เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 49
“คืออบบนี้นะ……”จางหม่าจื่อเล่าให้เขาฟังทั้งหมด และพูดว่า“เรื่องที่ผมรู้ก็บอกคุณไปหมดแล้วเถ้าแก่เซี่ย ต่อไปผมควรจะทำยังไงต่อไปดี?”
“ง่ายมาก นายไปทำ……”เซี่ยหยางมอบหมายเสร็จสรรพ ก็พูดย้ำอีกครั้งว่า“จำได้รึยัง?”
“จำได้แล้วครับ เถ้าแก่เซี่ย”จางหม่าจื่อกลับไม่ได้คิดอยากจะเดินออกไป ดูเหมือนจะลังเลอยู่ เขาพูดพึมพำออกมาว่า“เถ้าแก่เซี่ยครับ เรื่องนี้ถ้าทำสำเร็จ คุณจะปล่อยผมไปไหมครับ?”
“แน่นอน ฉันยังมีรางวัลให้นายอีกด้วย ถึงเวลานั้นยังมีเรื่องให้นายทำอีกด้วย นายสามารถใช้ชีวิตอยู่กับเสี่ยวชุ่ยเมียของนาย”เซี่ยหยางยิ้มๆ แล้วหันกลับมาพูดอีกว่า“แต่ถ้าเรื่องนี้ทำพลาด นายคงรู้นิสับยฉันดีนะ”
จางหม่าจื่อตกใจจนตัวสั่นเทา จึงยิ้มแห้งๆแล้วพูดไปว่า“เถ้าแก่เซี่ย ถึงคุณจะให้ความกล้าผมมาหนึ่งร้อย ผมก็ไม่กล้าทำพลาดหรอกครับ คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน”
“ได้ นายไปเถอะ ฉันจะรอข่าวดีจากนายนะ” เซี่ยหยางโบกมือ และยังเอาบุหรี่ให้จางหม่าจื่อหนึ่งม้วน
มองดูจางหม่าจื่อเดินจากไป เซี่ยหยางก็แอบกำหมัดแน่น พวกคนในหมู่บ้านที่อิจฉาตาร้อนเขา เป็นก้อนหินค่อยทิ่มเท้าของตนเองมาโดยตลอด ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่โอกาสนี้โจมตี ในภายภาคหน้าจะต้องเกิดเรื่องอันตรายอะไรขึ้นแน่
มันผู้ใดไม่รุกรานฉัน ฉันก็ไม่รุกรานมันผู้ใด ฉันเซี่ยหยางเป็นคนที่ใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น คอยดูเถอะ
แสงตะวันสุดท้ายลับขอบเขา ค่ำคืนย่างกรายคืบคลานเข้ามาภายในหมู่บ้าน ชายชราในหมู่บ้านต่างพากันแยกย้ายกลับบ้าน เหล่าผู้หญิงก็ยุ่งกับการทำกับข้าว ควันลอยออกมาอย่างคละคลุ้งเต็มไปหมด มีเสียงวัวเสียงแกะและเสียงหมาหอนดังลอดออกมาบ้างในบางจังหวะ
“พี่เฉียง ผมคุยกับพี่เรื่องหนึ่งสิ”จางหม่าจื่อพยุงเฉียงจื่อที่ดื่มจนเมาแล้วเดินเซไปเซมา พวกเขาเดินออกมาจากบ้านของจางฝู้กุ้ย แล้วกระซิบข้างหูของเขาหนึ่งประโยค
“พูดอะไรวะ เรื่องอะไร?”เฉียงจื่อเรอหนึ่งครั้ง ใบหน้าแดงก่ำ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ จางฝู้กุ้ยไม่ได้บอกกับพี่งั้นเหรอ?”จางหม่าจื่อแสร้งทำเป็นตกใจ
เฉียงจื่อพูดอย่างไม่มีสติ“พูดอะไรวะ อย่ามาเล่นลิ้นกับกูนะเว้ย”
จางหม่าจื่อหัวเราะอิๆ แล้วพูดเสียงเบา“เศรษฐีคนนี้ให้พวกเราจัดการเรื่องหนึ่งน่ะพี่ ถ้าทำสำเร็จ จะมีรางวัลให้”
“ตอแหล เขาพูดกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่ยักรู้?”จางจื่อพูดอย่างมึนงง
“ผมโกหกพี่ทำหอกอะไรเล่า พี่ดูสินี่คืออะไร?”จางหม่าจื่อพูดพลางหยิบเงินเป็นฟ่อนออกมาจากในกระเป๋า แล้วสะบัดไปมาหน้าเฉียงจื่อ
