เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 47
“พอได้แล้ว หยุดโวยวายเสียที มีคนดูอยู่เยอะนะ”เซี่ยหยางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก รีบรั้งมือน้อยๆของเฉินเจียไว้ ต้องรู้ว่าบริเวณโดยรอบมีชาวบ้านกำลังมองดูอยู่ แบบนี้มันจะไม่งาม ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะคิดว่าตนเองรังแกเฉินเจียก็ได้
เฉินเจียที่ยังคงโกรธอย่างฉุนเฉียวอยู่ จึงพูดกล่าวตำหนิออกไปว่า“หึ ฉันไม่สนหรอกนะ ถึงยังไงนายก็ต้องอธิบายเหตุผลให้กับฉัน ไม่อย่างนั้นคุณจบไม่สวยแน่”
“เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ เราไปคุยกันในห้องเถอะ”เซี่ยหยางรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงโวยวายอาละวาดได้แบบนี้ ทำไมรับมือยากแบบนี้กันนะ ครั้งนี้ดูท่าจะทำเกินไปแล้วจริงๆ
“ไม่ มีอะไรก็พูดกันต่อหน้าทุกคนเลยสิ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”พอใจร้อนขึ้นมา เฉินเจียก็เอามือกอดอกทันที ท่าทางไม่ยอมอะไรจริงๆ
เซี่ยหยางที่เกาหัวแกรกๆ แล้วขยับเข้าใกล้กระซิบข้างๆหูของเธอไปว่า“ความจริงผมทำเพื่อคุณนะ ผมสาบานกับฟ้าเลยก็ได้”
“จริงหรอ?คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกฉันน่ะ?”เฉินเจียเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เพื่อเป็นการทำให้เธอสงบสติอารมณ์ เซี่ยหยางก็พูดประโยคทำนองนี้ออกไปอีกว่า พลางหัวเราะ“ตอนนี้รู้เหตุผลอะไรแล้วใช่ไหม?”
“จริงหรอ?คุณสาบานส”เฉินเจียพูดอย่างเอาแต่ใจ
เซี่ยหยางพูดสาบาน“ถ้าผมโกหก ขอให้ผลผลิตทางการเกษตรในแปลงผักของผมเน่าเสียทั้งหมด ให้ผมดื่มน้ำแล้วสำลักตาย”
เฉินเจียขำพรืดออกมาทันที แล้วพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ“ก็ได้ ฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง”
เซี่ยหยางเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วพาเฉินเจียเข้าไปภายในห้อง จัดการปิดประตูลง เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิด
“มาสิ มากินแตงโมสดๆก่อน ดับไฟสักหน่อย”เซี่ยหยางหยิบแตงโมออกมาจากตู้เย็น แล้วยื่นให้กับเฉินเจีย
เฉินเจียที่กินคำใหญ่ รสชาติยังคงฝังลึกไม่รู้ลืม เธอเช็ดปาก แล้วพูดกับเซี่ยหยางอย่างสงสัย“ที่คุณพูดเมื่อกี้น่ะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“ผมบอกกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ นี่เป็นแผนการของผม เพื่อจะให้ทั้งสองฝ่ายชนะ เข้าใจไหม?”เซี่ยหยางพูดอธิบาย
“แผนอะไร ฉันไม่เข้าใจ”เฉินเจียพูดอย่างแปลกใจ
เซี่ยหยางจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ แล้วพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยไปว่า“ง่ายมาก นี่มันคือการใช้วิธีการที่ไม่คาดคิดเพื่อชนะ ทำให้ร้านกินทั่วเมืองได้ลิ้มรสชาติของความหอมหวานซะก่อน ตอนนี้พวกเขาคิดว่าซื้อของของผมไปแล้ว จะทำให้ขายดิบขายดีงั้นเหรอ?”
