เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 51
“ไม่รู้ว่าประธานเฮ่อจะคิดบัญชียังไง?จะใช้กำลังอย่างงั้นเหรอ?”เซี่ยหยางที่เตรียมการไว้นานแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องที่ฟาร์มสเตย์ขึ้น เขาก็รอวันนี้มาถึงเนี่ยแหละ
เฮ่อเซ่าฉุนปั้นหน้า แล้วพูดอย่างเยือกเย็น“งั้นก็ชดใช้ค่าเสียหายให้กับฉันมา ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะจัดการแกที่นี่แหละ แกเลือกเอง”
“ถ้าผมไม่เลือกล่ะ จะทำอะไรงั้นเหรอ?”เซี่ยหยางพูดอย่างเมินเฉย
เชฟเหลียนพูดอย่างโมโห“เถ้าแก่เฮ่อ เสียเวลาพูดกับมันทำไม ไอ้หมอนี่กวนประสาทขนาดนั้น จองหองเกินไปแล้ว วันนี้ไม่เพียงแค่จะถล่มไอ้ที่บ้าๆนี่ให้ราบคาบ ยังจะทำให้ไอ้หมอนี่คืนเงินกลับมาให้ได้”
“เอาตามนี้ พวกแกยังรออะไรอยู่อีก?”เฮ่อเซ่าฉุนจ้องมองเซี่ยหยางด้วยสายตาเย็นชา และวโบกมือให้กับชายฉกรรจ์พวกนั้น
ชายฉกรรจ์พวกนั้นเป็นคนที่เฮ่อเซ่าฉุนใช้เงินจ้างมา ปกติคนพวกนี้ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว อาศัยรับจ้างทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เรื่องการชกต่อยเป็นเรื่องชีวิตประจำวันไปแล้ว
คราวนี้พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ท่าทีกระตือรือร้น ไม่เห็นเซี่ยหยางอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ทำตามคำสั่งของเฮ่อเซ่าฉุน พุ่งตรงไปยังเซี่ยหยางอย่างดุดัน
เสียงปึ้งดังขึ้นมาอย่างสนั่น ไม่ทันได้เห็นเซี่ยหยางลงมือด้วยซ้ำ ชายฉกรรจ์ที่พุ่งตรงเข้ามาคนหนึ่งกระเด็นลอยออกไป ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหลังยังไม่ทันรู้สึกตัว คนหลายคนที่อยู่ข้างหน้าไม่รู้ว่าทำยังไงถึงได้ล้มระเนระนาด
เห็นเงาของเซี่ยหยางเคลื่อนไหวอีกที คนก็ย้ายมาอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว เหมือนเขาจะสะบัดแขนอย่างไม่ได้ตั้งใจอะไรมาก เสียงดังเพี๊ยะ ชายฉกรรจ์ทั้งกลุ่มก็ล้มลงกองกับพื้นตามกันทันที หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
มองดูคนนอนล้มอยู่บนพื้น เซี่ยหยางถูมือไปมา ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เขาแสยะยิ้มพลางพูดขึ้นมาว่า“นี่น่ะเหรอสิ่งที่คุณบอกว่าจะจัดการนะ?ยังมีคนที่เก่งกว่านี้อีกไหม?”
