เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 50
หลังจากที่ชาวบ้านแยกย้ายกันไปแล้ว เซี่ยหยางก็ขังเฉียงจื่อกับจางหม่าจื่อ เขาให้เอ้อนิ้วเฝ้าอยู่ด้านนอก เขาเข้ามาถีบไปที่เฉียงจื่อหนึ่งครั้ง
เฉียงจื่อแทบจะเป็นจะตาย ตัวสั่นเทาไปทั้งตัว ม้วนตัวอยู่ตรงมุมห้อง แล้วพูดอย่างหวาดกลัว “แกจะทำอะไร?”
“แกว่าไงล่ะ บอกฉันมาสิ ว่าใครใช้ให้แกมาขโมยของในไร่ของฉัน?”เซี่ยหยางพูดอย่างโมโห
เฉียงจื่อมองดูจางหม่าจื่อ แล้วหดหัวพูดพึมพำว่า“ไม่มีใครใช้ทั้งนั้นแหละ ฉันมาของฉันเอง”
“ถึงขนาดนี้แล้วแกยังไม่พูดความจริงอีก?เมื่อกี้ถูกกระทืบไม่เจ็บใช่ไหม?”เซี่ยหยางพูดพลางเงื้อหมัดขึ้นมาจะทุบลงไป
เฉียงจื่อที่ตกใจจนตัวสั่น จางหม่าจื่อรีบขวางเซี่ยหยางไว้ แล้วพูดไปว่า“เถ้าแก่เซี่ยอย่าใจร้อนสิครับ ผมพูดก็ได้ จางฝู้กุ้ยสั่งให้พวกเราทำครับ”
“จางหม่าจื่อ ไอ้หมาเxดแม่งทำไมมึงอกตัญญูแบบนี้?”เฉียงจื่อพูดอย่างโหดเหี้ยม
“เฉียงจื่อ นี่มันเวลาไหนกันแล้ว เราอย่าฝืนอีกเลย ฉันไม่อยากถูกกระทืบเหมือนแกนะ”จางหม่าจื่อทำท่าทางหวาดกลัว
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคือจางฝู้กุ้ย พวกแกกล้าไม่เบาเลยนะ ตอนนี้มาตกอยู่ในกำมือของฉัน พรุ่งนี้ฉันจะส่งพวกแกไปสถานีตำรวจ แต่ก่อนที่จะส่งพวกแกไป ฉันจะสั่งสอนพวกแกก่อน”เซี่ยหยางเบิกตากว้าง แล้วทำสัญลักษณ์ให้ไปหยิบมีดอีโต้มา
เฉียงจื่อที่กลัวจนร้อนรนรีบพูดออกมาว่า“กะ แกจะทำอะไรห้ะ?”
“ตัดแขนขาของแกก่อนไง ใครใช้ให้มือเท้าของแกไม่สะอาดล่ะ หลังจากนั้นพวกแกก็จะต้องเข้าซังเต”เซี่ยหยางพูดพลางทำท่าจะสับลงไป
จางหม่าจื่อถึงกับตกใจ แล้วพูดขอร้องอ้อนวอน“เถ้าแก่เซี่ยครับ ผมยอมรับผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะนะครับ?”
เซี่ยหยางยิ้มอย่างเลือดเย็น“ปล่อยแกไปก็ได้ ขอแค่พวกแกพูดความจริงมา จางฝู้กุ้ยยังอยากจะทำอะไรฉัน ฉันก็จะปล่อยพวกแกไป”
“คือ ผมไม่รู้จริงๆ?”จางหม่าจื่อส่ายหัวไปมา แล้วผลักตัวเฉียงจื่อพลางพูดขึ้นมาว่า “แกรีบพูดซะสิ แกรู้ดีไม่ใช่หรอ แกยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปไหมห้ะ?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน แกหยุดถามได้แล้ว”เฉียงจื่อกอดศีรษะของตัวเองไว้ ตัดสินใจไม่พูดอะไร
จางหม่าจื่อส่งสายตาให้เซี่ยหยาง ดูเหมือนจะไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เซี่ยหยางที่ส่งสายตาให้กับจางหม่าจื่อ เป็นสัญลักษณ์ให้เขาทำตามแผนการเดิมที่วางไว้
“คิดดูดีๆนะ ฉันจะไม่รีบจัดการพวกแกหรอก พรุ่งนี้เช้าค่อยตัดระหว่างทางก็ได้”เซี่ยหยางเก็บมีดอีโต้ ปิดประตูกับเอ้อนิ้วแล้วเดินจากไป
จางหม่าจื่อที่มองดูด้านนอก แล้วผลักไปที่เฉียงจื่อพลางพูดขึ้นมาว่า“มึงก็จริงๆเลย มึงอยากให้กูตายใช่ไหม?”