“แม่งเอ้ย เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้ห้ะ?”เฉียงจื่อตาลุกวาวทันที ยื่นมือไปหมายจะจับ
จางหม่าจื่อจึงชักกลับ แล้วพูดว่า“รีบร้อนทำไม จางฝู้หุ้ยบอกว่า กูแซ่เดียวกับเขา เลยแบ่งให้เยอะหน่อย พี่ช่วยก็พอแล้ว”
“ตอแหล แซ่เดียวกันแล้วยังไง แม่งเอ้ยกูกับมันเป็นเพื่อนกันมานานเท่าไหร่?เอามาแบ่งกับกูให้เท่าๆกันเลยนะเว่ย”เฉียงจื่อที่จะเข้าไปแย่งมา
จางหม่าจื่อผลักเขาออกไป แล้วพูดอย่างโกรธ“รีบทำไมวะ เรื่องนี้ถ้าทำสำเร็จ มีส่วนของนายแน่ๆ”
“เรื่องอะไร รีบพูดมา”เฉียงจื่อพ่นลมหายใจด้วยความโกรธ เขาร้อนใจมาก
จางหม่าจื่อจึงเล่าเรื่อง และพูดอีกว่า“เข้าใจรึยัง?”
เฉียงจื่อถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่บริเวณรอบๆอย่างกังวล แล้วได้สติไม่น้อย เขาพูดอย่างตื่นตระหนกว่า“ทำไมหรอ?ถ้าเรื่องนี้ทำพลาดขึ้นมาล่ะ”
“ทำไม พี่กลัวหรอ ถ้าพี่ไม่กูไปเองก็ได้วะ เงินนี้ก็จะเป็นของผมทั้งหมด”จางหม่าจื่อพูดพลางจะเดินจากไป
เฉียงจื่อจึงรีบดึงตัวเขาไว้ แล้วพูดออกไปว่า“กูเนี่ยนะกลัว ไปตอนนี้เนี่ยแหละ แกดูลาดเลา เงินนี่แกต้องแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่ง”
“พี่บอกแล้วนะ พี่มั่นใจรึเปล่าเนี่ย?”จางหม่าจื่อพูด
“แกพูดอะไรวะ เรื่องแค่นี้เนี่ยนะกูจะทำไม่สำเร็จ มึงรอดูกูเถอะ”เฉียงจื่อพูดพลางหยิบเงินไป แล้วดึงส่วนของตัวเองมาครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งค่อยส่งคืนให้จางหม่าจื่อ
จางหม่าจื่อพูดพึมพำ“แม่งเอ้ย รู้แบบนี้ไม่บอกกับพี่ก็ดี”
“เลิกเซ้าซี้น่ะ เรื่องนี้ กูมีประสบการณ์กว่ามึงเยอะ”เฉียงจื่อนับเงินของ แล้วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
บรรยากาศของตอนกลางคืนประมาณสองสามทุ่ม ชาวบ้านส่วนมากปิดประตูเข้าบ้านหมดแล้ว กำลังล้อมดูโทรทัศน์กันอยู่ ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้เลยว่า มีเงาของคนสองคนกำลังมุ่งตรงไปยังแปลงผักของหมู่บ้าน
พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น คือจางหม่าจื่อกับเฉียงจื่อ ทั้งสองด้อมๆมองๆ เดินย่องเข้าไปในแปลงผัก มองตรงไปยังพืชผลที่อยู่ในแปลงผักเหล่านั้น แล้วถูกมือถูกคอชำเลืองมองไปยังรอบๆบริเวณ
“เร็วเข้า เดี๋ยวก็ถูกคนเจอเข้าหรอก”จางหม่าจื่อเร่งเสียงเบา
ในมือของเฉียงจื่อหยิบยาหลายขวดออกมา นี่เป็นยาฆ่าแมลงที่มีฤทธิ์ร้ายแรง ในเวลาปกติฉีดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถทำให้หญิงบนพื้นตายไปจนหมด ถ้าหากเกษตรกรใช้ฆ่าแมลงแล้วล่ะก็ ต้องใช้ผสมน้ำในปริมาณที่น้อยมากๆ แต่เฉียงจื่อกลับเทลงไปในอุปกรณ์ที่ใช้ฉีด สวมหน้ากาก แล้วเดินลงไปในแปลงผักอย่างระมัดระวัง