“นะ นี่มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย?”เฮ่อเซ่าฉุนอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ เชฟเหลียนรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่หยาง พี่สุดยอดไปเลย เก่งกว่าฉันอีก”เอ้อนิ้วมองดูอย่างอ้าปากตาค้าง แน่นอนว่า ชาวบ้านจำนวนมากต่างพากันปรบมืออย่างชื่นชม จากนั้นพวกเขาก็พากันตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันไปว่า“ไสหัวออกไปจากหมู่บ้านของเราซะ……”
เฮ่อเซ่าฉุนกับเชฟเหลียนที่ยังมีท่าทีได้ใจเมื่อครู่ คราวนี้พวกเขาไม่มีที่พึ่งอีกต่อไป สีหน้าของพวกเขาแย่มาก
“เซี่ยหยาง ถือว่าแก่เหี้ยมจริงๆ ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกเราไป”เฮ่อเซ่าฉุนรู้ดีว่าที่นี่อยู่ต่อไม่ได้อีกแล้ว เขาดูถูกเซี่ยหยางเกินไป ดูท่าครั้งนี้คงจะประเมินศัตรูต่ำไปเล็กน้อย พอนึกถึงคำพูดที่ว่าเมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบากต้องยอมถอยเพื่อที่จะไม่ได้ตกเป็นเบี้ยล่าง เขาก็พาคนถอยกลับไปทันที
“ช้าก่อน ฉันบอกให้พวกแกไปได้แล้วงั้นเหรอ?”ดูเหมือนเซี่ยหยางจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เสียงซู่ดังขึ้นแล้วเขาก็โผล่ไปอยู่ตรงหน้าทันที ขวางทางของพวกเขาไว้
“กะ แกจะทำอะไรน่ะ?”เฮ่อเซ่าฉุนพูดอย่างเกรงกลัว
“ไม่คิดว่ามันขาดอะไรไปงั้นเหรอ?”เซี่ยหยางพูดอย่างยิ้มๆแต่ก็ไม่เหมือนกับยิ้ม
“ขาดอะไรไปห้ะ แกอย่าได้คืบจะเอาศอกนะเว่ย”สีหน้าของเฮ่อเซ่าฉุนเคร่งขรึมขึ้น แต่ความจริงแล้วหัวใจของเขากำลังเต้นรัวราวกับตีกลอง กล้วว่าจะถูกกระทืบ ต้องรู้ว่าเซี่ยหยางเป็นคนคนบ้าโรคจิต คนพวกนี้ล้วนเป็นมือดีในด้านชกต่อย แต่กลับสู้เซี่ยหยางไม่ได้เลย ถ้าเขาลงมือทำร้ายตนเองล่ะก็ ผลลัพธ์ยากที่จะคิดถึงจริงๆ
ตอนนี้เชฟเหลียนทำเพื่อแสดงออก เขาขวางเซี่ยหยางไว้ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ“เซี่ยหยาง เรื่องในวันนี้ถือว่าจบซะเถอะ แกอย่าหยิ่งจองหองให้มากนักนะ ต้องมีสักวัน โอ้ย……”
ไม่รอให้เชฟเหลียนพูดจบ เขาก็ถูกฝ่ามือฟาดลงไปทันที ความเจ็บปวดแสบร้อน ประเด็นคือเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รับรู้ได้เพียงว่าตรงหน้ามีเงาหนึ่งแวบผ่าน เขาอดที่จะพูดอย่างโมโหไม่ได้ว่า“คะ ใครแม่งกล้าตบกู โอ้ย……”
เซี่ยหยางฟาดลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้มันหนักมากขึ้น เขาอยากสั่งสอนไอ้เชฟเหลียนหมารับใช้ชั่วคนนี้นานแล้ว
หลังจากที่เชฟเหลียนร้องด้วยความเจ็บปวด ก็เหมือนกับว่าวที่เชือกขาดลอยไปแล้ว ล้มลงกับพื้นทันที เขากลิ้งไปมาอยู่สองสามครั้ง กุมใบหน้าที่เหมือนหมูเอาไว้ อย่างทุกข์ทรมาน
“ฉันตบเองแหละ พวกแกจะมาคิดบัญชีไม่ใช่หรอ ตอนนี้มาคิดกันหน่อยเถอะ”เซี่ยหยางดีดนิ้วให้เอ้อนิ้ว เอ้อนิ้วจึงรีบนำเครื่องคิดเลขมาให้ทันที