“แกยังมีหน้ามาพูดอีกหรอ ใครใช้ให้แกทรยศจางฝู้กุ้ยห้ะ เขาดีกับแกไม่ใช่น้อยเลยนะเว่ย มึงยังอยากทำลายกูอีก”เฉียงจื่อไม่พอใจเป็นอย่างมาก
จางหม่าจื่อไม่คิดแบบนั้น เขาพูดว่า“แม่งเอ้ย เวลาไหนแล้ว แกยังปกป้องมันอีก ถึงยังไงกูก็ไม่อยากเสียมือไปหรอกนะ ยังจะถูกส่งเข้าซังเตอีก”
“ถึงแกจะกลัวตายยังไง ฉันก็ไม่เชื่อว่าเซี่ยหยางจะกล้าทำแบบนั้น”เฉียงจื่อพูดด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย
“ฉันไม่เคยเห็นคนโง่แบบแกมาก่อนเลย เมื่อกี้แกก็เห็นชาวบ้านพวกนั้นแล้วนิ่ ว่าน่ากลัวขนาดไหน ถ้ากูไม่ล้มแล้วหนีไม่ทัน คงจะต้องถูกไล่ตามแล้วมีสภาพแบบแกอย่างแน่นอน เซี่ยหยางทำได้ทุกอย่าง เขายังหนุ่มยังแน่น เราอย่าทำกับเขาแบบนี้เลย ฉันเดาว่าเรื่องนี้มันต้องแขวนไว้บนเส้นด้ายแน่ๆ แกรู้เรื่องของจางฝู้กุ้ยไม่ใช่หรอ แกบอกไปเถอะ’’จางหมื่นจื่อพูดเกลี้ยกล่อม
เฉียงจื่อเอนตัวพิงกับกำแพง แล้วหายใจอย่างหนักหน่วงพลางพูดว่า ฉันไม่ใช่คนอกตัญญูนะเว่ย ถ้าฉันพูดแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก จางฝู้กุ้ยก็ไม่มีทางปล่อยฉันไปหรอก“”
“ว่าแกโง่แกยังโง่จริงๆหรอเนี่ย ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ จางฝู้กุ้ยยังไม่เคยดูดำดูดีพวกเราเลย เขาไม่สนใจว่าพวกเราจะเป็นตายร้ายดียังไงหรอกนะ กลัวว่าจะมาพัวพันกับพวกเรา แกกลับยังปกป้องเขาอยู่อีก ถ้าฉันรู้เรื่องของเขา ฉันพูดไปตั้งนานแล้ว ถ้าฉันมีอันเป็นไปขึ้นมา ฉันจะขอโทษเสี่ยวชุ่ยของฉันยังไง”สีหน้าของจางหม่าจื่อเจ็บปวดมาก เขาถอนหายใจอย่างห้ามไม่ได้
“เมียแกแบบนั้นเนี่ย กูยังมีครอบครัวนะ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าไม่พอใจเซี่ยหยาง ฉันคงไม่ต้องพึ่งจางฝู้กุ้ยหรอก ประเด็นคือฉันกลัวว่าจางฝู้กุ้ยจะแก้แค้นฉันน่ะสิ”เฉียงจื่อพูดอย่างเป็นกังวล
“เอาแบบนี้ดีไหม เงินนั่นฉันเอาให้นายทั้งหมดเลย ฉันคิดว่าเซี่ยหยางไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก แกพูดเรื่องของจางฝู้กุ้ยไปเถอะ เขาอาจจะยอมปล่อยพวกเราออกไปก็ได้ ไม่อย่างนั้น พวกเราอาจจะต้องตายสถานเดียวก็เป็นได้”จางหม่าจื่อเริ่มพูดโน้มน้าวอีกครั้ง
เฉียงจื่อที่คิดหน้าพะวงหลัง รู้สึกว่ามีเหตุผลมีผล จึงพูดไปว่า“แกคิดว่าถ้าฉันพูดความจริงออกไป เซี่ยหยางจะปล่อยฉันไปไหม?”
“ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง แกลองคิดดูสิ ถ้าแกไม่พูดเราอาจจะโดนทรมานตายก็ได้ ยังจะส่งพวกเราไปที่สถานีตำรวจอีก ถ้าแกพูดไปเราอาจยังพอมีหวังเล็กน้อย แกไม่คิดถึงตัวเอง ก็คิดถึงครอบครัวของแกหน่อยสิ”จางหม่าจื่อค่อยๆพูดโน้มน้าว
เฉียงจื่อถึงกับเงียบไปในทันที เขาพยักหน้าอย่างตัดใจ และพูดอย่างไม่สมยอม“ได้ ฉันจะพูด แต่เงินของนายต้องเป็นของฉันทั้งหมดนะ”
“กูให้มึงตอนนี้เนี่ยแหละ”จางหม่าจื่อรีบล้วงเงินที่อยู่ตรงหน้าอกออกมา ความจริงแล้วนี่เป็นเงินที่เซี่ยหยางให้เขา แผนการเซี่ยหยางเป็นคนคิดทั้งหมด เซี่ยหยางรู้ดีว่าเฉียงจื่อเป็นคนดื้อด้านขนาดไหน ถ้าหากบีบบังคับเขาตรงๆ ต่อให้กระทืบให้ตายเขาก็ไม่ยอมบอกแน่
เพราะฉะนั้นถึงได้วางแผนจับเฉียงจื่อ หลังจากนั้นก็วางแผนซ้อนอีกครั้ง ให้จางหม่าจื่อเป็นคนพูดกล่อม ดูท่าเฉียงจื่อจะยอมแพ้แล้วจริงๆ
“เถ้าแก่เซี่ย เข้ามาเร็วเข้า”จางหม่าจื่อแอบดีใจ แบบนี้ ถือว่าตนเองหนีออกจากความยากลำบากได้เสียที เขาเอาแต่กลัวว่าเซี่ยหยางจะมาจัดการกับตนเอง ครั้งนี้สามารถพูดได้ว่าเขาได้ผลงานเลยล่ะ
ความจริงแล้วเซี่ยหยางฟังอยู่ข้างนอกตลอด เขารีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า“อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”
“ฉันพูดก็ได้ ฉันจะบอกนายไปทั้งหมด”เฉียงจื่อใช้สายตาสับสนมองไปที่เซี่ยหยาง แล้วพูด“แต่นายต้องรับปากฉันมาก่อน ว่าจะปล่อยฉันไป”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ฉันรับปากเอาตัวฉันเป็นประกันเลย”เซี่ยหยางพูดสัญญาอย่างหนักแน่น
เฉียงจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เล่าออกไปทั้งหมด……
“แค่นี้หรอ แน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกฉันน่ะ?”หลังจากที่เซี่ยหยางฟังเฉียงจื่อพูดจบ เขาก็สงสัยเล็กน้อย
“ฉันพูดไปหมดแล้ว นายรับปากแล้วว่าจะปล่อยพวกเราไป ต้องทำตามคำพูดด้วยนะ ถือซะว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของฉันกับพ่อแกด้วยเถอะ ปล่อยฉันไปได้ไหม?”เฉียงจื่อพูดอย่างน่าสงสาร
“ก็ได้ เอาแบบนี้ก็ได้ พวกแกไปได้ แต่ต้องรับปากฉันข้อหนึ่งก่อน”เซี่ยหยางพูดอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“เงื่อนไขอะไร อย่าว่าแต่หนึ่งข้อเลย กี่ข้อก็ได้”เฉียงจื่อพูดอย่างเกรงกลัว
เซี่ยหยางเลิกคิ้วขึ้น ทำสัญลักษณ์ให้เฉียงจื่อและจางหม่าจื่อเข้ามา เขากระซิบมอบหมายงานให้พวกเขา……
ในตอนเช้าของวันที่สอง เซี่ยหยางถูกปลุกด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายภายนอกของบ้าน พอออกไปดู ก็เห็นรถหลายคันจอดอยู่ที่ด้านนอกของฟาร์มสเตย์ มีคนกลุ่มหนึ่งถือไม้หน้าสามเดินพุ่งตรงเข้ามาอย่างดุดัน เห็นข้าวของก็ทำการทำลายทุบทิ้งทันที