“คุณกำลังพูดไร้สาระอะไรอยู่น่ะ ในแปลงผักของคุณผักถูกกว้านซื้อไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังโฆษณา คาดว่าใช้เวลาอีกไม่กี่วัน กิจการของฉันก็จะเจ๊งไม่เป็นท่าแน่”เฉินเจียยังคงไม่มีสติ
“ใช้สมองหน่อยสิคุณ ผมกับคนของร้านกินทั่วเมืองเป็นศัตรูกัน ครั้งแรกที่พวกเขามาหาผมไม่ได้ตกลงกับพวกเขา อีกอย่าง ใครบอกว่าของของผมขายหมดแล้ว?”เซี่ยหยางพูดอย่างใจเย็น
เฉินเจียกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดอย่างไม่เข้าใจ“นี่มันเป็นเรื่องที่เข้าใจอยู่แล้วไม่ใช่หรอ มีอะไรอีก?”
“ผมบอกว่ามีก็คือมีสิ ไม่งั้นเรามาพนันกันไหมล่ะ?”
“พนันอะไร?”
“พนันอะไรค่อยว่ากันหลังจากนี้เถอะ ถ้าครั้งนี้สามารถจู่โจมเฮ่อเซ่าฉุนได้ ยังสามารถทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นมาอีก คุณจะตอบแทนผมยังไงล่ะ?”เซี่ยหยางพูดไปหัวเราะไป
เฉินเจียทำปากมุ่ย ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูด“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ คุณจะทำอะไรก็ได้”
“ถ้าทำได้จริงๆ คุณต้องมอบร่างกายของคุณให้ผมเอาไหมล่ะ?”เซี่ยหยางพูดกึ่งล้อเล่น ในขณะเดียวกันก็มองดูรูปร่างของเฉินเจียไปด้วย
เฉินเจียตอกกลับเซี่ยหยาง ยังคงไม่เชื่อ“คุณโม้ไปเถอะ ฉันคิดว่าคุณกำลังหาคำแก้ตัวต่างหาก”
“งั้นคุณรอเดี๋ยวนะ ผมรับรองว่าคุณต้องเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน เดี๋ยวผมมาเรียกคุณนะ”เซี่ยหยางพูดแล้วเดินออกไป
เฉินเจียขมวดคิ้วเป็นปม อย่างไม่เข้าใจ ตกลงเซี่ยหยางกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
ในเวลานี้เองเซี่ยหยางเข้ามาในกระท่อมภายในป่า มองดูรอบๆไม่มีคนแล้ว จึงมุดเข้าไปในโลกแผ่นหยก
มองดูพืชผักผลไม้ที่วางเรียงรายเต็มไปหมด ซึ่งถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี เซี่ยหยางฉีกยิ้ม ก่อนที่จะไปขายแตงโมนั้น เขาได้วางแผนไว้แล้ว เป้าหมายคือเพื่อเป็นการดึงจุดสนใจของร้านกินทั่วเมืองของเฮ่อเซ่าฉุน
พวกเขาคิดว่าของของเซี่ยหยางถูกขายจนหมดแล้ว ความจริงนับตั้งแต่กลับมาจากครั้งที่แล้ว เขาค่อยๆเคลื่อนย้ายของเข้าไปในโลกแผ่นหยก ทุกครั้งที่ไปแปลงผักเขาจะเด็ดมาอย่างละนิดละหน่อย ตอนนี้มันถูกสะสมไว้มากพอแล้ว
ในโลกแผ่นหยกไม่เพียงแต่ปราศจากอันตราย อีกทั้งยังสามารถทำเป็นที่เก็บของได้อีกด้วย ตอนนี้เขามาในป่า เพื่อขนย้ายพวกแตงโมกับพืชผักออกไป
แต่เข้าๆออกๆหลายครั้ง ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ ถึงแม้ว่าช่วงนี้ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไปไม่น้อย พลังกำลังก็มีมากขึ้น มือของเขาก็รวดเร็วขึ้น แต่เมื่อจะต้องขนย้ายของในปริมาณมาก มันทำให้เซี่ยหยางเหนื่อยพอสมควร
มองดูของในป่าถูกกองพะเนินสูงเหมือนภูเขา เซี่ยหยางจึงรีบโทรศัพท์ไปหาเอ้อนิ้ว บอกให้เขาไปหาคนมาช่วยขนย้ายออกไป
จากนั้นเซี่ยหยางก็ไปเรียกเฉินเจียมา หลังจากที่เฉินเจียมองเห็นของพวกนั้นแล้ว ดวงตาของเธอลุกวาวขึ้นมาในทันที เธอดีใจมาก ตื่นเต้นจนร้องออกมา กอดคอของเซี่ยหยางแล้วจุ๊บเขาไปหนึ่งที จนใบหน้าของเขาแดงก่ำ
“ตาบ้า นายกล้าโกหกฉันหรอ บ้าที่สุดเลย ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ?”
