮ่อเซ่าฉุนมีความสุขมาก เขามองสบตากับเชฟเหลียนแล้วหัวเราะ
ในตอนนี้เฉินเจียเถ้าแก่เนี้ยของร้านฝูหมั่นโหลวที่ได้ยินข่าว เธอส่งคนไปสืบที่หน้าร้านกินทั่วเมือง คนคนนั้นกลับมารายงานกับเฉินเจียว่า ร้านกินทั่วเมืองซื้อผลผลิตทางการเกษตรของเซี่ยหยางมาเยอะมาก กำลังเตรียมจะโฆษณาเพื่อจัดจำหน่าย
เฉินเจียที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ทั้งอายและโกรธ เซี่ยหยางคนนี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี เธอกำลังจะโทรศัพท์ไปกล่าวโทษกับเซี่ยหยาง คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้น พอเห็นว่าเซี่ยหยางโทรเข้ามา เธอก็ตะโกนด่ากราดออกไปว่า“เซี่ยหยางไอ้คนชั่ว ทำไมคุณถึงเอาของขายให้ร้านกินทั่วเมืองห้ะ อีกทั้งยังขายให้เยอะขนาดนั้น อยากตายใช่ไหม คุณเอาคำพูดของฉันฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวารึไง?”
“คุณอย่าใจร้อนไปสิครับ โปรดอดทนรอคอยอย่าหุนหันพลันแล่น ฟังผมอธิบายก่อน”
“อธิบายอะไร ความจริงมันอยู่ตรงหน้าแล้ว ดูสิว่าคุณยังจะมีอะไรพูดอีก ถือว่ามันทำให้ฉันเห็นธาตุแท้ของคุณสักที ไอ้ร้านกินทั่วเมืองของเฮ่อเซ่าฉุนมันให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณ?”เฉินเจียโกรธจนหายใจหอบ
“ใช่ เขาให้ผมเจ็ดแปดหมื่นแหน่ะ ยังมี……”
เฉินเจียพูดตัดบทเซี่ยหยาง แล้วพูดอย่างตำหนิ“พอสักที เซี่ยหยาง ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่ ตอนนี้นายอยู่ไหน?”
“อยู่บ้านครับ มีอะไรหรอ……”
เซี่ยหยางที่พูดพึ่งจบ โทรศัพท์จากปลายสายก็ถูกตัดทันที ได้ยินแค่เสียงของเฉินเจียลอดออกมาว่า เซี่ยหยางฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่
เซี่ยหยางที่ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ในใจกำลังคิดว่าว่าควรจะหลีกเลี่ยงหน่อยดีไหม แต่พอคิดถึงเป้าหมายและแผนการของตัวเอง ช่างเถอะหน้าด้านโดนกระทืบหน่อยก็ไม่เป็นไร
เป็นไปตามคาด ไม่รอให้เซี่ยหยางคิดอะไรมาก ก็ได้ยินเสียงเบรกรถดังขึ้นมาที่หน้าประตูอย่างบ้าคลั่ง ตามมาด้วยเสียงประตูรถถูกเท้าถีบปิด เฉินเจียที่พุ่งเข้ามาด้วยความโกรธ ตะโกนเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราดออกไปว่า“เซี่ยหยาง ไอ้เลว ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“แย่แล้ว พี่หยาง พี่ไปยั่วโมโหเถ้าแก่เนี้ยคนนี้อย่างงั้นหรอ?หรือไม่รับผิดชอบต่อเธอ พี่ก็จริงๆเลยเชียว ผู้หญิงสวยขนาดนี้ พี่ต้องรักษาไว้ดีๆสิ”เอ้อนิ้วที่พูดเกลี้ยกล่อมอย่างจริงจัง
เซี่ยหยางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่กลับเดินออกไป กำลังจะอยากพูดอะไรบางอย่าง เฉินเจียก็กำหมัดเหวี่ยงเข้ามาแล้ว