เอ้อนิ้วกับพนักงานหลายคนรีบเข้าไปขัดขวาง แต่พวกเขามีจำนวนมากเกินไป ชายฉกรรจ์ท่าทางโหดเหี้ยม ทำการล้อมที่นี่ไว้อย่างหนาแน่น ดุดันก้าวร้าว พวกของเอ้อนิ้วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ผ่านไปไม่นานก็ถูกทำลายจนถอยออกไปหมด
“ทุบมันเลย ทุบให้แรง ไอ้เหี้ยเซี่ยหยาง มึงไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เขาเป็นเฮ่อเซ่าฉุนเถ้าแก่ของร้านกินทั่วเมือง ข้างกายของเขาคือเชฟเหลียน ทั้งสองจ้องมองด้วยความโกรธ โมโหจนควันออกหู
“ไอ้ลูกชาย พ่อมึงอยู่นี่ไง มาตอบแทนบุญคุณกูเหรอ?”เซี่ยหยางตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เดินออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“เซี่ยหยางไอ้หมาเxด ไอ้สิบแปดมงกุฎ วันนี้มึงซวยแน่ กระทืบมัน”เฮ่อเซ่าฉุนไม่พูดพร่ำทำเพลง ชี้ไปที่เซี่ยหยางพลางตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
ชายฉกรรจ์พวกนั้นไม่เกรงใจอีก รีบล้อมตัวเซี่ยหยางไว้ ชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างมามุ่งดูด้วยความสนใจ มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกโกรธมาก ต่างแสดงออกว่าไม่พอใจ อยากจะเข้ามาช่วย
“พี่หยาง สู้กับพวกมันเลย เดี๋ยวผมช่วยพี่เอง”เอ้อนิ้วยกเก้าอี้สองตัวขึ้นมา แล้วพุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่พอใจ
“พวกแกถอยไปเถอะ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”เซี่ยหยางไม่อยากให้คนที่ไม่รู้เรื่องบาดเจ็บ เขารู้ดีว่าเรื่องของวันนี้ต้องมีการหักหน้ากันอย่างแน่นอน ดูสีหน้าของเฮ่อเซ่าฉุนกับเชฟเหลียนที่โกรธจนหน้าเหมือนตับหมู เขารู้ดีว่าแผนการของตัวเองสำเร็จแล้ว
“ช่างกล้าจริงๆ เซี่ยหยาง วันนี้แกต้องจบลงที่ตรงนี้ ฉันจะกระทืบแก ต่อหน้าคนพวกนี้ ดูสิว่าต่อไปแกยังจะกล้าอวดดีจองหองแบบนี้อีกไหม”เฮ่อเซ่าฉุนด่ากราด กระทืบเท้าราวกับฟ้าผ่า
เซี่ยหยางที่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร จึงพูดอย่างหน้าชื่นตาบานไปว่า“ผมว่านะเถ้าแก่เฮ่อ เรื่องอะไรน่ะที่ทำให้คุณโกรธขนาดนี้ อย่าน้อยคุณก็น่าจะอธิบายให้ผมฟังก่อนนะ ถึงจะเอาชีวิตผมก็ตามเถอะ คงต้องพูดเหตุผลมาก่อนก็ได้มั้ง?”
“แกอยากจะรู้เหตุผล ได้ ฉันจะให้แกตายอย่างเลื่อมใสสุดจิตสุดใจ”เฮ่อเซ่าฉุนกัดฟันกรอด กำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เชฟเหลียนที่อยู่ข้างๆก็อดพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้
“เซี่ยหยาง แกกำลังจะตายอยู่รอมร่อยังจะตอแหลอยู่อีก ผลผลิตทางการเกษตรที่แกขายให้พวกเราครั้งก่อน แกพูดอะไรไว้ แกบอกว่าขายทุกอย่างให้เราแล้ว ตอนนั้นแกยังเซ็นสัญญาด้วย คิดไม่ถึงว่าแกจะหลอกพวกเรา ยังตั้งใจขึ้นราคาอีก แกเดินมาถึงขั้นนี้ได้ถือว่าแกฉลาดมาก”เชฟเหลียนพูดอย่างโมโห