เซี่ยหยางที่ลูบแก้มของตัวเองป้อยๆ แล้วหัวเราะอิๆ“บอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ จะพูดเร็วกว่านี้ได้ยังไง พอใจคุณไหม?”
“อืม พอใจมากเลยค่ะ แต่น้อยไปหน่อย ไม่เยอะเท่าร้านกินทั่วเมือง”เฉินเจียมีท่าทีไม่ค่อยพอใจ
เซี่ยหยางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีก ทำไมผู้หญิงถึงเอาใจยากแบบนี้นะ
“ไม่น้อยเลยนะคุณ น่าจะพอให้คุณใช้ไปช่วงหนึ่งเลยล่ะ อย่างน้อยๆก็รอจนพืชผักผลไม้ล็อตหน้าให้ผลผลิตออกมา”
เฉินเจียตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่เข้าใจว่า“หมายความว่าไงคะ?”
“ความหมายก็คือเก็บเกี่ยวครั้งหน้า คุณอยากได้เท่าไหร่ผมขายให้คุณเท่านั้นเลย โอเคไหม?”เซี่ยหยางที่ยักไหล่อย่างเหนื่อยใจ
“ดีเลย แต่ว่า……”จู่ๆเฉินเจียก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วพูดอย่างเป็นกังวล“แต่ร้านกินทั่วเมืองก็มีเหมือนกัน แบบนี้การแข่งขันมันจะสูงขึ้นน่ะสิ”
“ง่ายมาก ผมวางแผนไว้นานแล้วล่ะ พวกเขาซื้อแตงโมจากผมไปในราคาครึ่งกิโลสามร้อย ผมขายให้คุณแค่สองร้อยหยวน ผักอะไรพวกนี้ ของพวกเขาคือห้าสิบ ผมให้คุณสามสิบ”เซี่ยหยางยื่นมือทำสัญลักษณ์
“ดีขนาดนี้เชียว?”เฉินเจียแปลกใจมาก เหมือนเก็บโชคลาภอะไรได้
“แน่นอนสิ ต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป คงไม่ต้องให้ผมสอนใช่ไหม?”
เฉินเจียเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด เธอเข้าใจในทันที แล้วพูดอย่างนึกขึ้นมาได้ว่า“สุดยอดไปเลยเซี่ยหยาง กลอุบายของคุณมันเยี่ยมจริงๆ ฉันรู้แล้วล่ะว่าต้องทำยังไง”
ผ่านไปไม่นานเฉินเจียก็โทรศัพท์เรียกให้คนมาขนของ อีกทั้งขนย้ายไปอย่างเงียบๆ ยังตั้งใจลัดเลาะเส้นทางโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ร้านกินทั่วเมืองรู้ตัว
ไม่เพียงแต่เท่านั้น เซี่ยหยางยังจับตะพาบและเต่าในบ่อปลาบางส่วนขายให้กับเฉินเจีย ถือว่าเป็นการชดเชยให้กับเธอ สำหรับราคา ก็คิดให้เธอถูกลงมาหน่อย เพื่อเป็นการทดลองตลาดไปในตัว
มองดูที่จ่ายเงินเสร็จแล้วเดินทางกลับอย่างสบายอารมณ์ ในที่สุดเซี่ยหยางก็สมดั่งใจปรารถนา รอเพียงดูเหตุการณ์ที่เหลือ
เพราะว่าผักและผลไม้จำนวนสิบกว่าหมู่ในวันนี้ถูกขายจนเกลี้ยงแล้ว เหลือแค่ต้นอ่อนของผลไม้ที่พึ่งปลูกไปก่อนหน้านี้ ถึงมันจะเติบโตกันอย่างรวดเร็ว ยังไม่ถึงเวลาออกดอกออกผล
เซี่ยหยางที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ว่าควรจะปลูกผักผลไม้ต่ออีกไหม กำไรแบบนี้ถือว่ามั่นคงกว่า แต่ในใจของเซี่ยหยางยังคงรู้สึกไม่ยุติธรรม อยากจะปลูกของที่ได้กำไรมากกว่านี้ อีกทั้งให้ผลผลิตรวดเร็ว แต่ความรู้ทางด้านนี้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