“คะ คิดบัญชีอะไร เราไม่คิดแล้ว”เฮ่อเซ่าฉุนรับรู้ได้ถึงการข่มขู่ ในใจขอเขาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
“ไม่สิ ยังต้องคิดดีๆ นั่งก่อนสิ”เซี่ยหยางยื่นมือไปดึงตัวเฮ่อเซ่าฉุน
เฮ่อเซ่าฉุนต่อต้านอย่างไม่รู้ตัว แต่เซี่ยหยางเหมือนจะเมินเฉยมาก มือนั้นกลับเหมือนกับโซ่เล็กกักัขังเขาเอาไว้ แทบจะกดเขานั่งลงกับเก้าอี้ เขาไม่สามารถดิ้นขยับอะไรได้เลย
“เก้าอี้หนึ่งตัวห้าร้อยหยวน โต๊ะหนึ่งตัวหนึ่งพันหยวน นี่เป็นของที่พวกคุณทำเสียหาย ใช่ไหม?”เซี่ยหยางใช้มือกดไหล่ของเฮ่อเซ่าฉุนไว้ มืออีกข้างก็กดปุ่มของเครื่องคิดเลขไปด้วย
“ห้ะ?ทำไมถึงแพงขนาดนั้นล่ะ?นี่คือการกรรโชก……”เฮ่อเซ่าฉุนอยากจะแก้ตัว รับรู้ได้เพียงแค่ความเจ็บปวดแล่นผ่านมาจากไหล่ จึงทำได้แค่หยักหน้าแล้วพูด“แกคิดเลย คิดต่อได้เลย”
“ดีมาก พวกคุณทำเก้าอี้เสียหายหนึ่งร้อยตัว โต๊ะอีกหนึ่งร้อยตัว รวมกันแล้วหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน ถูกไหม?”มุมปากของเซี่ยหยางแสยะยิ้มออกมา
“นะ นี่มันเยอะไปหน่อยนะ ทั้งๆที่เก้าอี้กับโต๊ะไม่กี่ตัวเอง……”เฮ่อเซ่าฉุนยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไหล่ของเขาเหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไงอย่างงั้นเลย เขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าด้วยสีหน้าเศร้าๆ“ใช่แล้ว พูดถูกแล้ว”
“อืม บวกกับค่าทำขวัญ ค่าคนงานของฉัน เสียเวลาทำมาหากินของฉัน นี่ก็ต้องชดใช้เหมือนกัน ทั้งหมดฉันคิดคุณหนึ่งแสนห้าหมื่น รวมกันสามแสน จ่ายเงินตอนนี้ซะ”เซี่ยหยางพูดจบ ก็ใช้แรงตรงมือเพิ่มขึ้น
เฮ่อเซ่าฉุนเหมือนได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาไม่สามารถนั่งตรงได้เลย ได้แต่กัดฟันพูดไปว่า“ฉันไม่ได้พกเงินมาเยอะขนาดนั้น”
“คุณมีบัตรไม่ใช่หรอ?ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกที่ฉันไม่มีเครื่องรูดการ์ด ฉันให้คนไปถอนเงินได้ ขอแค่คุณบอกรหัสมาก็พอ”เซี่ยหยางเหลือบตามอง แล้วทำเสียงหึอย่างเย็นชา
เฮ่อเซ่าฉุนแทบอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขายื่นบัตรออกไปด้วยมืออันสั่นเทา แล้วเอ่ยถามอย่างน่าสงสาร“ลดให้หน่อยได้ไหม?มันแพงเกินไปหน่อย”
“ได้สิ งั้นผมจะคิดอีกสิบสองเปอร์เซ็นต์ให้คุณอีกแล้วกัน ทั้งหมดรวมกันเป็นสามแสนหกหมื่น”เซี่ยหยางพูดออกไป
“อะไรนะ?สิบสองเปอร์เซ็นต์มาจากไหน?นี่มันคือการขู่กรรโชกชัดๆ……”เฮ่อเซ่าฉุนรู้สึกไม่เป็นธรรม แต่พอเห็นสายตาอันน่ากลัวของเซี่ยหยาง ความเจ็บปวดบนร่างกายจึงลอดผ่านเข้ามา จึงได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างน่าสงสาร บอกรหัสกับเซี่ยหยางไป
เซี่ยหยางส่งสัญญาณให้เอ้อนิ้วไปถอนเงิน แล้วถึงปล่อยเฮ่อเซ่าฉุนไป ยังยื่นน้ำชาที่รินแล้วไปให้ พลางพูดขึ้นมาว่า“เถ้าแก่เฮ่อ อย่าร้อนใจไปเลย เราค่อยๆจิบชากันเถอะ”