เฮ่อเซ่าฉุนโกรธจัด เขาพูดต่ออีกว่า“ใช่แล้ว แกแอบขายผักผลไม้ให้กับร้านฝูหมั่นโหลวของเฉินเจียลับหลังฉัน เมนูในภัตตาคารของหล่อนถูกกว่าพวกเรามาก จนทำให้แขกหนีไปกินอาหารที่เธอจนหมด เมนูอาหารของพวกเราไม่มีคนถามหาเลย และได้เน่าเสียไปจนหมด จนทำให้เสียหายอย่างหนัก วันนี้ไม่เพียงแค่แกต้องชดใช้ ยังต้องคืนเงินฉันอีกด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะพังที่นี่ให้หน้ามือเป็นหลังมือเลย”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นขออภัยนะครับ ผมไม่รู้ว่าประธานเฮ่อเสียหายไปเท่าไหร่?”เซี่ยหยางพูดอย่างใจเย็น พลางจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ด้วยท่าทีมองดูความฉิบหายของผู้อื่นอย่างมีความสุข
“เสียหายหนักมาก ขายแกยังคืนไม่ได้เลย”เฮ่อเซ่าฉุนโมโหสุดๆ ต้องรู้ว่าครั้งนี้ลำพังแค่ซื้อผักผลไม้ของเซี่ยหยางไปเขาใช้เงินร่วมหนึ่งล้านกว่า ในตอนแรกเขาคิดว่าจะสามารถสร้างกำไรได้ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าราคาของร้านฝูหมั่นโหลวที่ออกมา ถึงแม้แตงโมจะเหมือนกัน ผักอื่นจะเหมือนกัน แต่กลับถูกกว่าร้านกินทั่วเมืองมาก
ลูกค้าไม่ได้โง่นะ เมนูอาหารเหมือนกัน ราคาของร้านฝูหมั่นโหลวกลับถูกกว่ามาก แน่นอนว่าต้องเลือกกินร้านฝูหมั่นโหลวอยู่แล้ว และกิจการของร้านกินทั่วเมือง จึงสามารถพูดได้ว่าเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน มันช่างเปล่าเปลี่ยวและน่าสังเวชมาก
จากสมองของเฮ่อเซ่าฉุนแล้ว เขาเข้าใจได้ในทันที นี่คือแผนการของเซี่ยหยาง เขามองดูผักผลไม้พวกนั้นเน่าเสียลงไปเรื่อยๆ เขาร้อนใจจนเหงื่อแตก ต้องรู้ว่าของพวกนี้ยิ่งสดเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อเป็นการกู้คืนความสูญเสียกลับมาเล็กน้อย เขาถูกบีบบังคับจนไม่สามารถทำอะไรได้ เฮ่อเซ่าฉุนเลือกที่ขายออกไปในราคาถูก
เดิมทีเขาคิดว่าแขกจะกลับมาบ้าง ใครจะไปรู้ว่าร้านฝูหมั่นโหลวจะโปรโมทเมนูอาหารพิเศษจำพวกปลาออกมาอีก ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังมีกุ้งแก้ว รสชาติของกุ้งแก้วเลิศรสมาก ผ่านการโฆษณาออกไป จึงทำให้กิจการเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นมาอีก
ต่อให้เมนูของร้านกินทั่วเมืองจะถูกขนาดไหน ก็ไม่มีคนมากิน บวกกับเรื่องเหตุผลของอากาศ ทำให้ของไม่สดใหม่ จึงทำได้เพียงแค่ขายในราคาถูกออกไป นอกจากทิ้งส่วนที่เสียไปบ้างแล้ว ก็เอาของไม่สดแจกให้คนอื่นไป
พอคำนวณไปคำนวณมา นอกจากเงินค่าจ้างของพนักงานแล้ว เฮ่อเซ่าฉุนยังขาดทุนไปหนึ่งล้านเต็มๆ
ทั้งหมดหนึ่งล้านเต็มๆ หัวใจของเฮ่อเซ่าฉุนหลั่งรินเป็นสายเลือด มองดูชื่อเสียงของร้านฝูหมั่นโหลวโด่งดังขึ้นมาเรื่อยๆ เขาอิจฉามาก ภายใต้ความโกรธเขาจึงสั่งให้เชฟเหลียนไปเรียกคนมา แล้วมุ่งตรงไปยังบ้านของเซี่ยหยาง เขาต้องแก้แค้นเซี่ยหยางให้สาสม
พอคิดมาถึงตรงนี้ เฮ่อเซ่าฉุนก็จ้องมองไปที่เซี่ยหยาง แทบจะอยากฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้นๆ เขาตะโกนด่าออกไปว่า“วันนี้ไม่ว่ายังไง เราจะต้องสะสางบัญชีกัน ถึงแกจะมีปีกก็หนีไปไหนไม่ได้”