ในตอนที่กำลังจะฉีดพ่นยาฆ่าแมลงไปนั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงของจางหม่าจื่อร้องเรียก“ซวยแล้ว มีคนมาแล้ว เร็วเข้าสิโว้ย”
เฉียงจื่อที่ตกใจมาก รีบหันหลังกลับมา มองเห็นไฟฉายกำลังส่องเข้ามาพอดี แสงไฟครอบตัวเขาไว้พอดี เงาที่อยู่หลังไฟฉาย มันคุ้นมาก
แย่แล้ว ดูเหมือนจะคือเซี่ยหยาง ภายใต้ความร้อนรนของเฉียงจื่อ เขารีบวิ่งซอยเท้าไปหลายก้าว แต่แล้วก็สะดุดล้มเข้าไปในร่องน้ำพอดี เขาหดหัวแล้วม้วนตัว กุมหัวไว้ หัวใจของเขาเต้นรัวแรง ภาวนาไม่ให้ถูกเซี่ยหยางพบเข้า
“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ หยุดนะ”เซี่ยหยางตะโกน
จางหม่าจื่อหันหลังมาอยากจะวิ่งหนี แต่ถูกเซี่ยหยางเรียกไว้เสียก่อน ทั้งสองมองสบตากัน จางหม่าจื่อรีบตะโกน“เถ้าแก่เซี่ย ผมเอง ปล่อยผมไปเถอะนะ”
“แกฝันไปเถอะ กล้ามาวุ่นวายในทุ่งของฉัน วันนี้แกตายแน่”เซี่ยหยางพูดพลางส่งสายตาให้จางหม่าจื่อ แล้วจากนั้นก็เอาถังมาตีไปมาเสียงดัง
“โอ้ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว เถ้าแก่เซี่ยอย่ากระทืบผมเลย”จางหม่าจื่อแสร้งทำเป็นร้องโหยหวนเสียงดัง
“ใครใช้ให้แกทำอะไรไม่คิด ฉันจะกระทืบแกให้ตาย บอกมา ยังมีใครร่วมมือกับแก?”เซี่ยหยางพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
จางหม่าจื่อรีบส่ายหัวแล้วพูด“ไม่มีครับ ผมทำคนเดียว”
“จริงหรอ?เหมือนจะไม่มีคนแล้วนะ”เซี่ยหยางใช้ไฟฉายกวาดส่อง เขารู้นานแล้วว่าเฉียงจื่อซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น ถึงไม่ต้องใช้ไฟฉายส่องก็ตาม ด้วยสายตาที่เหนือธรรมชาติในปัจจุบันของเขา เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน มันไม่ค่อยต่างจากเวลากลางวันเท่าไหร่นัก นี่เป็นผลพวงมาจากโลกแผ่นหยก
เฉียงจื่อที่หัวใจกำลังเต้นรัว ยาฆ่าแมลงที่อยู่ในมือฉุนมาก เขาสวมหน้ากากไม่กล้าขยับตัวไปไหน แทบจะอึดอัดตายอยู่แล้ว หลังจากที่เขาได้ยินเสียงของเซี่ยหยางกับจางหม่าจื่อพูดคุยกันแล้ว เขารู้สึกว่าโชคดีมาก ดูท่าจางหม่าจื่อจะภักดีมาก ในช่วงเวลาอันตรายแบบนี้กลับไม่ได้ทรยศตัวเอง
เฉียงจื่อหวังว่าเซี่ยหยางจะไปเร็วๆ แต่เซี่ยหยางกลับไม่มีทีท่าว่าจะจากไปไหน เขาบอกให้จางหม่าจื่อเฝ้าอยู่ตรงนั้น เขาไปหยิบพลั่วมาหนึ่งอัน แล้วเริ่มขุดบริเวณรอบๆตัวของเฉียงจื่อ
“เถ้าแก่เซี่ย จะทำอะไรน่ะ?”จางหม่าจื่อตะโกนเรียก
“พรวนดินน่ะสิ ตอนกลางคืนไม่มีอะไรทำ แกอย่าพูดมาก ยืนให้ดี เดี๋ยวฉันจะส่งแกกลับหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านทุกคนดูความชั่วของแก”
เสียงของเซี่ยหยางพูดจบ ก็จัดการใช้พลั่วขุดดินโยนใส่เฉียงจื่อ
เฉียงจื่อที่ร้อนใจจนไม่ไหว แต่เขายังสามารถทนได้ ในใจของเขากำลังด่าเซี่ยหยางว่าบ้าประสาท กลางค่ำกลางคืนไม่หลับไม่นอน มาพรวนดินทำบ้าอะไรเนี่ย