“จะ จิบชา ดะ ได้”เฮ่อเซ่าฉุนยกแก้วน้ำชาขึ้นด้วยมืออันสั่นเทา ไหล่ของเขาเหมือนได้รับการปลดปล่อย น้ำชาพุ่งกระจายออกมา ไม่รู้ว่าเจ็บหรือหวาดกลัวกันแน่
รอจนเอ้อนิ้วไปถอนเงินกลับมา เซี่ยหยางก็ยื่นบัตรไปคืนให้กับเฮ่อเซ่าฉุน แล้วโบกมือพูดขึ้นมาว่า“เสร็จเรียบร้อย บัญชีคิดเสร็จแล้วล่ะ ค่อยๆกลับนะ ผมไม่ไปส่ง”
เฮ่อเซ่าฉุนเหมือนได้รับการปลดปล่อย เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินพยุงเซไปพากับเชฟเหลียนสองคน พร้อมกับพวกทหารพ่ายที่เหลืออยู่ นั่งรถจากไปอย่างรวดเร็ว
“แม่งเอ้ย มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย เถ้าแก่เฮ่อ ครั้งนี้พวกเราขาดทุนย่อยยับเลยนะ”เชฟเหลียนนวดคลึงแก้มที่บวมแดง แล้วกล่าวโทษอย่างไม่พอใจ
เฮ่อเซ่าฉุนที่กุมตรงข้อต่อแจนไว้ แล้วพูดด้วยความโมโห“แกเป็นคิดแผนนี้มาไม่ใช่หรอ?เซี่ยหยางไอ้โรคจิต”
“เถ้าแก่เฮ่อครับ เราจะจบแค่นี้ไม่ได้นะครับ ต้องแก้แค้น”เชฟเหลียนกัดฟันกรอด
“กูรู้หน่า ถ้าไม่แก้แค้นก็เท่ากับไม่ใช่ลูกผู้ชาย รู้อย่างงี้เอาคนมาเยอะหน่อยดีกว่า ไอ้พวกถังข้าว(คนที่ไม่มีความสามารถ)” เฮ่อเซ่าฉุนท่าทางหลอมเหล็กให้มันเป็นเหล็กกล้า(การตั้งความหวังหรือเข้มงวดกับคนคนนั้นเพื่อหวังว่าคนนั้นจะได้ดิบได้ดี)
“เถ้าแก่เฮ่อ อย่างน้อยๆก็ต้องเกณฑ์คนมาอีกหนึ่งเท่า ไม่อย่างงั้น ไม่มีทางสู้เซี่ยหยางได้แน่”เชฟเหลียนพูดด้วยความโกรธ
“ไม่ อย่างน้อยต้องสามเท่า ต้องหาคนฝีมือดีมาด้วย เอาแบบที่ต่อสู้เก่ง จ่ายเท่าไหร่ฉันก็ยอม แกรีบไปจัดการซะ โอ้ย กูเจ็บจะตายอยู่แล้วเนี่ย รีบพากูไปโรงพยาบาลเร็วเข้า”เฮ่อเซ่าฉุนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“วางใจได้เลยครับ ผมรับรองว่าจะทำให้ไอ้เซี่ยหยางรู้สึกเสียใจที่มารู้จักกับพวกเรา”เชฟเหลียนพูดอย่างเหี้ยมโหด แล้วหยิบมือถือขึ้นมา โทรออกไป พูด“ฮัลโล ฉันเอง ใช่ เถ้าแก่เฮ่อมีอะไรให้แกทำ……”
“พี่หยาง?เงินนี่มาง่ายจังเลยนะครับ ทำไมพี่ไม่เรียกเยอะหน่อยล่ะ?”หลังจากที่ชาวบ้านแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เอ้อนิ้วก็หยิบเงินขึ้นมาพลางพูดไปด้วย
เซี่ยหยางที่คีบบุหรี่ไว้ในมือ หรี่ตามองไปที่ขอบฟ้า“นี่เป็นแค่การสั่งสอนพวกเขาเท่านั้น ถ้าเรียกเยอะไป มันก็จะไม่เหมือนกันน่ะสิ พวกเขาไม่มีทางเอาออกมาหรอก”
“แต่ว่า พี่เรียกเงินได้ถึงห้าแสนเลยนะครับ มันไม่ถือว่าเยอะเลย”เอ้อนิ้วหัวเราะเหอะๆ
“มันแตกต่างจากวิ่งราวยังไง”เซี่ยหยางกลอกตาใส่เอ้อนิ้ว
“แต่ว่า นี่ไม่ใช่การแย่งมาหรอครับ?แล้วเท่าไหร่จะถือว่าแย่งล่ะ?”เอ้อนิ้วถึงกับมึนงง
“อย่างน้อยๆคงต้องหลายล้านมั้ง ไม่สิ สำหรับฉันแล้ว ถ้าเป็นหลายพันล้าน น่าจะถือว่าแย่งมั้ง”เซี่ยหยางพูดอย่างมีความสุข
เอ้อนิ้วตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถาม“เงินพวกนั้นจะจัดการยังไงดีครับ?”