เวลานี้เอง เซี่ยหยางได้ยินเสียงดังปึ้งมาจากชั้นสอง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง
เซี่ยหยางชะงักไปชั่วครู่ แล้วรีบพุ่งตัวออกไปทันที เห็นเหอเสี่ยวหย่าผู้สวยงามอ่อนโยนนั่งอยู่ตรงพื้นด้วยท่าทางแปลกประหลาด ยังรักษาสภาพของท่านั่งม้าไว้ เพียงแต่เธอกำลังปิดเข่าไว้ สีหน้าซีดเซียว กัดริมฝีปากบางด้วยความเจ็บปวด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”เซี่ยหยางกลอกตาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกได้ถึงไฟที่สุมอยู่ในอก
ตอนนี้บนตัวของเหอเสี่ยวหย่าสวมชุดน้อยชิ้น เสื้อกล้ามสั้น ปิดบังตรงหน้าอก กระโปรงสั้นลายตาราง และเพราะเหตุของท่าม้าที่ทำอยู่ จึงทำให้เซี่ยหยางเห็นในส่งที่ไม่ควรจะเห็น
“โอ้ย ขาของฉัน”เหอเสี่ยวหย่าที่พ่นลมหายใจเย็นยะเยือกออกมา พยายามลุกขึ้นยืนหลายครั้ง แต่กลับลุกไม่ขึ้นเลย เมื่อกี้เธอกำลังฝึกเล่นโยคะในห้อง ใครจะไปรู้ว่าขาจะลื่น จนทำให้มีสภาพแบบนี้ ดูท่าคงจะเท้าพลิกแน่เลย
เซี่ยหยางที่ไม่มีเวลามายืนชื่นชม รีบเข้าไปช่วยพยุงเหอเสี่ยวหย่าลุกขึ้น
เหอเสี่ยวหย่าที่แนบอยู่ที่อกกว้างของเขาทั้งตัว ดูท่าคงจะอาการหนัก เธอขมวดคิ้วอย่างไม่สบายตัว เดินขากะเผลก
รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นแล้วความหอมจากเธอ เซี่ยหยางรีบสงบสติอารมณ์ แล้วถามไปว่า“คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่าให้ผมดูหน่อยไหม?”
“อย่าขยับนะ อย่าขยับ ให้ฉันนั่งก่อน”เหอเสี่ยวหย่ารีบตะโกนขึ้นมา เธอซวยจริงๆ
เซี่ยหยางพอเธอมานั่ง ดูไปแล้วเธอจะเจ็บที่เท้า จึงไม่มีวิธีอื่น ตัวเองไม่ใช่หมอ จึงแนะนำให้เหอเสี่ยวหย่าไปหาหมอ แต่เหอเสี่ยวหย่ากลับส่ายหัวแล้วพูดว่า“ไม่ต้องหรอค่ะ ฉันกลัวการฉีดยากับกินยาน่ะค่ะ”
“คุณทำเกี่ยวกับเพาะปลูกยาสมุนไพรจีนไม่ใช่หรอ?ทำไมถึงกลัวสิ่งนี้ล่ะ?”เซี่ยหยางอดที่จะขำไม่ได้ เห็นเธอทรมานแบบนี้ จู่ๆก็นึกถึงน้ำในโลกแผ่นหยก ในเมื่อมันสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ ก็อาจจะรักษาอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน ขาของพ่อเขาดีขึ้นมาแล้วไม่ใช่หรอ?
“ฉันนวดสักพักก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”เหอเสี่ยวหย่าเจ็บจนน้ำตาแทบไหล
เซี่ยหยางให้เธอรออยู่ครู่หนึ่ง ลงไปเข้าห้องเพื่อตักน้ำ เป็นกังวลว่าเหอเสี่ยวหย่าจะสงสัย จึงใส่น้ำตาลทรายแดง ดูไปแล้วเหมือนกับเป็นยา เขายื่นมันให้กับเหอเสี่ยวหย่า“ดื่มซะ ดูสิว่าเป็นยังไงบ้าง?”