แต่ด่าส่วนด่า สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงนั่นก็คือ ท่าทางมือของเซี่ยหยางรวดเร็วมาก ดินกระเด็นไปมาไม่หยุด มองดูอีกไม่นานเฉียงจื่อก็จะถูกดินถมทับแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะทำให้เขาตายทั้งเป็น
ในที่สุดเฉียงจื่อก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขากระโดดขึ้นมา แล้ววิ่งหนีไปทันที
“เอ๋ ทำไมมีสัตว์อยู่ในนี้หนึ่งตัวนะ?”เซี่ยหยางพุ่งตัวเข้าไปทันที ใช้พลั่วเขวี้ยงใส่ขาของเฉียงจื่อ เฉียงจื่อร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แล้วหกล้มขะมำลงกับพื้น แขนขาชี้ฟ้า
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน กล้ามาขโมยของของฉันกิน ฉันจะเอาแกให้ตาย”เซี่ยหยางที่ตะโกนด่าไปด้วยขู่ไปด้วย เงื้อพลั่วขึ้น
“หยุดตีได้แล้ว ฉันไม่ใช่สัตว์นะเว่ย ฉันเอง”เฉียงจื่อกุมหัวไว้ แล้วเริ่มพูดอ้อนวอนขอร้อง รีบดึงหน้ากากของตัวเองออกเพื่อให้เซี่หยางดู
เซี่ยหยางใช้ไฟฉายส่องไปมา แล้วเหวี่ยงฝ่ามือออกไป พูดอย่างกราดเกรี้ยว“ไอ้เฉียงจื่อ ช่างกล้าจริงๆ กลับกล้าร่วมมือกับจางหม่าจื่อมาทำลายฉัน”
ในปากของเฉียงจื่อและทั้งร่างกายเต็มไปด้วยดินโคลน เขารีบบ้วนดินออกมา แล้วพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“ฉันไม่ได้ทำนะ ฉันแค่เดินผ่านเฉยๆ ฉันเตรียมจะพ่นยาฆ่าแมลงในแปลงผักของฉันต่างหาก”
“งั้นแกมาที่แปลงผักของฉันทำไม แกคิดว่าฉันตาบอดรึไงห้ะ?”เซี่ยหยางพูดพลางหัวเราะขึ้นมา ส่งเท่าถีบออกไป เฉียงจื่อถึงกับล้มไปกับพื้นอีกครั้ง เขาถือพลั่วขึ้นมาหมายจะสับลงไป
“อย่านะ ฉันยอมรับก็ได้ ทำไมแกถึงไม่ซ้อมจางหม่าจื่อห้ะ?”เฉียงจื่อที่มองดูจางหม่าจื่อที่ยืนอยู่ไม่ไกล รู้สึกไม่ยุติธรรม
“ใครใช้ให้แกหนีล่ะ กลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้”เซี่ยหยางเหมือนหิ้วลูกไก่ก็ไม่ปาน มือหนึ่งจับเฉียงจื่อไว้ อีกมือหิ้วจางหม่าจื่อไว้ เดินไปที่คันทุ่ง แต่กลับยืนมั่นคงมาก เขาตะโกนออกไปว่า“ทุกคนรีบเข้ามาดูเร็วเข้า จับหัวขโมยได้แล้ว……”
การตะโกนแหกปากนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ แต่มันทำให้หญิงชายลูกเล็กเด็กแดงในหมู่บ้านได้ยินจนหมด เสียงของเซี่ยหยางเหมือนแผ่นดินสั่นไหว แทบจะไม่ด้อยไปกว่าเสียงประกาศโทรโข่งของหมู่บ้านเลย จางหม่าจื่อกับเฉียงจื่อที่อยู่ข้างๆปิดหูด้วยใบหน้าเจ็บปวด
ผ่านไปไม่นานก็มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อย ทุกคนก็หยิบจอบเสียมออกมา พุ่งตัวออกมาอย่างกลโหนวุ่นวาย
เฉียงจื่อถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก เขาพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด“ถะ เถ้าแก่เซี่ย ทำไมต้องลำบากขนาดนี้ด้วย?”
“เห้อ ฉันคิดไม่ถึงว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้ กลัวแค่ว่าพวกเขาจะกระทืบแกให้ตาย แกรีบหนีไปซะเถอะ”เซี่ยหยางผลักเฉียงจื่อ
เฉียงจื่อที่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาไม่อาจคิดอะไรมากในตอนนี้ เขาวิ่งหนีไปทันที
“ขโมยอยู่ไหน?”ชาวบ้านรีบมาถามไถ่ พวกเขาเกลียดหัวขโมยมาก ต่างพากันโกรธเกรี้ยว
“วิ่งไปทางนั้นแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้ตามไป”เซี่ยหยางยื่นมือชี้ไปทางที่เฉียงจื่อวิ่งหนีหายไป แล้วมองสบตากับจางหม่าจื่อที่อยู่ข้างๆ แล้วหัวเราะ
จางหม่าจื่อหัวเราะไม่ออก เขามองเซี่ยหยางด้วยความหวาดกลัว แอบคิดว่าตัวเองโชคยังดีที่กลับตัวกลับใจแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องลงเอยแบบเฉียงจื่อเป็นแน่
ผ่านไปไม่นาน เฉียงจื่อที่วิ่งไปริมแม่น้ำ กำลังคิดอยากจะกระโดดลงไป กลับถูกชาวบ้านรูปร่างใหญ่หลายคนเข้าจับตัวไว้ แล้วกดตัวเขาลงกับพื้น เริ่มทำการกระทืบเขา เดิมทีมันมืดมากอยู่แล้ว ไม่มีใครสนใจอะไรมากนัก ชาวบ้านเข้าร่วมจำนวนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ใช้อุปกรณ์อาวุธมากมายรุมเข้ามาทำร้ายเฉียงจื่อ
เฉียงจื่อที่ถูกกระทืบจนปางตาย ตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด“หยุดตีได้แล้ว ขอร้องล่ะ ฉันคือเฉียงจื่อเอง พวกแกแหกตาดูดีๆสิ”
“เอ๋?เหมือนจะเป็นเฉียงจื่อจริงๆด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”เหล่าชาวบ้านพากันใช้ไฟฉายส่องไป และอดที่จะมึนงงไม่ได้
แต่เฉียงจื่อในเวลานี้จมูกใบหน้าเขียวช้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดไหลออกมาเต็มไปหมด สะอึกสะอื้นนอนลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แทบจะเหมือนคนตายเลย
“ที่แท้ก็คือเฉียงจื่อนี่เอง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแก ทำไมแกถึงมาขโมยของในไร่ห้ะ?”เซี่ยหยางแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เดินเข้ามา และส่ายหน้าอย่างเสียดาย
เฉียงจื่อที่ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขามองไปที่เหล่าชาวบ้านที่ท่าทีโกรธเกรี้ยว จึงไม่กล้าเอ่ยปาก ถ้าขืนพูดอะไรผิดไป ต้องโดนกระทืบอีกแน่
“เถ้าแก่เซี่ย ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ขโมยของทำลายข้าวของเป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว นายว่าจะจัดการยังไงกับเฉียงจื่อดี?”ชาวบ้านเอ่ยถาม
“เอามันไปขังก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน รบกวนทุกคนหน่อยนะครับ”เซี่ยหยางกล่าวยังเกรงใจ
“เกรงใจพวกเราทำไม คนแบบนี้สมควรตีให้ตาย นายปลูกในไร่ของพวกเรา พวกเราได้รับประโยชน์ไม่ใช่น้อย เราเกลียดหัวขโมยที่สุดเลย คิดไม่ถึงว่าเฉียงจื่อจะเป็นคนแบบนี้……”พวกชาวบ้านต่างพากันกล่าวโทษ เฉียงจื่อม้วนตัวอยู่ตรงนั้น ถูกคนหิ้วกลับหมู่บ้าน