“นายเอาไปจัดการเองเถอะ เอาไปช่วยพวกชาวบ้าน เอาไปแบ่งให้พนักงานของฟาร์มสเตย์ด้วยนะ ที่เหลือนายเอาไปเก็บซะ หรือเอาไปซื้อเครื่องสำอางให้เมียของนายก็ได้”เซี่ยหยางพูดพลางลุกขึ้นยืน แล้วเดินกลับเข้าบ้านไป
“อะไรเนี่ย?ไม่ใช่สิพี่หยาง พี่ไม่เอาสักแดงหนึ่งเลยหรอ?นี่เป็นเงินที่พี่หามาได้เชียวนะ”เอ้อนิ้วตะโกนเรียกเซี่ยหยางไล่หลัง
“ไม่เอา นั่นเป็นของพวกนาย มีพวกนายก็มีฉันด้วยเหมือนกัน”เซี่ยหยางเผยให้เห็นรอยยิ้มอันสดใส
เอ้อนิ้วแอบยกนิ้วโป้งในใจ ด้วยใบหน้าแห่งความภูมิใจ“พี่หยาง สุดยอดไปเลย แต่ทำไมคำพูดนี้ถึงฟังดูคุ้นๆนะ เหมือนจะเคยได้ยินจากในโฆษณาทางทีวีเลย?”
เซี่ยหยางที่เท้าหน้าก้าวเข้าไปในบ้าน ปิดประตูกำลังจะเข้าไปท่องในโลกแผ่นหยก ในเวลานี้เองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น พอมองไปที่มือถือก็เห็นว่าเป็นสายจากเฉินเจียเถ้าแก่เนี้ยของร้านฝูหมั่นโหลว
“โทรหาผมมีเรื่องอะไรหรอครับ?คิดถึงผมใช่ไหมล่ะ?”เซี่ยหยางหัวเราะ
“ไปไกลๆเลยนะ หลงตัวเอง คุณอยู่บ้านไหม?”เฉินเจียพูดอย่างน่ารัก
“ไม่อยู่บ้านจะอยู่ต่างประเทศรึไงกันครับ มีอะไรก็พูดตรงๆเถอะ”เซี่ยหยางเกาหัวแกรกๆ
“งั้นคุณต้องรอฉันก่อนนะ อีกเดี๋ยวฉันก็ถึงแล้วค่ะ”เฉินเจียพูดพลางตัดสายไป
เซี่ยหยางเบะปาก กำลังคิดอยากจะเข้าไปในโลกแผ่นหยกอยู่เลย ใครจะไปรู้ว่าจะได้ยินเสียงบีบแตรดังมาจากด้านนอก พอมองออกไป ไม่ใช่ใครอื่น เฉินเจียเดินลงมาจากรถหรู
“รถของคุณเป็นยี่ห้อรถสายฟ้าหรอครับ?บทจะมาก็มาทันทีเลย?”เซี่ยหยางพูดล้อเล่น
เฉินเจียถอดแว่นกันแดดออก ยื่นมือออกไปหยิกเซี่ยหยางหนึ่งที แล้วพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า“คุณน่าเกลียดจริงๆ พูดอะไรซี้ซั้วน่ะฮ่ะ ตอนที่ใกล้ถึงฉันโทรหาแล้วนะ”
“อ๋อ มาหาผมมีเรื่องอะไรหรอครับ?”เซี่ยหยางมองเฉินเจียตั้งหัวจรดเท้าอย่างไม่รู้ตัว วันนี้เหมือนเธอจะผ่านการแต่งตัวมานะ กระโปรงสั้นแนบตัว เอวคอดกิ่ว รองเท้าส้นสูง ขาเรียวยาวสวย กลิ่นน้ำหอมที่เคล้าไปกับกลิ่นกาย ถูกโชยออกมา ทำให้คนคิดไปไกล
“ดูอะไรห้ะ?”แก้มของเฉินเจียสีแดงระเรื่อ
“สวยจังเลยครับ แบบใหม่หรอ?”เซี่ยหยางมองดูต่อไป อย่างเพ้อฝันเล็กน้อย หัวใจของเขารู้สึกร้อนวูบวาบ
“ใช่แล้ว ฉันมาเพื่อเลี้ยงข้าวตอบแทนคุณน่ะ ไปกับฉันไหม?”เฉินเจียกะพริบตาโตของเธอ ด้วยความคาดหวัง
“งั้นก็ถือว่ามาออกเดตกับผมใช่ไหม?”เซี่ยหยางยักคิ้ว
เฉินเจียกัดริมฝีปากเบาๆ“อย่าพูดอะไรเลี่ยนแบบนั้นสิ ใครจะไปออกเดตกับคุณกัน แค่อยากจะมาขอบคุณเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณผมเรื่องอะไรนะ?”เซี่ยหยางแสร้งถาม