“นี่คือยาอะไรหรอ ฉันไม่อยากกินยานะ มันมีฤทธิ์ยังไงหรอคะ?”เหอเสี่ยวหย่าไม่เข้าใจ
“ให้คุณดื่มคุณก็ดื่มเถอะ อาจจะช่วยอะไรได้ รับรองว่าไม่ขมแน่นอน”เซี่ยหยางส่งไปตรงหน้าของเธออีกครั้ง
เหอเสี่ยวหย่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจัดการลองดื่มลงไป รับรู้ได้ถึงความสดชื่น มันซึมซาบเข้าไปในหัวใจ ดูเหมือนอวัยวะภายในถูกชำระล้างทั้งหมด เธอดื่มรวดเดียวจนหมด
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น ความเจ็บปวดตรงเท้าของเธอก็ดีขึ้นมามาก เหอเสี่ยวหย่าอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาอย่างตกใจ“นี่คือยาอะไรงั้นเหรอคะ ทำไมได้ผลขนาดนี้?”
“วิธีธรรมดาน่ะ ได้ผลก็พอแล้ว คุณพักผ่อนก่อนนะ”เซี่ยหยางพูดกลบเกลื่อน แล้วหันหลังเดินจากไป
“คุณจะไปไหนน่ะ?ฉันไปกับคุณด้วย”เหอเสี่ยวหย่าเรียก
“ไปปลูกผักน่ะสิ ล็อตก่อนหน้านั้นขายจนหมดแล้ว คุณไม่ไหวก็อย่าไปเลย”เซี่ยหยางรู้ดีว่าเหอเสี่ยวหย่าคิดอะไรอยู่ ทุกครั้งที่ตนเองออกไป เธอจะขอตามไปทุกครั้ง เพื่อตามหาความลับของตนเองเพียงเท่านั้น
“คุณเตรียมจะปลูกอะไรน่ะ?”เหอเสี่ยวหย่าถาม
เซี่ยหยางเกาหัวแกรกๆพูด“ผมยังไม่ได้คิดเลย คุณให้คำแนะนำผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“พวกแตงโมกับผักก่อนหน้านั้น ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?”
“ดีน่ะมันดีอยู่แล้ว เรื่องตลาดก็ไม่ต้องกังวล แต่ผมอยากปลูกอะไรที่มันได้กำไรมากกว่านี้น่ะ”เซี่ยหยางอธิบาย
เหอเสี่ยวหย่าครุ่นคิด แล้วพูดว่า“ถ้าคุณไม่พอใจ สามารถปลูกสตรอว์เบอร์รีกับเชอรี่ได้นิ่ แต่ผลแบบนี้เพาะปลูกไม่ง่ายเลย ผลผลิตก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ตอนนี้ตามท้องตลาดมีหลากหลายสายพันธุ์ ไม่สามารถรับประกันความเสี่ยงได้”
“ไร่เพาะปลูกของคุณมีเมล็ดพันธุ์แบบนี้ไหม?”เซี่ยหยางถาม
“มีน่ะมันมี แต่เป็นพันธุ์ธรรมดา ถ้าคุณจะปลูก คุณไปหาปลูกพันธุ์ใหม่กลับมา แบบนี้ผลกำไรจะสูงกว่า”เหอเสี่ยวหย่าแนะนำ
ในเวลานี้สมองของเซี่ยหยางเกิดความคิดแวบเข้ามา จู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เลยบอกให้เหอเสี่ยวหย่ารอสักครู่ เขาวิ่งลงชั้นล่างกลับเข้าห้องไป
เซี่ยหยางเข้าไปในโลกแผ่นหยก เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้ไปขุดสตรอว์เบอร์รีป่ามาจากทุ่ง ผ่านไปช่วงหนึ่งแล้ว พอเขาเห็นภาพแดงสดเต็มไปหมดทั้งทุ่ง เขาจึงรู้สึกมีความสุขมาก
ต้นสตรอว์เบอร์รีส่วนใหญ่มีความสูงแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น แต่ต้นสตรอว์เบอร์รีในนี้กลับสูงได้ถึงเกือบหนึ่งเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งสตรอว์เบอร์รีที่อยู่บนยอดก็มีขนาดเท่ากับลูกแอปเปิล สีแดงสดช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก